เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Watch out, you gotta shout out!mari
Anatomy of a fall เขาบอกว่าเธอฆ่า
  • Anatomy of a fall: พูดคุยหลังดูจบ หนังดีที่ดูครั้งเดียว


    เวลาบ่ายแก่ๆ ของวันที่สิบเก้าเมษายน วันเดียวกับที่ Anatomy of a fall เข้าสตรีมมิ่ง ผู้เขียนได้ตัดสินใจว่าจะดูหนังเรื่องนี้จากคำชวนของเพื่อนในดิสคอร์ด และหลังจากได้ดูไปประมาณครึ่งเรื่องก็ตัดสินใจว่าจำเป็นต้องบันทึกหนังเรื่องนี้ลงบล็อกเป็นการด่วน

    Anatomy of a fall อาจเป็นหนัง film court ที่ไม่ถูกใจใครหลายๆ คนหากต้องการดูฉากทนายงัดหลักฐานออกมาฟาดฟันกันอย่างดุเดือด อาจเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องได้น่าเบื่อเพราะในศาลไม่มีฉากทนายพูดจาฉลาดๆ ที่ทำให้คนดูต้องอ้าปากค้าง แต่ Anatomy of a fall เป็นหนังที่ผู้เขียนกล้ายืนยันได้ว่าคุ้มค่ามากพอที่จะใช้เวลาสองชั่วโมงเศษๆ ในการตั้งใจทำอะไรสักอย่าง

    *มีการเปิดเผยรายละเอียดสำคัญในภาพยนตร์

    เนื้อหาของหนังค่อนข้างหนักหน่วงทำให้หายใจไม่ออกตลอดทั้งเรื่อง เนื้อเรื่องจะเริ่มต้นจากการที่แซนดรา (รับบทโดยแซนดรา ฮูลเลอร์) ถูกกล่าวหาว่าฆาตกรรมสามีของตัวเอง แซมมวล (รับบทโดยแซมมวล เธอิส) ในขณะที่แดเนียล (รับบทโดยไมโล มาชาโด กราเนอร์) ลูกชายของทั้งคู่ผู้มีปัญหาด้านการมองเห็นพาสุนัขออกไปเดินเล่น เมื่อแดเนียลกลับมาและพบแซมมวลนอนเสียชีวิตอยู่ที่หน้าบ้านบนภูเขาที่ห่างไกลชุมชน  ทำให้เกิดเป็นคดีที่ภรรยาถูกตั้งข้อหาว่าฆาตกรรมสามี โดยที่มีลูกชายตาบอดเป็นเพียงพยานคนเดียวเท่านั้น

    หนังเริ่มต้นจากการทำให้ไม่มีใครรู้สาเหตุการตายของแซมมวล รวมถึงให้ผู้ชมเก็บข้อมูลหลักฐานไปพร้อมๆ กับวินเซนต์ (รับบทโดยสวอนน์ อาร์ลูด) ทนายของแซนดรา ที่เมื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้ว แม้แต่ผู้ชมและตัวเขาเองก็ไม่สามารถหาคำแก้ตัวให้กับแซนดราได้ หนังค่อยๆ ดำเนินเรื่องให้ผู้ชมรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยในตัวแซนดรามากขึ้นทีละน้อย จากทั้งรอยฟกช้ำที่แซนดรามีที่แขน คำให้การของแดเนียลที่ถอนคำพูดของตัวเองอย่างรวดเร็วจนดูคล้ายกับกำลังปกป้องแม่เมื่อคำให้การของตนกำลังทำให้แซนดรายิ่งตกที่นั่งลำบาก แซนดราที่เพิ่งนึกออกว่าแซมมวลเคยใช้ยาและคิดฆ่าตัวตายเมื่อจนต่อหลักฐาน แต่จนถึงจุดหนึ่งที่ข้อมูลทั้งหมดมัดตัวว่าแซนดรามีแรงจูงใจมากพอที่จะเป็นฆาตกร ข้อมูลที่ถูกนำมาใช้เพิ่มเติมกลับทำให้ผู้ชมหันไปเชียร์แซนดราให้รอดพ้นจากข้อกล่าวหา

    เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะเมื่อเทปเสียงที่แซมมวลอัดเอาไว้ก่อนตายถูกปล่อยออกมาเพื่อกล่าวหาแซนดรามากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ชมก็จะค้นพบสิ่งที่ตัวละครพยายามปกปิดเอาไว้มากขึ้น จากการเบิกพยานเป็นจิตแพทย์ของแซมมวลทำให้ผู้ชมรู้ว่าแซมมวลมีปัญหาทางสภาวะจิตใจตั้งแต่เหตุการณ์ที่เขามีส่วนทำให้แดเนียลสูญเสียสภาพการมองเห็น และแซมมวลคิดว่าแซนดราโทษเขาในเรื่องนั้น ผู้ชมจะได้รู้ว่าทั้งคู่มักมีปากเสียงกันในเรื่องที่แซมมวลโทษแซนดราที่ทำให้เขาเสียเวลาในการเขียนหนังสือไปกับการเลี้ยงลูก หรือโทษแซนดราที่หยิบยืมเอาไอเดียจากหนังสือที่เขาเขียนไปใช้ต่อจนโด่งดัง หรือเรื่องที่เธอมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงอื่นในช่วงปีที่แดเนียลประสบอุบัติเหตุ ในเทปเสียงแสดงให้เห็นว่าเขาโทษแซนดราแม้กระทั่งเรื่องที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษกันเป็นภาษากลางเพราะแซนดราเป็นชาวเยอรมันส่วนแซมมวลเป็นคนฝรั่งเศส รอยช้ำบนแขนที่แซนดราอ้างว่าเกิดจากการเดินกระแทกโต๊ะแท้จริงแล้วคือรอยบีบจากการต่อสู้ในบทสนทนานั้นที่แซนดราอ้างว่าตัวเองปาแก้วลงพื้นแล้วเดินไปตบแซมมวล หลังจากนั้นแซมมวลจึงเริ่มทำร้ายตัวเอง
    และทั้งหมดนั่นถูกใช้ในศาล ในขณะที่แดเนียลผู้เป็นลูกชายของทั้งคู่ก็นั่งฟังอยู่ด้วย

    เห็นได้ชัดว่าหนังแอบแทรกประเด็นเรื่องบทบาททางเพศออกมาได้อย่างแนบเนียนมากทีเดียว ทั้งเรื่องที่อัยการพยายามเบี่ยงประเด็นไปว่าแซนดราว่าเธอคบหญิงชู้เป็นนักศึกษาที่มาสัมภาษณ์เธอในตอนต้นเรื่อง หรือแม้แต่เรื่องสภาพจิตใจของแซมมวลที่แย่ลงเพราะแซนดรามีบทบาทในบ้านและประสบความสำเร็จทางด้านการเขียนมากกว่าในสายตาของเขา

    และในท้ายที่สุดเมื่อต้องตัดสินคดี คนที่เป็นตัวแปรสำคัญที่สุดอย่างแดเนียลก็เลือกที่จะขึ้นให้การอีกครั้ง ทำให้ศาลพิพากษายกฟ้องแซนดรา แม้ว่าสุดท้ายแล้วคนดูจะไม่ได้คำตอบว่าแซนดราเป็นผู้ฆ่าสามีของตนจริงๆ หรือแท้ที่จริงแล้วแซมมวลจงใจฆ่าตัวตายแล้วใช้คลิปเสียงต่างๆ เพื่อป้ายสีภรรยาให้เป็นผู้ต้องสงสัยก็ตามแต่ แต่มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วหลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดว่าแท้ที่จริงแล้วแซนดราเป็นใคร และแซมมวลเป็นใคร หนังนำเสนอปัญหาภายในครอบครัวออกมาในรูปแบบของ court film ได้อย่างเต็มที่จนแทบไม่มีเวลาหายใจในเวลาสองชั่วโมงเศษๆ และทำให้ผู้ชมเห็นใจตัวละครไปพร้อมๆ กับที่รู้ว่าแซนดราเองก็มีปัญหาการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว และถึงแม้ว่าแซนดราอาจจะไม่ใช่เหยื่อที่เพรียบพร้อมให้ผู้ชมสงสาร ทว่าในฐานะของคนเป็นแม่ที่พยายามปกป้องลูก ก็อาจทำให้เกิดคำถามต่อมาว่าไม่ว่าแซนดราจะเป็นหรือไม่เป็นฆาตกร มันถูกต้องแล้วหรือที่พยายามบีบเค้นเอาความจริงที่อาจจบลงด้วยครอบครัวหนึ่งที่ต้องแตกแยก

    และในท้ายที่สุดที่ผู้เขียนเริ่มโอดครวญว่าเมื่อไหร่จะมี End credit ขึ้นเสียที (เพื่อที่จะวางใจได้ว่าจะไม่มีอะไรให้ต้องหนักใจอีก) หนังก็เลือกจะถ่ายภาพแซนดรานอนนิ่งๆ กอดสุนัขไว้ในอ้อมแขน พร้อมๆ กับขึ้น End credit เคียงข้างภาพเธอไปเสียอย่างนั้น เป็นไปได้ไหมว่าผู้กำกับอาจจะพยายามนำเสนอมุมมองที่ว่าถึงแม้แซนดราจะเป็นผู้ชนะในศาล แต่ความรู้สึกแย่ที่เกิดขึ้นจากการถูกเปิดโปงต่อหน้าลูกชายก็ยิ่งคงทิ้งเอาไว้ในใจเธออีกนานแสนนาน

    ในท้ายที่สุด ผู้เขียนสามารถพูดได้ว่าทั้งหมดที่เขียนเล่ามาไม่ใช่ทุกประเด็นที่สามารถหยิบเอามาถกเถียงกันได้จากหนัง Anatomy of a fall นี้ ไม่ว่าแซนดราจะเป็นผู้ฆาตกรรมสามีตนเองหรือไม่ ผู้เขียนยังคงยืนยันเป็นอย่างยิ่งว่า Anatomy of a fall เป็นหนังที่คุ้มค่าคุ้มเวลาสองชั่วโมงในการดูด้วยตนเองจริงๆ
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in