เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เที่ยวกันFayathi Sorap
ปีใหม่ ไปไหนมา : ท่องกี่ บุฟเฟต์ติ่มซำ


  •      สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณผู้อ่าน 

         วันหยุดผ่านไปเร็วเหมือนเคยนะคะ เผลอแป๊บเดียวพวกเรากลับมาทำงานกันอีกแล้ว 

         เผอิญว่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราไปกินบุฟเฟต์ที่ร้าน "ท่องกี่ภัตตาคาร" มาค่ะ เลยอยากมาแบ่งปันให้อ่าน เผื่อคุณผู้อ่านท่านใดชอบรับประทานบุฟเฟต์และ/หรือชอบอาหารจีน อยากลองร้านอาหารจีนร้านใหม่ๆ(กรณีที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน) จะได้มีข้อมูลไว้ประกอบการตัดสินใจค่ะ 


         เรารู้จักร้านนี้เนื่องจากบังเอิญเปิดไปเจอคลิบของยูทูปเบอร์คนหนึ่งซึ่งเธอไปร้านนี้มา พอเห็นปุ๊บเกิดความสนใจ เราก็เลยส่งคลิปนี้ต่อไปให้ป้ากับแม่ว่า มีโอกาสเราไปกินร้านนี้กันเถอะ

         ...สมัยเรียนมหาวิทยาลัยเราชื่นชอบการไปกินบุฟเฟต์มากค่ะ ชวนเพื่อนไปหลายร้านหลายหน นี่ร้างลาการกินบุฟเฟต์มาสักระยะ เลยอยากไปอีก 

         พอวันหยุดที่ผ่านมาแม่เลยบอกว่า ป่ะ วันนี้ร้านน่าจะคนไม่เยอะ ไปลองกินกันเถอะ จริงๆป้าเราก็อยากไปด้วยนะคะ แต่อย่างที่เคยเล่าว่าตอนนี้ป้าอยู่ในช่วงรักษาโรคมะเร็ง เธอจึงกินอะไรไม่ใคร่ลง สุดท้ายเลยขอบาย ส่วนพ่อยักไหล่บอกว่า ขี้เกียจออกจากบ้าน ไปเถอะ แม่กับเราก็เลยไปกันสองคน 


         สำหรับพิกัดร้าน ท่องกี่ภัตตาคารอยู่แถวๆสุขุมวิทค่ะ อยู่เยื้องๆ/อยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้างสรรพสินค้าTerminal 21
         วิธีไปสามารถขับรถไปจอดที่ห้างเทอร์มินอลฯก็ได้ หรือถ้าจะไปรถไฟใต้ดินก็ลงที่สถานีสุขุมวิท ถ้าเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ลงที่สถานีอโศก แล้วออกฝั่งตรงข้ามกับห้างฯ หาไม่ยากค่ะ อยู่หน้าถนนเลย 


         เรากับแม่เลือกวิธีไปโดยรถไฟใต้ดินแล้วใช้ทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าเดินมาลงฝั่งตรงข้ามห้างฯ มาถึงร้านท่องกี่ภัตตาคารประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า เดินเข้าไปถามทางร้านว่า ตอนนี้สามารถทานบุฟเฟต์ได้เลยไหม (พวกเราไม่ได้จองล่วงหน้า) พนักงานร้านบอกว่า จริงๆแล้วควรจะจองล่วงหน้ามาก่อน แต่พอแม่บอกว่า มาแค่สองคนเอง พนักงานเลยเดินเข้าไปในร้าน แม่เดินตามไปทันที พนักงานเห็นว่าพอมีที่นั่งจึงให้เราเข้าไปกินได้ 
         ...ดังนี้ หากคุณผู้อ่านอยากแน่ใจว่าจะมีที่นั่งจริงๆเวลาไป ควรจองล่วงหน้านะคะ เข้าไปจองหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่เฟสบุ๊คของร้านค่ะ 
         เฟสบุ๊คของร้าน : https://www.facebook.com/thongkeerestaurant/  


         นั่งลงไม่กี่อึดใจ พนักงานก็ยกอาหารจำนวนหนึ่งมาเสริฟ์ บอกว่าเหล่านี้คือ "ออเดิร์ฟ" รายการใดไม่ต้องการสามารถคืนได้ ส่วนหากจะสั่งเพิ่ม...
         "คุณลูกค้าสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดที่ผนังเพื่อดูเมนู จากนั้นจดรายการอาหารที่คุณลูกค้าต้องการลงในกระดาษ(ชี้ไปที่ใบสั่งอาหารมุมโต๊ะ)ได้เลยนะคะ" 

         เกือบลืม พอนั่งแล้วพนักงานก็อธิบายต่อว่า ราคาบุฟเฟต์ต่อหัวคือ 229 บาท ถ้ารวมน้ำ(เป็นน้ำเก๊กฮวยค่ะ) จะเท่ากับคนละ 268 บาท นั่งกินได้ถึงราวๆบ่ายสอง(ถ้าจำไม่ผิดนะ) ส่วนอาหารที่รวมในบุฟเฟต์ นอกจากสารพัดติ่มซำ(เขาว่า 80-90 ชนิด) แล้ว สามารถสั่งราดหน้า โก๊ยซี้หมี่ และเกี๊ยวน้ำหมูแดงมากินด้วยได้ โดยจะตักเป็นถ้วยเล็กๆมาให้ 


         กลับมาที่ออเดิร์ฟตรงหน้า เท่าที่ดูไปดูมา สิ่งที่มีให้นั้น เช่น ข้าวมันไก่(จานเล็ก) ส้มตำ (น่าจะ)กุ้ยช่ายทอด ปอเปี๊ยทอดไส้กล้วย(อันนี้อร่อย) ก๋วยเตี๋ยวหลอด แล้วก็อะไรอีกสัก..หลายๆอย่าง ซึ่งเรากับแม่ก็คืนไปบางส่วน 

         แล้วพวกเราก็เริ่ม...กิน

         เราประเดิมด้วยปอเปี๊ยะไส้กล้วย ซึ่งเราว่าอร่อยดี จากนั้นก็ชิมข้าวมันไก่ แล้วก็ชิมนั่นชิมนี่ไปทีละอย่างๆ

         ตอนกินอาหารจากเข่งแรกๆ มันก็สนุกดี อร่อยดี แล้วเราก็เริ่มเอามือถือมาสแกนดูเมนูเพื่อจะสั่งเพิ่ม 

         พอเข่งที่ห้าผ่านไป เราก็ยื่นกระดาษให้พนักงานสั่งอาหารเพิ่ม แต่คงเพราะสั่งช้าไปนิดนึง มันจึงเกิดการขาดช่วง ระหว่างนั้นก็จิบเก๊กฮวยไปพลาง 

         แม่กินไปบ่นไปว่า แม่กินได้ไม่ค่อยเยอะ แล้วนี่เพิ่งกินข้าวมา ไม่น่ากินข้าวเช้ามาเยอะเลย บลาๆ แล้วก็เริ่มบ่นต่อว่า แต่ละอย่างนี่มันแป้งทั้งนั้นเลย 

         อาหารชุดที่สองมาเสิร์ฟ เราก็ลองกินทีละอย่าง บางเข่งมีมากกว่าหนึ่งชิ้น เราก็แบ่งกับแม่คนละชิ้น 

         เข่งที่สิบกว่าผ่านไป เอ้อน่าแปลก ทั้งๆที่ของแต่ละเข่งมันไม่ได้เยอะ แต่รู้สึกได้ว่าพื้นที่ในกระเพาะมันลดลงไปเรื่อยๆ

         แล้วเราก็สั่งเพิ่มเป็นครั้งที่สอง เลือกพวกของทอดอะไรงี้มาลอง 

         ตอนนี้ต่างคนต่างเริ่มกินไปอู้ไป จิบน้ำบ้าง เอามือถือมาดูบ้าง เหมือนต้องการเว้นระยะให้กระเพาะมีเวลาพัก 

         อาหารชุดที่สามมากองบนโต๊ะ คราวนี้เรากับแม่มองหน้ากัน รู้เลยว่า ถ้ากินหมดตรงนี้แล้ว ไม่เอาอีกแล้ว และเราก็ช่วยกันกินสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้มันหายไปมากที่สุดให้จงได้
         ...เพราะกินไม่หมดเขาปรับเข่งละ 35 บาท เราไม่อยากโดนปรับอ่ะนะ

         พวกเราใช้เวลาที่ร้านนี้ประมาณชั่วโมงกว่าก็เดินอ้วนๆออกมาจ่ายเงิน อิ่มมากกก 

         พอเดินออกมาจ่ายเงินจึงเห็นว่ามีคนเข้าคิวรอกินบุฟเฟต์ยาวเหยียด ยาวไปเกือบถึงนอกร้านได้ ช่วงนั้นเป็นเวลาเกือบบ่ายโมง แม่ยังพูดเลยว่า ถ้ามาตอนนี้เราไม่ได้กินชัวร์ 


         ถ้าถามความรู้สึกเราเกี่ยวกับร้านนี้...

         อย่างแรก ถ้าถามว่าอาหารอร่อยมั้ย ก็...รสชาติ..ใช้ได้ค่ะ เราไม่รู้หรอกว่าวัตถุดิบดีไม่ดี แต่กินได้ มีปูมีกุ้งอะไรงี้ ของทอดก็อร่อย ทอดได้กรอบดี
         ...อย่างไรก็ดี แม่ให้ความเห็นว่ามันเป็นแป้งเยอะมาก ทำให้อิ่มได้เร็ว 

         การบริการของพนักงาน ถือว่าดี มีการเดินมาไถ่ถามเป็นระยะๆว่า รับอะไรเพิ่มไหมครับ/คะ สั่งได้นะครับ/คะ 
         แต่การเตรียมอาหารถือว่าค่อนข้างช้าค่ะ ถ้าไม่ได้กินปุ๊บแล้วสั่งเซตต่อไปปั๊บเนี่ย มันจะขาดช่วงนิดหนึ่งกว่าที่ของชุดใหม่จะมาที่โต๊ะ บางทีอาหารแต่ละอย่างอาจต้องใช้เวลาในการเตรียมล่ะมั้งนะ 

         อย่างหนึ่งที่เราอยากตั้งข้อสังเกตก็คือ บุฟเฟต์ที่นี่จะแตกต่างกับบุฟเฟต์หลายๆแห่ง ตรงที่เราไม่ต้องลุกไปตักอาหารด้วยตัวเองเลย ข้อดีคือเราจะได้ควมรู้สึกแบบราชา นั่งอย่างเดียวรออาหารมาเสิร์ฟ ส่วนข้อเสีย..ในความคิดของเรา คือ มันทำให้ร่างกายไม่ได้ขยับเขยื้อน พอไม่ได้ขยับเขยื้อนอาหารที่กินเข้าไปมันก็ไม่ค่อยย่อย ทำให้กินได้น้อย เราว่าถ้ามีการได้ลุกไปตักอาหารหรือไปไหนมาไหนมากกว่านี้ อาจจะกินได้มากกว่านี้ 

         และสิ่งหนึ่งที่เราประจักษ์นั้นคือ กระเพาะเรามันคงจะแก่เกินไปที่จะมากินเพื่อความคุ้มแบบเน้นปริมาณ พูดให้เข้าใจง่ายคือ เราว่าเราแก่เกินกว่าจะกินบุฟเฟต์ได้คุ้มแล้วล่ะ 
         ..แม้คราวนี้เราจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ขาดทุนเท่าไหร่ เพราะลองไปยี่สิบกว่าเมนูก็ตาม 

         ต่อแต่นี้เราอาจต้องลาขาดจากการกินบุฟเฟต์ หรือไม่ก็ นานน้านนนกินที แล้วล่ะ กระเพาะเรามันรับอะไรแบบนี้ไม่ค่อยไหวจริงๆ 


         ส่วนถ้าคุณผู้อ่านเป็นคนหนึ่งที่มั่นใจว่าตัวเองกินบุฟเฟต์คุ้มแน่นอน แถมยังชอบติ่มซำเป็นพิเศษ เราว่าร้านนี้โอเคค่ะ นอกจากมีเมนูให้เลือกเยอะ ยังเดินทางไปได้สะดวก แถมราคาย่อมเยาว์กว่าบุฟเฟต์ติ่มซำตามโรงแรมหลายๆแห่งด้วย 

         แต่ระวังนะคะ กินเยอะไปไม่ดีต่อสุขภาพน้า 


         แต่เข้าใจแหละว่าสำหรับหลายๆคน เรื่องกินคือบ่ยั่น คือความสุข เพราะฉะนั้นก็ เต็มที่ตามศรัทธาเลยค่ะ 

         ขอให้อร่อยนะคะ 


         สวัสดีค่ะ


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in