เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[JackBam] Angels /GOT7 FanFictionChunari_CJ
Chapter 5 : ยอมรับ
  • คุณเต่าคนนั้นมาอีกแล้ว..

     

    หาไม่เจอหรอกน่าไม่ต้องส่องซะให้ยาก เราไม่ลงไปหรอก

     

    ทำเป็นใจกล้าเข้ามาคนเดียว เชอะ ถ้าไม่ได้มากับเจบีล่ะก็ยังไว้ใจไม่ได้หรอก

     

    เมื่อคืนนั้นยังเป็นแค่เต่าอยู่เลยแท้ๆ เห็นว่าตลกดีหรอกนะ..

     

    ร่างสีขาวนั่งแกว่งขาอย่างอารมณ์ดีอยู่บนยอดไม้หนา ที่ช่วยบังตัวเองให้พ้นจากสายตาของชายที่กำลังด้อมๆ มองๆ อยู่นอกกรง หัวที่ใส่หมวกกลมๆ มีปีกข้างหลังนั่นชะเง้อแล้วชะเง้ออีก

     

    เอ้าๆ คอยืดซะขนาดนั้น เดี๋ยวหัวก็หลุดออกจากกระดองหรอกคุณเต่า

     

    หืมม วันนี้ใส่หูสีดำอันนั้นมาด้วยแฮะ เด็กดำคงจะบอกแล้วล่ะสิท่า

     

    ว้า แบบนี้ก็แกล้งไม่ได้แล้วสิ อดเห็นเต่าตัวกลมๆ เลย

     

    มือเล็กเอื้อมไปเด็ดลูกไม้จากช่อที่อยู่ใกล้ๆ ได้ผลไม้กลมๆ ขนาดเท่าหัวแม่โป้งสองสามผลมาไว้ในกำมือ ตากลมโตมองผลไม้ในมืออย่างชั่งใจ

     

    อืมม  ไม่โดนจังๆ คงไม่เจ็บหรอกนะ เจบีคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้ง

     

    ว่าแล้วแองเจิ้ลส์น้อยก็หยิบผลไม้ลูกแรกแล้วดีดลงข้างๆ ชายหนุ่มที่กำลังนั่งรื้ออะไรสักอย่างในกระเป๋า แรงของแองเจิ้ลส์ทำให้ลูกไม้พุ่งลงไปราวกับกระสุนเฉียดด้านข้างของคนที่กำลังสาละวนกับอะไรสักอย่าง เศษผลไม้และเศษดินกระเด็นกระจัดกระจาย เล่นเอาคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวสะดุ้งจนสุดตัว มือหนายกขึ้นป้องกันศีรษะด้วยปฏิกิริยาตอบสนองแล้วก้มลงสังเกตรูบนพื้นดินที่เกิดจากกระสุนลูกไม้

     

    คิกๆ นั่นไง คุณเต่า  สนุกจัง~

     

    กระสุนลูกไม้ลูกที่สองตามมาติดๆ เฉียดลงอีกด้านหนึ่ง คราวนี้ชายหนุ่มแค่ยกมือขึ้นป้องกันไม่ได้สะดุ้งเหมือนครั้งแรก เขาลุกขึ้นยืนก้มลงมองตามรอยกระสุนแล้วกวาดสายตาไปรอบๆ หาทิศทางของต้นตอ

     

    ไม่เจอหรอกน่าคุณเต่า

     

    ถึงจะเสียดายที่เป็นลูกสุดท้ายแต่มือเล็กก็บรรจงดีดลงที่ใกล้ๆ กับเท้าของชายหนุ่ม ขาแกร่งยกหนีด้วยปฏิกิริยาตอบสนอง แล้วก็หยุดยืนนิ่ง สายตามองย้อนขึ้นมายังยอดไม้ที่แองเจิ้ลส์น้อยใช้พรางตัว แองเจิ้ลส์น้อยสะดุ้งแล้วก้มหลบตามสัญชาตญาณ

     

    เห็นเหรอ  ไม่ๆ ไม่มีทาง ไม่เคยมีใครจับได้ นอกจากเจบีนี่นา

     

    แองเจิ้ลส์น้อยยืดตัวขึ้นแล้วลอบมองผ่านใบไม้ที่ใช้เป็นที่กำบัง ชายหนุ่มยังคงยืนจ้องอยู่ท่าเดิมไม่ขยับไปไหน

     

    อะไรเล่า แค่นี้ก็ต้องโกรธด้วยเหรอ ไม่เจ็บซะหน่อย

     

    เพียงสักพักชายหนุ่มก็หยิบเป้ขึ้นสะพายหลังด้วยท่าทางลังเล

     

    จะไปแล้วเหรอ คุณเต่า  เราทำให้โกรธเหรอ.. 

     

    แล้วจะมาอีกมั๊ย...

     

    แองเจิ้ลส์น้อยแกว่งขาเบาๆ หัวน้อยๆ สีขาวก้มลงมองชายที่กำลังยืนอ้อยอิ่ง ปากเล็กเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองมายังทิศที่เขานั่งอยู่แล้วโบกมือไหวๆ ให้พร้อมรอยยิ้มกว้าง

     

    เอ๋ คุณเต่าไม่โกรธสินะ~

     

    บ๊ายบายนะคุณเต่า ขอบคุณที่ช่วยเมื่อคืนนั้นนะ

     

    นี่.. แล้วมาอีกนะ

     

    แองเจิ้ลส์น้อยโบกมือเล็กให้เบาๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวย จ้องมองคุณเต่าของเขาเดินกลับไปยังทางออก ร่างเล็กกระโดดลงจากยอด วิ่งไปตามกิ่งไม้ใหญ่อย่างว่องไว เพื่อกลับไปที่รังของตัวเองบนต้นไม้ต้นที่ใหญ่ที่สุดในโดม

     

    รังแองเจิ้ลส์อยู่บนต้นไม้ใหญ่ พุ่มใบดกหนาทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ตัวรังรูปร่างเหมือนโดมทรงกลมสานขึ้นจากกิ่งไม้และใบไม้อย่างประณีตงดงาม ขนาดกว้างครอบคลุมกิ่งไม้ใหญ่ถึงสามกิ่งพอที่จะให้แองเจิ้ลส์ที่อยู่ภายในเหยียดปีกออกได้อย่างเต็มที่  กิ่งไม้ขนาดเล็กและใบไม้ทั้งสดทั้งแห้งเรียงตัวกันหนาแน่นดูมั่นคง ป้องกันได้ทั้งลมฝนหรือแม้แต่หิมะ ถึงแม้ภายในโดมกระจกจะมีสภาพอากาศจำลองที่คงที่ตลอดเวลาก็ตาม ทางเข้ารังอยู่บนกิ่งที่ใหญ่ที่สุดติดกับลำต้นหนาหลายคนโอบ แองเจิ้ลส์น้อยเดินเข้าไปในรัง กระโดดข้ามกิ่งที่ทำไว้สำหรับนั่งเล่นนอนเล่น ตรงไปยังมุมที่เป็นพื้นที่โล่งกว้างที่สุด

     

    เตียงหนานุ่มที่ถูกสานขึ้นจากใบไม้ เศษผ้าหลากหลายชนิดและขนปีกของเขาเอง ร่างเล็กนั่งคุกเข่าลงบนเตียง มือควานหาอะไรบางอย่างตามขอบเตียง ตุ๊กตารูปร่างคล้ายเต่าสีเขียวถูกสานขึ้นจากใบหญ้าที่ยังดูสดใหม่ติดมือขึ้นมา ใบหน้าหวานอมยิ้มน้อยๆ ชูเต่าขึ้นมาจ้องดู นิ้วเรียวจิ้มไปที่หัวเต่าเบาๆ แล้วเอาไปวางไว้บนกิ่งที่ยื่นมาเหมือนชั้นวางข้างๆ เตียง ใกล้กับตุ๊กตารูปร่าง เหมือนแองเจิ้ลส์สองตัวและตุ๊กตามนุษย์อีกสองตัว  ใบหญ้าที่ใช้สานตุ๊กตามนุษย์กับแองเจิ้ลส์นั้นแห้งจนดูคล้ายฟาง ต่างกับตุ๊กตาเต่าที่ยังคงสดใหม่ ร่างเล็กล้มตัวกลิ้งไปมาบนเตียง

    .

    .

    .

    แจ็คสันหยุดยูนิไซค์ของเขาที่หน้าประตูแผนก วันนี้เขาอุตส่าห์รีบมาแต่เช้าเพื่อแวะเข้าไปที่โดมเล็กก่อนเข้างาน หลังจากที่เมื่อวานยูคยอมพาเขาไปหายองแจเพื่อช่วยปลดล็อคคีย์การ์ดของเขาให้เรียบร้อย ถึงแม้จะต้องกล่อมกันอยู่นานเพราะยองแจกลัวว่าจะโดนเจบีคาดโทษ แต่เรื่องที่ยูคยอมเล่าให้ยองแจฟังว่าเขาไม่โดนแบมแบมอาละวาดใส่ถึงแม้จะเจอกันครั้งแรก(ที่เขาไม่ได้บอกใครว่าไม่ใช่ครั้งแรก) สร้างความประหลาดใจให้ยองแจอยู่ไม่น้อย ในที่สุดยองแจก็ยอมปลดล็อคให้โดยมีข้อแม้ว่าเขาต้องไปช่วยงานที่แผนกไอทีจนกว่าแฮ็คเกอร์หน้าเด็กจะพอใจ เขาตกลงรับคำถึงแม้จะไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรได้ในแผนกไอทีก็ตาม

     

    ถึงจะไม่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำที่โดมเล็ก แต่อย่างน้อยก็พอจะแน่ใจได้ว่าแบมแบมไม่ได้ต้องการทำร้ายเขา กระสุนลูกไม้นั่นเฉียดเขาไปมาแทนที่จะโดนจังๆ ความแรงและความแม่นยำนั่นสามารถทำให้บาดเจ็บได้แน่ๆ ถ้าโดนเข้าตามตัว แองเจิ้ลส์คงต้องการจะขู่ให้เขากลัวและไล่เขาออกมามากกว่า แต่ว่าแองเจิ้ลส์ยังรู้จักหวังแจ็คสันคนนี้น้อยไป เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เขาถอยได้ง่ายๆ หรอกน่า ที่เขายอมออกมาเพราะไม่ต้องการให้แบมแบมรู้สึกว่าเขารุกล้ำมากจนเกินไป

     

    แจ็คสันก้าวผ่านประตูแผนกเข้ามาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างร่างหนึ่งที่โซฟา ชายที่เขาเคยเห็นเพียงด้านหลังกำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนกอดอกอยู่ที่ริมโซฟาด้านหนึ่ง ขายาววางพาดไขว้กันอยู่บนโต๊ะกาแฟ ฮู้ดสีดำถูกดึงลงมาปิดใบหน้าจนเกือบมิด แจ็คสันไม่กล้าขยับเพราะไม่แน่ใจว่าคนตรงหน้าเขากำลังหลับเลยไม่ได้หลบหน้าเขาอย่างที่เคยเป็น หรือว่ากำลังรอเขาอยู่กันแน่ เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นยูคยอมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะส่งสัญลักษณ์ไฟท์ติ้งมาให้เป็นกำลังใจ

     

    “เอ่อ.. สวัสดีครับฮยอง” แจ็คสันส่งเสียงให้คนที่อยู่บนโซฟารู้สึกตัว มือเผลอยกขึ้นมาตะเบ๊ะทำความเคารพ ทั้งตัวแอบเกร็งด้วยความตื่นเต้น แต่คนบนโซฟายังคงนิ่งเฉย แจ็คสันเกาหัว ยกไหล่แบมือ ใบหน้าใส่แววฉงนคุยกับยูคยอมด้วยภาษากาย  ยูคยอมตอบกลับด้วยการยกนิ้วชี้ขึ้นซึ่งเขาแปลได้ว่าให้ลองอีกที

    “เอ่อ.. ฮยองครับ”

    “เวรรักษาความปลอดภัยมีกี่กะ” เสียงทุ้มต่ำถามทั้งๆ ที่ยังอยู่ในท่าเดิม

    “สามครับ กอร์ดอน แบรนด์สัน แล้วก็สแตน”

    “ทางเข้าออกมีกี่ทาง”

    “ทางหลักมีแค่ประตูหน้าทางเดียวครับ นอกนั้นมีอีก 5 ประตู เป็นทางหนีไฟที่ล็อคไว้ด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่สามารถเปิดด้วยคีย์การ์ด จะเปิดได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุฉุกเฉินแจ้งในระบบเท่านั้น”

    “ข้อห้ามแผนกวิจัย”

    “ห้ามนำเข้าหรือส่งออกข้อมูลทุกชนิดโดยที่ไม่ผ่านเซิฟร์เวอร์หลัก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลตัวหนังสือ เอกสาร ภาพ หรือเสียง ข้อมูลที่เป็นแมนนวลทุกชนิดจะต้องถูกตรวจสอบ”

    “แองเจิ้ลส์ของสถาบัน”

    “มีทั้งหมดสามคู่ครับ โฮเซ่ เพิร์ล การ์เน็ท แซฟไฟร์ เมเปิ้ล แล้วก็ไพน์  อ้อ แล้วก็ยังมี แบมแบมด้วยครับ”


    เจบีขยับตัวขึ้นนั่งทันทีที่ได้ยินชื่อแบมแบม มือหนาดึงฮู้ดลงจากศีรษะ ตัวหันขวับกลับไปหายูคยอมที่นั่งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่ที่โต๊ะ

    “ยูคยอม นาย!”


    “อย่าโทษยูคยอมเลยครับฮยอง ผมเป็นคนอยากรู้แล้วก็คาดคั้นเขาเองครับ ฮยองลงโทษผมได้เลย” แจ็คสันก้มหัวขอโทษจนตัวเกือบขนานกับพื้น

     

    “เจบีฮยองงงง  แบมแบมไม่ได้เป็นเด็กดีกับฮยองคนเดียวแล้วนะฮะ”

    “ว่าไงนะ”

    “ก็เมื่อวาน แบมแบมไม่อาละวาดเลยนี่ฮะ ตอนที่ผมพาเฮียแจ็คเข้าไป จริงๆ ก็เกือบไปเหมือนกันแต่.. เค้าหนีไปเฉยๆ ล่ะ”

    เจบีลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินตรงมาหาคนที่กำลังก้มหัวให้โดยที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้น

     

    “เงยหน้าขึ้นสิ”  แจ็คสันยืดตัวขึ้นตรงเต็มความสูง แต่ถึงกระนั้นเจบีก็ยังสูงกว่าเขาเล็กน้อย (เขาเชื่อว่าเป็นเพราะส้นคอมแบ็ทของเจบีหนาเกินไป ไม่ใช่เพราะเขาขาสั้นแต่อย่างใด) เจบียืนกอดอก ดวงตาเรียวสำรวจคนตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา แจ็คสันแอบกลืนน้ำลายในความกดดันของสายตาที่เข้มงวด


    “ไรอันบอกว่านายใช้อาวุธได้คล่องพอตัว แสดงว่าทักษะที่กรอกในใบสมัครทั้งหมดนั่นไม่ได้โม้สินะ”

    “เอ่อ ครับฮยอง”

    “อะไรบ้างที่นายไม่ถนัด”

    “ก็ส่วนใหญ่พวกเทคโนโลยี แต่ผมเรียนรู้ไวนะครับ ผมเชื่อว่าถ้าตั้งใจ อะไรก็ทำได้ทั้งนั้น” เจบีพยักหน้ารับรู้


    “นาย! มากับฉัน ส่วนยูคยอม! นายเขียนรายงานเรื่องที่พาหมอนี่เข้าไปที่โดมเล็กโดยพละการ ไม่ขออนุญาตฉันก่อนมาส่งแล้วห้ามทำแบบนี้อีก” เจบีหันไปคาดโทษยูคยอมก่อนเดินออกจากประตูไป แจ็คสันยกมือไหว้ท่วมหัวเป็นการขอโทษที่ทำให้เด็กแสบต้องถูกคาดโทษ ยูคยอมโบกมือตอบแล้วไล่เขาให้รีบตามเจบีไป

     

    เจบีพาเขาย้อนกลับไปยังทางที่เขาเพิ่งจากมาหมาดๆ ร่างสูงของเจบีทรงตัวอยู่บนฮูเวอร์บอร์ดแรงดันที่ลอยตัวอยู่เหนือพื้นประมาณสองฝ่ามือ ตัวฮูเวอร์บอร์ดรูปร่างเหมือนสเก็ตบอร์ดสีดำเรียบๆ ปราศจากล้อ เขาคิดว่าน่าจะเป็นของส่วนตัว เพราะไม่มีอยู่ในลิสต์อุปกรณ์ของสถาบัน ทั้งบอร์ด ทั้งแจ็คเก็ตมีฮู้ดสีดำ บวกกับจิวและห่วงที่เรียงกันอยู่บนใบหูนั่นรวมกัน ดูแล้วเหมือนศิลปินฮิปฮอปมากกว่าหัวหน้าหน่วยลาดตระเวน เจบีหยุดที่หน้าประตูอุโมงค์แก้วที่นำไปยังโดมเล็ก ขาซ้ายก้าวลงจากบอร์ดแล้วกระแทกส้นเท้าลงที่พื้นสองครั้ง บอร์ดสีดำก็ถูกพับเก็บเข้าไปที่ใต้รองเท้าคอมแบ็ตข้างขวาอย่างรวดเร็ว

     

    “โว้วว สะดวกดีแฮะ เท่ชะมัดเลย”  แจ็คสันพึมพำเบาๆ กับตัวเอง เจบีแตะการ์ดสีเงินของเขาเพื่อเปิดประตู แจ็คสันรีบหยิบเอียร์ปลั๊กของเขาขึ้นมาสวมโดยไม่รอช้า เจบีลอบสังเกตเด็กฝึกของเขาอยู่เงียบๆ แม้จะเดินนำหน้าไปเปิดประตูโดมทันทีโดยไม่รอเช็คความเรียบร้อยก็ตาม แจ็คสันสังเกตเห็นว่าเจบีไม่ได้สวมเอียร์ปลั๊กอย่างเขา จึงเอื้อมมือไปสะกิดเจบีแล้วชี้ไปที่เอียร์ปลั๊กโดยไม่ได้ใช้เสียง แต่เจบีไม่ได้สนใจ ยังคงเดินไปตามทางเดินเลียบกรงสีดำนั้นอย่างมั่นคง

     

    เจบีพาเขาเดินเลยจากจุดที่เขานั่งอยู่เมื่อเช้าเข้าไปอีก  รูกระสุนบนพื้นดินเมื่อเช้ายังคงอยู่ที่เดิมเมื่อเขาเดินผ่าน  เขาเดินตามเจบีเข้าไปจนกระทั่งถึงบริเวณที่เหมือนจะเป็นประตูกรง ตรงหน้าประตูมีแท่นควบคุมรูปร่างเหมือนแท่งเหล็กสี่เหลี่ยมจัตุรัสสีเทาขนาดสูงเท่าเอวตั้งอยู่บนพื้นบนแท่นมีปุ่มอยู่อีกหลายปุ่ม ด้านหลังประตูภายในกรงเป็นที่ราบโล่งกว้าง เจบีกดปุ่มสองสามครั้งแล้วจึงวางฝ่ามือทาบลงบนแท่น ประตูกรงสีดำก็เด้งเปิดออก ชายหนุ่มหันมาทำท่าทางบอกให้แจ็คสันรออยู่ข้างนอก ก่อนจะก้าวเข้าไปในกรงแล้วเดินลึกเข้าไปด้านในอีกเล็กน้อย 

     

    “แบมแบม ฉันมาแล้ว” เจบีตะโกนเสียงดังไปยังทิศที่เต็มไปด้วยต้นไม้ แล้วหยุดรอ เพียงชั่วสองสามอึดใจ ร่างเล็กสีขาวก็กระโดดลงจากต้นไม้ใหญ่ที่ใกล้ที่สุด แล้ววิ่งตรงเข้ามาหาเจบีที่ยืนอ้าแขนรอรับ แต่กลับชะงักไปกลางทางเมื่อตากลมโตสังเกตเห็นชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่นอกกรง ขาเล็กถอยหลังกลับช้าๆ มองหน้าเจบีสลับกับแจ็คสันที่ยืนรอด้วยท่าทางระมัดระวัง

     

    “ไม่เป็นไร เขามากับฉัน มานี่สิ” เจบีกวักมือเรียกแองเจิ้ลส์น้อยที่ทำท่าจะหันหลังกลับ ร่างเล็กค่อยๆ เดินเข้ามาหาชายหนุ่มด้วยท่าทีหวาดระแวง สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่คนนอกกรงสลับกับเจบี สีหน้าของหัวหน้าหน่วยลาดตระเวนที่เรียบเฉยมาตั้งแต่เช้าคลี่ยิ้มบางเบา แองเจิ้ลส์น้อยยิ้มรับแล้ววิ่งเข้าหาอ้อมกอด

     

    “ เจบี~~ ” 

     

    แจ็คสันแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ นั่นเป็นครั้งแรก เขาพอรู้อยู่บ้างว่าแองเจิ้ลส์สามารถเรียนรู้ได้ และแองเจิ้ลส์ของสถาบันก็เรียนรู้วิธีใช้ภาษาจากจินยอง แองเจิ้ลส์ในสถาบันจึงสามารถเข้าใจภาษามนุษย์ ส่วนเรื่องจะพูดหรือไม่ขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าตัว แต่เสียงของแบมแบมที่เขาเพิ่งได้ยินเมื่อสักครู่มันช่าง...

     

    “วะ น่ารักชะมัด” แจ็คสันพึมพำอยู่ในลำคอ เฝ้ามองหัวหน้าของเขาลูบหัวสีขาวนั้นเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แองเจิ้ลส์น้อยกอดเจบีแล้วเงยหน้าขึ้นยิ้มจนตาหยี ไร้วี่แววของความโดดเดี่ยวอ้างว้างที่เขาเคยเห็น  ถึงเขาจะรู้สึกอิจฉาเจบีอยู่เล็กๆ แต่ก็ยังดีใจมากกว่าที่ได้เห็นแบมแบมในระยะใกล้แค่เอื้อม

     

    แองเจิ้ลส์น้อยเหมือนเด็กชายวัย 15-16 ปี รูปร่างบอบบางพอๆ กับเพิร์ล ผิวละเอียดขาวจัดแต่ไม่ได้ดูซีดเซียว ผมสีขาวบริสุทธิ์ ดวงตาสีดำกลมโตที่ขณะนี้เต็มไปด้วยแววซุกซน จมูกโด่งรั้น ปากอิ่มสีชมพูระเรื่อ ชุดแขนสั้นขาสั้นสีขาวดูเข้ากันกับแองเจิ้ลส์น้อยอย่างบอกไม่ถูก มีเพียงปลอกคอสีดำคล้ายโชกเกอร์ที่สวมอยู่รอบคอเท่านั้นที่ดูแปลก  ได้เห็นใกล้ๆ แล้วเขาชักอยากเอาตัวเองเข้าไปแทนเจบี แต่เสียงแสบแก้วหูที่ได้ยินเมื่อคืนแรก กับแรงกระสุนลูกไม้เมื่อเช้าช่วยตรึงเขาเอาไว้กับที่ ถึงจะดูน่ารักน่าทะนุถนอมแต่ก็ยังมีอันตราย เขาเองก็ต้องจำข้อนี้เอาไว้ให้ดี

     

    เจบีพูดอะไรสักอย่างกับแบมแบมแล้วเอามือชื้อไปที่หู แบมแบมพยักหน้ารับ เจบีจึงส่งสัญญาณให้เขาเอาเอียร์ปลั๊กออก หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนก้มลงกระซิบกระซาบที่หูแองเจิ้ลส์น้อยแล้วชี้มาที่เขา ท่าทีของแบมแบมมีแววครุ่นคิดแต่แล้วก็พยักหน้าเบาๆ เจบีขยี้หัวสีขาวนั่นน้อยๆ ดึงแบมแบมเข้ามากอดแล้วตบไหล่เล็ก ชี้ไปที่ริมทะเลสาบแบมแบมพยักหน้า กอดเจบีอีกครั้งแล้วจึงวิ่งไปที่ริมทะเลสาบ

     

    เจบีถอนหายใจบางเบาหันกลับออกมาจากกรงแล้วเดินตรงมาที่เขา มือล้วงเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋าแจ็กเก็ต

     

    “ทำตัวตามสบายได้แล้ว” เจบีพูดพลางโยนสิ่งที่ล้วงออกจากกระเป๋ามาให้เขา แจ็คสันรับเอาไว้อย่างง่ายดาย เขามองสิ่งที่เจบีโยนมาให้ด้วยความตื่นเต้น สิ่งที่อยู่ในมือเขาตอนนี้คือสมาร์ทริสแบนด์สีดำเหมือนของยูคยอมกับจินยอง

     

    “นายได้เข้าทีม แต่ยังอยู่ในฐานะเด็กฝึก นายต้องฝึกร่วมกับทีมตามตาราง และเรียนรู้เรื่องแองเจิ้ลส์จากจินยองซะก่อน จนกว่าฉันจะบอกให้นายออกภาคสนามได้” เจบีพูดพลางเดินมายืนกอดอกพิงต้นไม้ใกล้ๆ กับเขา

     

    “ขอบคุณครับฮยอง!! ผมจะตั้งใจที่สุดเลยครับ!” แจ็คสันสวมริสแบนด์เข้าที่ข้อมือแทนนาฬิกาของเขาที่เพิ่งแกะออก

     

    “ไม่ต้องขอบคุณฉัน ไปขอบคุณคนรับรองของนายโน่น ที่จริงฉันตั้งใจจะจับตาดูนายต่อไปนานกว่านี้อีกสักหน่อย”

     

    “คนรับรอง??”

     

    “นั่นไงคนรับรองของนาย” เจบีพยักพเยิดไปทางร่างเล็กที่วิ่งเล่นอยู่ริมทะเลสาบ แบมแบมหันมาทางพวกเขาแล้วโบกมือให้ ในมือเล็กกำบางอย่างคล้ายใบหญ้าเรียวยาว

     

    “แบมแบมไม่เคยไว้ใจคนผิด” เจบีโบกมือตอบร่างเล็ก ท่าทางน่ารักดูขัดกับบุคลิกสุขุมเงียบขรึมที่เป็นอยู่

     

    “นายคงรู้แล้วเรื่องที่แบมแบมมีประวัติทำร้ายเจ้าหน้าที่”

     

    “ครับ”

     

    “เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เคยถูกแบมแบมทำร้าย ฉันไปตรวจสอบดูแล้วทุกคนมีประวัติไม่ค่อยดี บางคนที่โดนจนบาดเจ็บหนักก็ออกจากสถาบันไป คนที่ไม่เจ็บมากก็มาออกลายเอาทีหลัง แต่ต้องเป็นแบบนั้นทุกคน ฉันเคยแจ้งเรื่องนี้ขึ้นไปข้างบนแล้ว แต่ข้างบนก็ยังยืนยันว่าแบมแบมเป็นอันตรายแล้วก็สร้างกรงนี่ขึ้นมา” น้ำเสียงเจบีเน้นหนักเมื่อพูดถึงกรงสีดำตรงหน้า แววตาแฝงด้วยความเจ็บปวด

     

    “อย่าทำให้เด็กคนนั้นผิดหวังที่เชื่อใจนาย ไม่อย่างนั้นฉันเองนี่แหละที่จะจัดการกับนายซะ” เจบีหันมาพูดกับเขาอย่างหนักแน่น

     

    “แน่นอนครับ ฮยองอาจจะไม่เชื่อก็ได้แต่..  ผมรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนั้น” แจ็คสันยืนยัน

     

    “ถูกชะตาเรอะ... ” เจบีเงียบไปชั่วครู่

     

    “อย่าหลงรักเข้าล่ะ... แองเจิ้ลส์น่ะ.. เกิดมาเพื่อแองเจิ้ลส์ด้วยกันเท่านั้น... ”  แจ็คสันหันไปมองเจบีอย่างไม่เข้าใจ

     

    “แล้วผมจะไปหลงรักแองเจิ้ลส์ได้ไงครับ    เขาไม่ใช่มนุษย์สักหน่อยนี่นา” น้ำเสียงแจ็คสันยิ่งสับสน  เจบียิ้มเหมือนกำลังคิดถึงอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ดึงสีหน้าเรียบเฉยกลับมา

     

    “นั่นสินะ.. แล้วอีกอย่าง เด็กคนนั้นน่ะ จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้..”

     

    “ฮยองว่าไงนะฮะ... ”

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in