“อึก!! อ๊ากกกกกกก!!”
ราวกับว่าพื้นที่เขายืนอยู่มันหายไปและตัวเขาร่วงหล่นลงสู่ห้วงอวกาศความร้อนสูงพุ่งขึ้นมาที่กลางอก แจ็คสันทรุดลงชันเข่า มือขวากุมหน้าอกไว้ด้วยความทรมานเหงื่อเขาแตกพลั่ก ดวงตาพร่ามัว เขาได้ยินเสียงเจบีเรียกดังมาจากที่ไกลๆ แต่นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่สามารถรับรู้อะไรรอบข้างได้อีกในหัวมีเพียงภาพมากมายวิ่งวนไปวนมา จิ๊กซอว์ในชีวิตของเขากำลังต่อตัวมันเองเข้าด้วยกันโดยมีเสียงที่เขาได้ยินมาตลอด และภาพของแองเจิ้ลส์น้อยที่เอื้อมมือมาหาเขาเป็นตัวเชื่อมประสานชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว ความโดดเดี่ยว ความท้อแท้ ความเศร้า และความสุขของใครอีกคนที่กำลังหลั่งไหลเข้ามาในตัวเขาเสียงร่ำร้องหาเขานับล้านครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความร้อนจากกลางอกแผ่ขยายไปทั่วร่างกายจนเขาแทบทนไม่ไหวมือทั้งสองข้างสั่นระริก ขาเริ่มไร้เรี่ยวแรงและความมืดเริ่มเข้าครอบคลุมทุกอย่าง
“แจ็คสัน!! เฮ้! เป็นอะไรไป! แจ็คสัน!!” เจบีก้มลงตามร่างที่อยู่ดีๆ ก็ทรุดลงไปหลังจากที่เขาเอ่ยชื่อเมทของแบมแบมเด็กฝึกงานของเขาตัวสั่นเทา เหงื่อโซมไปทั่วทั้งตัว ทั้งๆที่เมื่อสักครู่ก็ยังดูปกติดี
“ยูคยอม! มาช่วยกันหน่อยเร็ว!” เจบีตะโกนเรียกร่างสีดำที่เพิ่งผ่านเข้ามาในสายตา ยูคยอมจึงรีบวิ่งตรงเข้ามาทันที
“เฮีย! ฮยองเฮียเป็นอะไรฮะ”
“ไม่รู้เหมือนกันอยู่ดีๆ ก็ทรุดลงไป ช่วยกันประคองไปห้องข้างๆ ก่อน!” ร่างยักษ์ของยูคยอมก้มลงคว้าตัวของแจ็คสันแล้วช่วยประคองให้ยืนขึ้นโดยมีเจบีช่วยพยุงอยู่อีกข้าง
“ฮยองเฮียหมดสติไปแล้วฮะ”
“อื้มพาไปนอนในห้องนั้นก่อน” เจบีช่วยยูคยอมพยุงแจ็คสัน แต่สายตาก็ยังไม่วายเหลือบเข้าไปมองในห้องกระจกเขาเห็นจินยองกำลังจัดท่านอนให้แองเจิ้ลส์น้อยที่หลับไปอีกครั้งชายหนุ่มในห้องเองก็มองภาพที่อยู่ข้างนอกด้วยความประหลาดใจเช่นเดียวกัน เจบีพยักเพยิดให้จินยองรู้ว่าพวกเขาจะไปห้องถัดไปจินยองจึงพยักหน้ารับเบาๆ แล้วกลับไปสนใจแองเจิ้ลส์น้อยต่อ
.
.
.
.
.
แจ็คสันรู้สึกเหมือนตัวเขากำลังร่วงหล่นแต่ในที่สุดมันก็หยุดลง เขาพบว่าตัวเองกำลังนั่งชั่นเข่าอยู่ท่าเดิมแต่ความร้อนและความเจ็บปวดทั้งหลายหายไปหมดแล้วรอบตัวเขามีแต่เพียงความมืดมิด ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนและหันมองไปรอบๆ เมื่อสักครู่เขายังอยู่ที่สถาบันแล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน
“นี่มันที่ไหนเนี่ย มืดชะมัด” แจ็คสันหรี่ตาลงและพยายามปรับสายตาของตัวเองให้ชินกับความมืดจนกระทั่งมองเห็นแสงสว่างจากที่ไกลๆ เขาจึงตั้งใจจะเดินไปตามทางนั้น แต่พอเขาก้าวขาออกไปแสงสว่างนั้นก็พุ่งวาบผ่านตัวเขา แล้วทิวทัศน์รอบตัวเขาก็เปลี่ยนไป
“ที่นี่มันแองเจิ้ลส์สเปซนี่” ภาพคนขวักไขว่และอาคารรูปทรงแปลกตาคล้ายปีกอันใหญ่ เหมือนที่อยู่ในความทรงจำของเขาไม่มีผิดสิ่งที่แปลกไปคือทุกอย่างดูลางเลือน ราวกับมีหมอกหนาปกคลุมอยู่ทั่วไป ชายหนุ่มได้ยินเสียงหัวเราะที่คุ้นเคยดังอยู่ไม่ไกลนัก
“มาเร็วลูกเจียเออร์ นี่ไงที่ลูกอยากมา” เสียงนั้นเหมือนก้องอยู่ในหัวเขา ภาพหญิงสาวและเด็กชายวันประมาณห้าขวบกำลังเดินจูงมือกันผ่านตัวเขาเข้าไปในอาคารอย่างร่าเริง
“แม่..นั่นมัน.. เรา.. นี่มันอะไรกันเนี่ย” แล้วภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้งเป็นภาพภายในอาคารหน้าห้องกระจกที่มีแองเจิ้ลส์ผมและปีกสีเขียวซีดจางนั่งเอนตัวซบอยู่กับต้นไม้ใหญ่
“เป็นไงจ๊ะลูกดูสิ เขาสวยมากเลยเนอะ”
“สวยฮะ สวยจังเลย”
“เจียเออร์ รู้มั้ยลูกก็ได้รับพรจากนางฟ้าเหมือนกันนะ
“ผมเหรอฮะ”
“ใช่จ้ะเพราะฉะนั้นลูกต้องรักนางฟ้าให้มากๆ ห้ามทำร้ายเขาเด็ดขาดเลยนะ”
“ฮะแม่”
พอสิ้นเสียงเด็กชายทิวทัศน์รอบข้างเขาก็เปลี่ยนไปอีกครั้งคราวนี้เป็นภาพในป่าลึกตรงหน้าเขามีแองเจิ้ลส์เด็กที่มีปีกหลากสีสันกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานน่าแปลกที่อยู่ๆ เขาก็เข้ามาใกล้ฝูงแองเจิ้ลส์ขนาดนี้ แต่ดูเหมือนไม่มีใครสังเกตุเห็นเขาเลยเพียงชั่วอึดใจแองเจิ้ลสีขาวก็โผลงมาจากต้นไม้ใกล้ๆ
“นั่นแบมแบมนี่ แบม! เฮียอยู่นี่!เห็นเฮียมั้ย! แบม” แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจเขา กลุ่มแองเจิ้ลส์เด็กที่กำลังเล่นอยู่ชะงักเมื่อแองเจิ้ลส์น้อยลงมา เด็กหลายคนแสดงท่าทีรังเกียจ มีเพียงแองเจิ้ลส์เด็กปีกสีเทอร์ควอยซ์ที่ยิ้มแล้วก้าวออกมาแองเจิ้ลส์น้อยของเขายิ้มให้อย่างยินดี แต่ทันใดนั้นเองแองเจิ้ลส์เด็กคนนั้นก็ปาดินที่อยู่ในมือใส่แองเจิ้ลส์น้อย ทำเอาใบหน้าของเด็กน้อยเปรอะเปื้อนเด็กทุกคนต่างหัวเราะชอบใจ แล้วก้มลงเก็บหินช่วยกันปาใส่แองเจิ้ลส์น้อย
“เฮ้ทำอะไรกันน่ะ หยุดนะ อย่าแกล้งแบม พวกเธอ หยุดเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มพยายามเอาตัวเองเขาไปขวางก้อนหินเหล่านั้นแต่ก้อนหินก็ทะลุร่างของเขาไป แองเจิ้ลส์น้อยร้องไห้และวิ่งหนี แต่เด็กพวกนั้นก็ยังไล่ปาหินใส่เขาไม่ยอมหยุด
“อย่านะอย่าทำแบมแบม อย่า!! โธ่โว้ย อะไรกันเนี่ย” แจ็คสันหันไปมองหาแองเจิ้ลส์น้อย แต่จู่ๆ ภาพก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง กลายเป็นภาพตอนที่แม่ซื้อเมาท์ออแกนอันแรกให้เขาและสอนเขาเป่าเพลง ตัวเขาตอนที่ยังเด็กหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ไม่นานนักภาพก็เปลี่ยนเป็นคาคบไม้สูงใหญ่มีแองเจิ้ลส์น้อยนั่งกอดเข่าอยู่เพียงลำพัง ปีกสีขาวกางออกห่อหุ้มตัวเองเองไว้ ครู่หนึ่งแองเจิ้ลส์น้อยก็เงยหน้าขึ้นและเอียงคอเหมือนกำลังเงี่ยหูฟังอะไรบางอย่าง แล้วมือเล็กก็เด็ดใบไม้ที่อยู่ใกล้ๆมาเป่าไปทีละโน๊ต จนกลายเป็นเพลงโปรดของเขา ใบหน้าหวานมีรอยช้ำจางๆแต่ก็แต้มด้วยรอยยิ้มเมื่อเป่าเป็นเพลงได้
ภาพทั้งหมดตัดไปตัดมาจนในที่สุดเขาก็เข้าใจนี่คือชีวิตของเขาและแบมแบม เขากำลังได้รับรู้สิ่งที่แองเจิ้ลส์น้อยต้องเผชิญ โดยที่ตัวเขาในตอนนั้นไม่ได้รับรู้หรือรับความรู้สึกใดๆจากแองเจิ้ลส์น้อยได้เลย มีเพียงแองเจิ้ลส์น้อยเท่านั้น ที่สามารถรับความรู้สึกจากเขาได้เขาเห็นตัวเองกำลังฉลองที่ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมตอนประถม แองเจิ้ลส์น้อยที่ถูกฝูงแองเจิ้ลส์เด็กไล่ฉีกทึ้งปีกสีขาวตัวเขาชนะการแข่งกันบาสเก็ตบอลของโรงเรียน แองเจิ้ลส์น้อยที่กำลังถูกแองเจิ้ลส์โตเต็มวัยตบตีเพราะไปตอบโต้แองเจิ้ลส์เด็กที่เป็นลูกเขากำลังไปเที่ยวสวนสนุกกับเพื่อนๆ แองเจิ้ลส์น้อยที่พยายามเอาดอกไม้ผลไม้สีต่างๆ มาขยี้แล้วทาตามเนื้อตัวของตัวเองรวมทั้งผม และปีกเพื่อให้กลายเป็นสีอื่น เขากำลังเศร้าเพราะแพ้การแข่งขันแต่ก็มีเพื่อนรายล้อม แองเจิ้ลส์น้อยที่ตัดสินใจไม่กางปีกสีขาวออกมาอีกและหลบซ่อนตัวเองจากฝูงแองเจิ้ลส์
ท่ามกลางภาพที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมามากมายชายหนุ่มทรุดตัวลง น้ำตาไหลลงอาบแก้ม
“พอแล้ว!พอที! พระเจ้า ผมขอร้อง!แบบนี้มันโหดร้าย โหดร้ายกับเขามากเกินไป ถ้าพระองค์ให้ผมเป็นเมทเขา ทำไม ทำไมพระองค์ไม่ให้ผมช่วยเขาได้ตั้งแต่ตอนนั้นทำไมผมถึงไม่รับรู้ว่าเขามีตัวตน เพราะผมเป็นมนุษย์งั้นเหรอ แล้วเราจะเป็นเมทกันได้ยังไงในเมื่อแองเจิ้ลส์ เกิดมาเพื่อแองเจิ้ลส์เท่านั้น!”
แต่ภาพเหล่านั้นก็ยังไม่ยอมหยุดแต่กลับยิ่งเร่งความเร็วมากขึ้นภาพเขาสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะความฝันสีขาว ภาพแองเจิ้ลส์น้อยที่เปล่งเสียงเรียก เจียเออร์เป็นครั้งแรกและยิ้มออกมา ภาพเขากำลังเป่าเทียนบนเค้กวันเกิด ภาพแองเจิ้ลส์น้อยที่หยุดร้องไห้เพราะความสุขของเขาภาพเขากำลังเล่นดนตรีกับเพื่อนๆภาพแองเจิ้ลส์น้อยที่หลับพริ้มอย่างมีความสุขกับเสียงดนตรี ภาพที่เขาตั้งใจเข้ามหาวิทยาลัยและภาพสุดท้าย.. คือภาพแองเจิ้ลส์น้อยทิ้งตัวเองลงจากยอดไม้..
.
.
.
.
.
“ไม่!!!!!!!!!!!!!!” แจ็คสันสะดุ้งสุดตัว แขนทั้งสองข้าวไขว่คว้าอากาศที่ว่างเปล่า
“เฮ้ยเฮีย!ใจเย็น เดี๋ยวก็ตก” ยูคยอมคว้าตัวแจ็คสันเอาไว้ได้ทันก่อนที่ชายหนุ่มจะผวาจนตกจากเตียงแจ็คสันมองไปรอบๆ อย่างมึนงง ลมหายใจหอบถี่ ความร้อนตรงกลางอกเขากลับมาอีกครั้ง
“นายเป็นอะไรกันแน่อยู่ดีๆ ก็วูบไป มีโรคประจำตัวที่ไม่ได้กรอกลงในประวัติรึไง” เจบีถามเสียงเครียด เพราะการปิดบังประวัติการรักษาต่างๆในใบสมัครเท่ากับว่าเป็นความผิด
“แบมแบมผมต้องไปหาแบมแบม” แจ็คสันรีบร้อนลงจากเตียงแต่เจบีก็หยุดเขาเอาไว้
“เดี๋ยวนายจะไปได้ยังไง ไม่มีใครเข้าไปหาแบมแบมได้ทั้งนั้นตอนนี้จนกว่าเราจะหาเมทของเด็กคนนั้นเจอ”
“ผมเอง! เมทของแบมแบมคือผมเอง เป็นผมมาตลอด”
“นายว่าไงนะ”
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด”หัวหน้าแผนกวิจัยคัดค้านเสียงแข็งทันทีที่เข้ามาได้ยิน “ถ้านายเป็นเมทของแบมแบมจริง ทำไมนายถึงไม่บอกพวกเราตั้งแต่แรกแล้วอีกอย่าง ถึงมนุษย์กับแองเจิ้ลส์จะดูรูปร่างคล้ายกัน แต่ถึงยังไงเราก็จัดเป็นคนละสปีชีส์กันไม่มีทางที่มนุษย์จะเป็นเมทของแองเจิ้ลส์ไปได้เด็ดขาด”
“เฮียผมว่าเฮียอาจจะเป็นห่วงแบมแบมมากเกินไป จนคิดไปเองก็ได้” ยูคยอมแสดงความเห็นที่คิดว่าอาจจะเป็นไปได้
“ไม่นะ!ผมไม่ได้คิดไปเองจริงๆ ฮยอง เชื่อผมสิ ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไปได้ยังไง แล้วผมเองก็เพิ่งรู้ด้วยเหมือนกันถ้าผมรู้แต่แรก ผมคงไม่ปล่อยให้แบมแบมเป็นถึงขนาดนี้แน่” แจ็คสันพยายามอธิบาย แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายมันออกมาได้ยังไง
“เมทของแบมแบมชื่อเจียเออร์แต่นายไม่ใช่” เจบียังคงตั้งข้อสังเกตุ
“ผมนี่แหละเจียเออร์ แต่มันเป็นชื่อที่แม่ผมตั้งให้ มันไม่อยู่ในทะเบียนมีแม่คนเดียวเท่านั้นที่เรียกผมว่าเจียเออร์ นอกจากแม่แล้วก็มีแต่เสียงที่ผมได้ยินในฝันมาตลอด ตอนนี้ผมรู้แล้ว ว่ามันคือเสียงของแบมแบม จินยองฮยองเจบีฮยอง เชื่อผมเถอะครับ ผมขอร้อง แบมแบมกำลังต้องการผม เขากำลังเรียกหาผมอยู่”
“ฉันเป็นนักวิทยาศาสตร์แจ็คสัน ฉันจะต้องมั่นใจจริงๆ เท่านั้น ถึงจะอนุญาตให้นายเข้าไปหาแบมแบมได้”
“แล้วผมต้องทำยังไง..”
“เอาเลือดกับเนื้อเยื่อนายมาให้ฉันวิเคราะห์”หัวหน้าแผนกวิจัยไม่รอช้า เขาเดินไปหยิบอุปกรณ์ แล้วดำเนินการเก็บตัวอย่างเลือดกับเนื้อเยื่อบุของเด็กฝึกงานทันที
“ทุกคนไปรอที่แผนกลาดตระเวนวิเคราะห์เสร็จแล้วฉันจะตามไป”
“แล้วแบมแบม..”
“ตอนนี้แบมแบมยังหลับอยู่เพราะฤทธิ์ยาไม่ต้องเป็นห่วง”
ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแจ็คสันจึงทำได้แค่ทำตามคำสั่งของหัวหน้าแผนกวิจัย เดินตามคนอื่นๆ ไปที่แผนกลาดตระเวนเงียบๆแต่พอผ่านห้องกระจกเขาก็อดหยุดยืนไม่ได้ ชายหนุ่มทาบมือลงบนกระจกตรงที่แองเจิ้ลส์น้อยกำลังหลับ
“รอก่อนนะแบมเฮียอยู่นี่แล้ว เดี๋ยวเราจะได้อยู่ด้วยกันเฮียจะไม่ยอมให้แบมต้องทุกข์ทรมานอีกแล้ว..”
.
.
.
.
.
ตามตารางปกติแล้ววันนี้แจ็คสันมีฝึกซ้อมกับไรอันแต่เพราะเจบีกลับมาที่สถาบัน ไรอันจึงต้องออกไปแทน ตอนนี้ที่แผนกลาดตระเวนจึงเหลือเพียงแต่พวกเขาสามคนยูคยอมนั่งเล่นเกมอยู่ที่โซฟา แจ็คสันจึงเลือกนั่งลงข้างๆ เด็กยักษ์ ส่วนเจบีเดินไปเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดมานั่งทำความสะอาดอาวุธของตัวเองบนโต๊ะกลาง
“นายบอกว่าเพิ่งรู้แล้วนายรู้ได้ยังไงว่านาย ไม่ได้คิดไปเองว่าเป็นเมทของแบมแบม” เจบีถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ตอนที่ฮยองบอกชื่อเมทของแบมแบมอยู่ดีๆ หน้าอกผมก็ร้อนขึ้นมา แล้วทุกอย่างมันก็เบลอไปหมด หลังจากนั้นผมก็ได้เห็นชีวิตของผมกับแบมแบม ความเชื่อมโยงของเราสองคน ความผูกพันธ์ของเรา.. เอ่อจะเรียกว่าของเราคงไม่ค่อยถูกเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่ มีแต่แบมแบมที่รู้สึกถึงผมส่วนผมแค่ได้ยินเสียงเขาเรียกในฝันมาตลอด แต่ผมไม่เคยรู้เลย ว่ามันคืออะไร ผมไปหาหมอหมอก็บอกว่าเป็นอาการจากจิตใต้สำนึก แต่นาทีนั้นผมรู้แล้วผมนี่แหละที่แบมกำลังรออยู่ เขาเรียกหาผมมาตลอดชีวิต แต่ผมมันโง่ที่ไม่เอะใจอะไรเลย”
“แน่ใจนะว่านายไม่ได้ฝันไป”
“ผมเข้าใจที่พวกฮยองไม่เชื่อผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะอธิบายให้พวกฮยองเข้าใจได้ยังไง มันเกิดขึ้นข้างในนี้” แจ็คสันจิ้มลงที่กลางอกของตัวเอง ที่ยังคงความอุ่นวาบอยู่ตลอดเวลาเจบีพยักหน้าน้อยๆ สายตาคมเหลือบไปมองรูปโพลารอยด์ที่ติดอยู่บนผนัง แองเจิ้ลส์น้อยในรูปยังคงส่งยิ้มน้อยๆตอบกลับมาให้เขา
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรกันอีกทุกคนต่างเฝ้ารอเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้าด้วยความอดทน เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงกว่าจินยองจะก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีอ่อนล้าเจบีลุกขึ้นไปชงกาแฟที่เคาท์เตอร์ แล้วเอามาวางให้เพื่อนรัก จินยองเอ่ยขอบใจแผ่วเบาแล้วจึงจิบกาแฟก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวและพิงหลังลงพนักเก้าอี้ แจ็คสันกับยูคยอมลุกขึ้นมานั่งตัวตรงรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ได้ความว่าไงมั่ง”หัวหน้าแผนกลาดตระเวนถามขณะเดินกลับไปนั่งตรงที่เดิม จินยองหันไปมองเด็กฝึกงานของแผนกก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“แจ็คสันเป็นมนุษย์แน่นอน..”คนที่รอฟังห่อไหล่ลงอย่างห่อเหี่ยว เขาไม่รู้จะอธิบายยังไง คนอื่นถึงจะเข้าใจยูคยอมมองเพื่อนรุ่นพี่ที่นั่งข้างๆ อย่างเห็นใจ
“แต่เขามียีนของแองเจิ้ลส์แฝงอยู่ในตัว”คำพูดถัดมาของหัวหน้าแผนกวิจัยทำเอาทุกคนหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว
“ว่าไงนะมียีนแฝงงั้นเหรอ” เจบีหน้านิ่วอย่างไม่เข้าใจ ยูคยอมมองแจ็คสันอีกครั้งตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใช่แต่ยีนพวกนั้นไม่แสดงลักษณะหรือกระทบกับความเป็นมนุษย์ของเขาเลย ถ้าจะให้ฉันอธิบายมันก็คงเหมือนเสารับสัญญาณมากกว่า ยีนพวกนั้นมันจะตอบสนองกับแองเจิ้ลส์เท่านั้น เป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นเมทของแบมแบมจริงเพราะเลือดของแบมแบมมีปฏิริยากับเลือดของเขา” จินยองยกมือขึ้นนวดหัวตาความคิดมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวเขาหลังจากที่ผลวิเคราะห์ออกมา
“ฮยองเชื่อผมแล้วใช่มั๊ยครับ ผมไปหาแบมแบมได้แล้วใช่มั๊ย” แจ็คสันลุกขึ้นอย่างร้อนรน และรีบเดินตรงไปที่ประตู
“เดี๋ยวแจ็คสัน” เสียงหัวหน้าแผนกวิจัยยังคงราบเรียบแต่แฝงความคุกรุ่นบางอย่างไว้ จินยองจ้องหน้าเจบีที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
“นายอาจจะเป็นเมทของแบมแบมก็จริงแต่ไม่ว่ายังไง นายก็เป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ การมีเมทเป็นมนุษย์เป็นความเสี่ยงมากที่สุดของแบมแบม..ฉัน.. ฉันยอมไม่ได้เด็ดขาด” จินยองลุกจากเก้าอี้ขึ้นมาเผชิญหน้ากับคนที่กำลังจะเดินออกจากห้องเจบีจึงลุกเดินมาด้วยเช่นกัน มียูคยอมที่ยังนั่งจ๋องอยู่กับที่ได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ที
“แต่ว่าฮยองครับ!”
“คิดให้ดีนะแจ็คสันนายเป็นมนุษย์ แต่แบมแบมเป็นแองเจิ้ลส์ ชีวิตของพวกนายต่างกันมากแค่ไหนนายแน่ใจเหรอว่าจะสามารถอยู่กับแองเจิ้ลส์ตลอดไปได้” เจบีตอกย้ำประเด็นที่จินยองกำลังต้องการจะสื่อ
“นายไม่เข้าใจสำหรับแองเจิ้ลส์แล้ว การจับคู่คือการผูกพันกับใครสักคนจนวันตาย นายเข้าใจรึเปล่า! นายเป็นมนุษย์โลกกว้างข้างนอกนั่นอาจจะทำให้นายเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ก็ได้! ถ้าเกิดนายนอกใจขึ้นมา สำหรับนายมันก็แค่เลิกกัน.. แต่สำหรับแบมแบม มันคือความตาย!! ฉันไม่ยอม! ฉันยอมไม่ได้เด็ดขาด!” เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้เห็นจินยองที่สุขุมอยู่เสมอร้อนรนขนาดนี้เจบีวางมือลงบนไหล่เพื่อนแล้วบีบเบาๆ ความร้อนพุ่งขึ้นมาที่กลางอกแจ็คสันอีกครั้งชายหนุ่มยกมือขึ้นกุมหน้าอก เขาเองก็ทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้วเช่นกัน
“ฮยองต่างหากที่ไม่เข้าใจ!! พวกคุณไม่มีใครเข้าใจ!! กับการที่ใจของผมมันเฝ้าร่ำร้องหาใครบางคนมาตลอดชีวิต! เสียงที่ผมได้ยินในฝันมาตลอด! เสียงที่เฝ้าเรียกแต่ชื่อผม! เสียงที่ผมต้องพยายามหลอกตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามันไม่มีอะไรเสียงที่ทำให้ผมเป็นสุขใจแล้วก็อึดอัดจนแทบบ้า!! ความปรารถนาที่ลึกที่สุดในหัวใจที่ถูกขังเอาไว้ความเศร้าที่ผมไม่สามารถตอบสนองต่อเสียงนั้นได้! มือที่ผมยื่นออกไปในฝันมันไม่เคยไขว่คว้าเขาเอาไว้ได้เลย จนกระทั่งวันนี้..วันที่เสียงนั้นออกมาจากปากแบมแบม วินาทีนั้นผมก็รู้ทันที ว่าผมเกิดมาเพื่อเขาเพื่อเขาเพียงคนเดียว ผมทิ้งให้เขาต้องทุกข์ทรมาน เพียงเพราะผมเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถจะสื่อสารแบบแองเจิ้ลส์ได้ ผมไม่สามารถตอบรับเสียงของเขาได้! ในเวลาที่เขาต้องการผมที่สุด ตอนที่เขาถูกรังเกียจตอนที่เขาต้องโดดเดี่ยว มันควรจะมีผมอยู่ตรงนั้น!! มาตั้งแต่แรก!! อยู่เคียงข้างเขา แต่ตอนนี้ ตอนนี้ผมทำได้แล้วไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ช่าง! ผมจะไม่มีวันปล่อยเขาไปอีกเด็ดขาด! จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายในชีวิตของผมมันกำลังเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน! ผมจะไม่ขอให้พวกคุณอนุญาต เพราะพวกคุณเองก็รู้ดีว่าแบมแบมก็รอเวลานี้! และเขาจะไม่สามารถผ่านมันไปได้ถ้าไม่มีผม!! แบมแบมกำลังจะตาย!!”
แจ็คสันหอบฮั่ก หัวใจเขาเต้นรัวด้วยความเจ็บปวดความกระวนกระวายที่เขาพยายามกดมันเอาไว้ตลอดเวลาที่เฝ้ารอให้จินยองค้นหาคำตอบ
“ฮยองผมขอร้อง เชื่อใจผม ผมรู้ว่าพวกฮยองรักแล้วก็เป็นห่วงแบมแบมมากแค่ไหน แต่ว่าเขาคืออีกครึ่งหนึ่งของผมผมก็เป็นครึ่งหนึ่งของเขา ผมจะไม่ยอมให้แบมแบมต้องเป็นทุกข์อีกแล้ว ถ้าหากมีวันไหนที่ผมหมดรักได้จริงถ้าหากว่าแบมแบมต้องเป็นอันตรายเพราะผม ผมจะยกชีวิตผมให้พวกคุณ ฮยอง ได้โปรดแบมแบมกำลังทรมาน ผมเองก็เหมือนกัน”
จินยองเมินหน้าหนีเจบีก็กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก แต่แล้วเพียงครู่เดียวหัวหน้าแผนกลาดตระเวนก็ถอนหายใจแผ่วเบาเขาบีบไหล่จินยองให้หันกลับมา ใบหน้าสวยได้รูปของจินยองมีแววเศร้าหมอง เจบีพยักหน้าให้ช้าๆ หัวหน้าแผนกวิจัยจึงถอนหายใจ แต่ก่อนที่ใครจะทันได้ทำอะไร..
!!!!!!!!!!!! บรึ้ม !!!!!!!!!!!!!!!! เสียงระเบิดดังขึ้นไม่ไกลนัก ไฟทุกดวงดับวูบ ทันใดนั้นเองไฟฉุกเฉินและเสียงสัญญาณเตือนก็ดังลั่นไปทั่วอาคารสีแดงของไฟฉุกเฉินสาดวนไปทั่วท่ามกลางความมืดมิด ทุกคนในแผนกลาดตระเวนมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย
“แบมแบม!!!!!!!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in