สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่บทความรีวิว 二哈和他的白猫师尊 #ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขาพาร์ทที่สองค่า เย่!!! ยังมีใครรออ่านอยู่บ้างมั้ยน้า /
หลังจากที่ผ่านการคิดมาแล้วว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี เราก็ตัดสินใจว่าในบทความนี้จะพูดถึงเหตุการณ์สำคัญในเรื่องเฉพาะที่เราอยากพูดถึงเท่านั้น หมายความว่าเหตุการณ์บางอย่างเราจะขอไม่พูดถึงและเก็บไว้ให้หลาย ๆ ท่านไปรออ่านเองในนิยายเองนะคะ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าบางเหตุการณ์มันควรเป็นเรื่องที่อยากให้ไปอ่านเจอเองจริง ๆ ค่ะ ฮี่ฮี่
ก่อนจะเริ่มกันจริงๆ เราขอออกตัวก่อนว่าทุกอักษรต่อไปนี้ล้วนแต่เป็นความคิดและความชอบส่วนบุคคลของเราเอง ไม่สามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐานในการตัดสินว่านิยายเรื่องนี้เป็นอย่างไรได้ จนกว่าทุกท่านจะได้ลองอ่านเองนะคะ
มาค่ะ เริ่ม
Event: Ghost Wedding
นี่เป็นอีเวนท์แรก ๆ ที่เราชอบมากกกกกก ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ประกอบไปด้วยความน่าทุบหลังให้ดังแอ้กของเจ้าโม่หราน 1.0 และเป็นช่วงที่คันมือยุบยิบทั้งหวั่นหนิงและคนอ่านอย่างเราค่ะ เพราะว่าไอหมาของเรานั้นกระดี๊กระด๊าอยู่ในใจว่าลงจากสื่อเซิงไปทำภารกิจในครั้งนี้จะได้วอแวกับซือเม่ยแน่ ๆ ซึ่งไอเราอ่านไปก็กำแบตเตอเลี่ยนไป ฮึ่ยยย อยากโกนขนหมา
『
note: จริง ๆ แล้วอีเวนท์นี้มีอะไรที่หวานกว่าลูกอมด้วยแหละแต่ว่าไม่สปอยล์หมดดีกว่า ให้ทุกคนไปรอลุ้นในเล่มเอง อิอิอิอิอิ เขิ๊นนน/เอามือปิดหน้า
Event: Holy Weapon
“ข้าทำท่านเจ็บหรอ งั้นข้าจะค่อย ๆ ทำนะ”
“พูดมากน่า ทำ ๆไปเถอะ ต่อเลย ๆ”
มีหมาหูผึ่งค่าทุกคนนนนนนนรีบเอาหูแนบผนังเลย แล้วก็คิดเป็นตุเป็นตะ หน้าดำทะมึนสงสัยว่าหวั่นหนิงกับเหมิง ๆ ทำอะไรกัน จากนั้นก็ปึ้งปั้ง ๆ เดินไปผลักประตูผลัวะ
แล้วก็อีกโมเม้นที่เราชอบก็คือด้วยความที่ทะเลสาบ Jincheng
พออ่านจบบรรทัดนี้เราแบบ แงงงง ยัยอวี้เหิงคนดี ทำไมแสนดีที่หนึ่งขนาดนี้ เนี่ยเราถึงบอกว่าเขามักจะทำอะไรเพื่อคนอื่นลับหลังอยู่เสมอนี่ถ้าโม่หรานไม่ตะโกนขึ้นมา ก็ไม่มีใครสังเกตอะ (ಥ﹏ಥ)
ต่อมาอีกเรื่องนึงที่เป็นไฮไลท์ที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คืออาวุธที่โม่หรานได้มาค่ะ ซึ่งอาวุธของน้องมีชื่อว่าเจี้ยนกุ่ย (แส้เถาวัลย์สีแดง) ที่มาจากคำว่า
Event: Heavenly Rift, 3799
และเพราะว่าได้รับโอกาสกลับมาเกิดใหม่นั้นโม่หรานก็เลยตัดสินใจจะใช้ชีวิตใหม่นี้แก้ไขเรื่องราวไม่ให้ “เหตุการณ์ร้าย ๆบางเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีก”
เราหมายถึงอันนี้แหละค่ะ ซึ่งในไทม์ไลน์ 0.5 คนที่ตายในเหตุการณ์นี้ก็คือ “ซือเม่ย” แล้วพอโม่หรานไปขอร้องให้หวั่นหนิงช่วยชีวิตซือเม่ยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ หวั่นหนิงก็พูดว่า (อาการของซือเม่ย) มันสายเกินจะรักษาแล้ว จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไป นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โม่หรานเกลียดหวั่นหนิงในไทม์ไลน์ 0.5 เพราะโม่หรานคิดว่าถ้าวันนั้นซือจุนยอมช่วย ซือเม่ยที่เขารักก็คงไม่ตาย
พอโม่หรานมาเกิดใหม่ในไทม์ไลน์ 1.0 ในตอนที่สู้กันอยู่นั้นตามเดิมแล้วจะต้องเป็นซือเม่ยที่วิ่งไปช่วยเป็นกำลังเสริมให้หวั่นหนิงแล้วบาดเจ็บจนตาย ฉะนั้นโม่หรานก็เลยขอเป็นฝ่ายไปแทนซือเม่ยเอง ต่อให้ตัวเขาต้องตายแต่ก็ถือว่าชดใช้ให้กับไทม์ไลน์ 0.5 ไปแล้วกัน
ทว่าทุกอย่างมันกลับตาลปัตรและไม่ได้จบลงแบบเดิม เพราะในเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ต่อสู้อยู่ โม่หราน 1.0 นั้นยังไม่ได้แข็งแกร่งขนาดจะต่อสู้กับพวกภูตผีปีศาจได้ไหว ซึ่งก่อนที่น้องจะหมดสติไปนั้นน้องก็ทำเพียงแค่เอ่ยปากเรียกขอร้องให้ซือจุนหันกลับมามองตนสักครั้ง แต่แล้วหวั่นหนิงก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองค่ะ จากนั้นโม่หรานก็หมดสติไปพร้อมกับความเศร้า เสียใจ ผิดหวัง ที่ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติที่แล้วหวั่นหนิงก็ไม่สนใจตนจนถึงที่สุด
แต่แล้วพอโม่หรานตื่นขึ้นมาก็พบว่าอ้าวววว ตูรอดตายว่ะ
ทีนี้เหมิงๆ สาธยายต่อว่าหวั่นหนิงปกป้องโม่หรานจนถึงที่สุด พอทุกอย่างจบลงหวั่นหนิงที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแบกโม่หรานขึ้นบันไดแห่งเขาสื่อเซิงมาทั้งหมด 3799 ขั้น เพื่อส่งโม่หรานกลับบ้านอย่างปลอดภัย ... ย้ำอีกที 3 7 9 9 ขั้น ทั้งที่ตัวเองนั้นสูญเสียพลังวิญญาณไปทั้งหมดแล้ว นี่จึงเป็นที่มาของประโยคในตำนานที่ว่า
『
』
note: เราจะขอข้ามอีเวนท์ตระกูลหนานกงกับอีเวนท์หอเทียนอินไปเลยนะคะ เนื่องจากช่วงนี้เนื้อหาเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก คือมันก็มีอะไรดี ๆ รอเราอยู่แหละ เช่นพวกโมเมนต์กุ๊กกิ๊กของหรานหวั่นเอาว่าแอบหย่อนไว้เล็ก ๆ ว่าแถวนี้จะมี Confession Scene กับ Kiss Scene มาปลอบประโลมให้เราชื่นใจ (รวมถึง Goodnight Moran อิ_____อิ) ก่อนจะไปหนักหน่วงกันต่อที่อีเวนท์ต่อจากนี้และยาวไปจนจบเรื่องค่ะ 55555555555555
Event: Hua Binan’s bridge
อย่างที่เรากล่าวไปในพาร์ทแรกว่าเราจะขอยกท่าเซียนจวินและซือเม่ยมาพูดในพาร์ทสองแทนเพราะเขาคือตัวละครที่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องมาก ๆ นั่นก็เพราะ
เรื่องราวมันเริ่มมาจากการที่เผ่ากระดูกผีเสื้อของซือเม่ยถูกขับไล่ออกมาจาก Demon Realm
ซึ่งพอปลูกดอกปาขู่ลงไปแล้วมันก็เกิดเป็นเอฟเฟคกับตัวน้องค่ะ ความทรงจำดี ๆ ตลอดชีวิตนี้คือค่อย ๆ หายไปจนหมด หลงเหลือไว้แต่ความทรงจำอันเลวร้าย เกิดเป็นความเกลียดชังต่อทุกสิ่ง เพราะแบบนี้โม่หรานถึงได้เกลียดหวั่นหนิงนั่นเองค่ะ เพราะความทรงจำดี ๆ ระหว่างน้องกับซือจุนคือถูกดอกปาขู่กลืนกินหายไปหมด.... (T_T) อีกทั้งซือเม่ยได้ผสมจิตวิญญาณของตัวเองลงไปด้วย มันเลยทำให้ผู้ที่ถูกปลูกนั้น “จะค่อย ๆ หลงรักคนที่เป็นคนปลูกดอกปาขู่” นี่จึงเป็นเหตุผลของการที่โม่หรานหลงรักซือเม่ยแบบหัวปักหัวปำทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วน้องชอบหวั่นหนิง ผนวกกับซือเม่ยนั้นวางแผนให้ตัวเองแกล้งตายในเหตุการณ์ Heavenly Rift
note: เรื่องรีบอร์นของโม่หรานนั้นค่อนข้างซับซ้อน ด้วยความที่เราไม่แน่ใจเพราะอ่านจาก mtl และส่วนที่เข้าใจเราก็ไม่แน่ใจอีกว่าจะถูกต้อง 100% มั้ย เราจึงไม่กล้าที่จะอธิบายลงไปในนี้ เอาเป็นว่าหากใครสนใจอยากดิสคัสเรื่องนี้ สามารถทักเดมในทวิตเตอร์มาพูดคุยกันได้ค่ะ ♥
จริง ๆ แล้วมันมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เราไม่ยกมาพูดเช่นเรื่อง
คือถ้าจะให้พูดหมดก็คือยาวค่ะ5555555555555555 แต่ถ้าใครสนใจ สามารถเดมในทวิตมาถามส่วนตัวได้นะคะ ฮี่
ต่อไปเราจะมาพูดคุยถึงตัวละครกันบ้างดีกว่า ~
สุดท้ายแล้วเรากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าน้องไม่เคยทำอะไรผิดเลย ตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตก็พบเจอแต่กับความบัดซ* มาโดยตลอด มันแย่ขนาดที่ว่าตอนเราอ่านถึงพาร์ทโม่หรานตอนเด็กแล้วเราต้องหยุดอ่านเพราะสิ่งที่น้องเจอมันแย่มาก ๆ กับเด็กคนหนึ่ง พาร์ทโม่หรานตอนเด็กนี่มันทั้งเจ็บปวด รันทด โกรธแค้น บ้าคลั่ง และรู้สึกผิด คือมันเป็นสิ่งที่นี่ได้แต่ถามตัวเองว่า เด็กคนนึงผ่านเรื่องราวแย่ ๆ พวกนี้มาได้ยังไงกัน .... เอาว่าถ้าเราเป็นโม่หรานเราคงตายไปนานแล้วอะ55555555555 คงไม่ใจสู้และกัดฟันมาจนโตขนาดนี้แน่นอน ซึ่งพอน้องถูกรับเลี้ยงมาอยู่ที่สื่อเซิงน้องก็ต้องมาเสียสละตัวเองรับการปลูกดอกปาขู่แทนหวั่นหนิง จากนั้นก็กลายเป็นท่าเซียนจวินผู้โหดร้าย เรียกได้ว่าความสุขตลอดอายุขัยสามสิบสองปีในโลกแรกของน้องนั้นหากนับด้วยสิบนิ้วก็คงเหลือๆ
พออ่านทั้งหมดจนจบแล้วเราจะเสียใจมาก ๆ ถ้าในตอนจบของเรื่องนี้นั้นมีแค่เจ้า 2.0 ที่มีความสุข เพราะเจ้า 0.5 ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด น้องเป็นเหยื่อคนหนึ่งเท่านั้นอะ แงงงง ; ^ ; ยังไงก็ตามเรารู้สึกขอบคุณที่โร่วเปาหาทางลงในตอนจบได้ดีมาก ๆ เพราะว่าโร่วเป่านั้นเขียนให้ โม่หรานได้ลงเอยกับหวั่นหนิง ย้ำอีกรอบ โม่หรานได้ลงเอยกับหวั่นหนิง (つ≧▽≦)つ
ถึงแม้ว่าภาพจำ 0.5 นั้นจะแย่ แต่ทุกคนอย่าลืมนะคะไม่ว่าจะเป็น 1.0 2.0 หรือ 0.5 ทุกคนล้วนแต่เป็น “โม่หราน” ทั้งหมด เขาคือคนเดียวกัน หากแต่คนละความทรงจำ คนละช่วงอายุ คนละความคิด แต่ตัวตนของเขาคือโม่หราน โม่เวยอวี่พระเอกของเรื่องค่ะ ส่วนตัวเราแล้วนั้นเราไม่เคยแบ่งแยกเขาออกจากกันเป็นคนละคนไปเลย ว่าคนนี้คือโม่จงซือ คนนี้คือท่าเซียนจวิน เพราะในมุมมองเราทั้งหมดนั่นคือโม่หรานค่ะ ยิ่งพอได้รับรู้ว่าน้องพบเจอกับเรื่องราวร้าย ๆ มามากขนาดไหน เราก็ยิ่งอยากให้เขาได้มีความสุขกับหวั่นหนิงจริง ๆ เสียที ไม่ว่าจะ 2.0 หรือ 0.5 แงงง /คลานเข่าไปถวายพานดอกไม้ให้โร่วเปาที่ประทานตอนจบดี ๆ มาให้หรานหวั่น
ฉู่หวั่นหนิงคนดีของหนู ~ คนนี้เราไม่รู้จะพูดอะไรอะ5555555 เขาคือคนที่รักโม่หรานในทุก ๆ ตัวตน เขารักโม่หรานในฐานะศิษย์คนหนึ่ง เขารักโม่หรานในฐานะคนที่ตัวเองแอบชอบ เขารักโม่หรานในฐานะคนรัก รักแบบหมดหัวใจ ความรักที่เขามีต่อโม่หรานมันคือความรักที่ยิ่งใหญ่มากกว่าแค่พูดคำว่ารักออกไป มันคือความรักแห่งการเสียสละที่แท้จริง และถ้าถามว่ารักแค่ไหน ก็จะตอบว่าตัวเองตายได้แต่จะไม่ยอมให้โม่หรานตายอย่างเด็ดขาด ต่อให้ต้องหันหลังให้คนทั้งโลกแต่ก็จะไม่ยอมทิ้งโม่หรานไว้คนเดียว และถ้าโม่หรานจะตายเขาก็จะยอมตายไปพร้อมกับโม่หราน เขาจะปกป้องทุกวิถีทางเพื่อให้โม่หรานปลอดภัย เขาคือคนที่จะไม่ยอมเห็นโม่หรานต้องเจ็บปวดไม่ว่าจะกับเรื่องใด ๆ เฮ้อ.. และในโลก 0.5 นั้นหวั่นหนิงไม่เคยเกลียดโม่หรานเลย ไม่เคยเลย.. ยิ่งพอได้รู้ว่าน้องถูกปลูกดอกปาขู่ยิ่งแล้วใหญ่ หวั่นหนิงเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้โม่หรานคนเดิมกลับมา เขาก็รักของเขาขนาดนี้อะ
ในสายตาเราหวั่นหนิงคือคนที่แข็งแกร่งมาก ๆ หัวใจของเขาไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ และยืนหยัดเพื่อคนที่ตัวเองรักจนถึงที่สุด ต่อให้การที่เขายืนหยัดเคียงข้างโม่หรานนั้นจะทำให้คนทั่วหล้าประณาม ซุบซิบนินทา เกิดข้อครหาต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเองอย่างไร เขาไม่เคยสนใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงแค่โม่หราน แค่โม่เวยอวี่คนเดียวเท่านั้น
อย่างที่เราเคยกล่าวไปว่าหวั่นหนิงน่ะต้องการความรัก ต้องการความเอาใจใส่มาก ๆ เลย และเราก็ดีใจมากที่ต่อจากนี้หวั่นหนิงจะได้มีชีวิตที่ดี ได้รับความรักจากคนที่ตัวเองรัก ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่เขาหนานผิงอย่างสงบสุขจริง ๆ เสียที
ฮือออ หวั่นเยว่อวี้เหิงแสนดีที่หนึ่ง ฮืออออยากมีหวั่นหนิงเป็นของตัวเองบ้างอะ /หอมหัว
อยู่ ๆ ก็อยากพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา 555555555555 อะแฮ่ม ๆ ขอนิดแล้วกันนะคะ คือซือเม่ยที่มาอยู่สื่อเซิงใหม่ๆ นั้นมีโอกาสได้เจอกับหวั่นหนิงโดยบังเอิญ แล้วหวั่นหนิงก็ดันใจดีกับตนเองทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มันก็เลยเกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาในใจ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซือเม่ยจึงเลือกกราบไหว้หวั่นหนิงเป็นซือจุนค่ะ (ที่สื่อเซิงศิษย์จะเป็นคนเลือกอาจารย์) แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ซือเม่ยก็คือคนที่มีแผนการอันยิ่งใหญ่ค้ำคอไว้ เพราะต่อให้เขาจะชอบหวั่นหนิงมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่าแผนการของเขา นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ซือเม่ยเลือกที่จะปลูกดอกปาขู่กับหวั่นหนิงเพราะนอกจากตนจะได้ดาบที่แข็งแกร่งมาไว้ใช้งานแล้ว เขายังจะได้ตัวหวั่นหนิงมาครอบครองจากเอฟเฟคของดอกปาขู่อีกด้วยค่ะ กะจะยิงนัดเดียวได้นกสองตัว (._. )
(อิ_________________________อิ)
แต่ก็อย่างว่า คือซือเม่ยไม่ใช่คนโหดร้าย แต่ด้วยสถานการณ์มันบีบบังคับให้เขาเป็นแบบนั้น เขาเองก็เป็นผู้ถูกกระทำมาเหมือนกัน เขาเองก็ใช้ความกล้าหาญ และความบ้าบิ่นพอตัวที่คิดแผนนี้ขึ้นมาเพื่อเผ่าพันธุ์ของตัวเอง เพียงแต่วิธีการมันไม่ถูกต้องตั้งแต่ยืมมือคนอื่นมาเป็นดาบให้ตัวเองแล้ว ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับเลยค่ะว่าต่อให้ทุกคนมีเหตุผลแค่ไหน ก็ไม่สมควรจะต้องมีใครมาตายเพื่อเสียสละให้กับอะไรแบบนี้อะ (ยิ่งเรื่องสะพานศพคือแบบ มันเป็นสะพานกว้าง 5 ฟุตซึ่งสร้างจากศพ คือศพมันต้องเยอะแค่ไหนถึงจะขึ้นไปถึง Demon Realm...) ซึ่งพอเรามานึกถึงสิ่งที่ซือเม่ยทำไว้ เรารู้สึกชอบจุดจบของหัวปี้หนานกับซือเม่ยมาก มันให้ฟีลแบบ นี่แหละจุดจบที่เหมาะสมที่สุดกับพวกเขาแล้ว
note: ถ้าอ่านในนิยายจะมีพาร์ทที่เล่าอดีตของซือเม่ยอยู่ด้วย ซึ่งเราขอติดป้าย TW ไว้ตัวโต ๆ ตัวโตเท่าบ้านว่า พาร์ทอดีตของซือเม่ยไม่ควรอ่านตอนทานข้าวค่ะ เตือนแล้วน้า555555555555
ตั้งแต่ต้นจนจบเรารู้สึกว่าโร่วเปาใจร้ายกับตัวละครนี้มากๆ เลย เขียนคาร์มาให้เราหลงรักในความน่ารักสดใสของน้อง แต่ตอนจบนั้นน้องเละเทะไม่เป็นชิ้นดี สูญเสียแทบทุกอย่าง เขาคือเหยื่อที่โดนหางเลขไปด้วยโดยที่น้องไม่ได้ทำอะไรผิดเลย อยู่ ๆ ก็มาเจอกับความจริงที่ถูกปกปิดไว้ อยู่ ๆ ก็มาสูญเสียสิ่งนั้น สิ่งนี้ สิ่งโน้น สูญเสียไปแทบทั้งหมด แม้ในตอนจบน้องจะสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้งก็ตาม แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเออทำไมโลกใบนี้โหดร้ายกับเด็กตัวเล็ก ๆ คนนึงได้ขนาดนี้กันนะ...
ซึ่งที่โหดร้ายกว่าไทม์ไลน์ปัจจุบัน คือเซวียเหมิงจากไทม์ไลน์ 0.5 ถ้าไทม์ไลน์ปัจจุบันว่าเละเทะแล้ว ในส่วนของเซวียเหมิงจากไทม์ไลน์ 0.5 คือสูญเสีย โกรธแค้น เจ็บปวด บอบช้ำ แตกสลาย และไม่มีโอกาสแม้แต่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยซ้ำ .............. (โร่วเปายูㅡ ) ตอนเราอ่านพาร์ทที่หวั่นหนิงจากไทม์ไลน์ปัจจุบันได้มีโอกาสเจอหน้าเซวียเหมิงจากไทม์ไลน์ 0.5 อีกครั้งคือเราร้องไห้น้ำตาไหลเป็นก๊อกแตกเลย แบบแม่งเง้ย น้องก็รักซือจุนของน้อง ทำไมโลกถึงใจร้ายกับน้องขนาดนี้ แถมตอนจบของเซวียเหมิง 0.5 ไม่ได้จบสวยเหมือนไทม์ไลน์นี้ด้วยอะ แงงงงงงงงงงงงงงงงง
แต่ภายใต้ความโหดร้ายทั้งหมดทั้งมวลนั่นโร่วเปาก็ยังใจดีที่มอบ “ซวงเหมย” มาให้น้อง ถ้าน้องไม่มีเหมยหานเสวี่ยเราว่าชีวิตน้องจะแย่กว่านี้ เพราะในตอนที่ทุกอย่างเละเทะ ก็มีซวงเหมยนี่แหละที่คอยประคับประคองน้องไว้ คอยดูแล คอยปลอบใจ คอยปกป้องอยู่ข้างกายไม่เคยทิ้งน้องไว้เลย สมแล้วที่เป็นเรือพระราชทานจากศาสดา 0.5 เพราะท่าเซียนจวินเคยกล่าวไว้ประมาณว่าไม่ว่าจะภพชาติไหนเจ้าก็คอยตามปกป้องเซวียเหมิงอยู่เสมอเลยนะ (0.5 ขี้ชิปนะเรา555555555)
จริง ๆมีอีกหลายเรื่องมากกกกกกกกกกกกก ที่อยากยกมาพูดแต่ถ้าพูดมากกว่าก็จะไม่ใช่รีวิวแล้ว (ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วมั้ยอะ ? 5555555555 จะมีใครอ่านจบปะเนี่ย ยาวเป็นกิโลขนาดนี้ ._.) คือนิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่ทุกคนต้องลองอ่านเองจริงๆ ค่ะ มันเป็นนิยายที่เปิดโอกาสให้คนอ่านได้ตัดสินใจเกี่ยวกับตัวละครในมุมของตัวเอง เพราะโร่วเปาไม่บอกว่าคนนั้นผิด คนนี้ผิด เขาเล่าเรื่องราวให้เราฟังเฉย ๆ ส่วนจะตัดสินยังไงนั้น ขึ้นอยู่กับคนอ่านจะมองเลยค่ะ เป็นนิยายน้ำดีที่ถ้าคุณมั่นใจว่าทนรับต่อ TW
ในความคิดส่วนตัวของเรานั้นเรารู้สึกว่า Theme หลักของเรื่องคือ “เหตุผล กับ ความถูกต้อง” รวมไปถึงการสำนึกผิดและชดใช้บาปของตัวละคร(?) มันเป็นอะไรที่ดีนะ คือโร่วเปาไม่ได้พยายามเขียนออกมาให้บางสิ่งบางอย่างในเรื่องมันกลายเป็นความถูกต้องอะ เขาพยายามทำให้เห็นว่าถ้าเราทำแบบนั้น เราก็หนีไม่พ้นจุดจบที่จะวกกลับมาหาตัวเราเองในท้ายที่สุด ตัวละครในเรื่องค่อนข้างสมเหตุสมผล เพราะหลังจากที่คนเหล่านั้นกระทำสิ่งใดออกไปแล้ว มันมีผลลัพธ์ตามมาเสมอไม่ว่าจะกับตัวละครหลัก ตัวละครรองต่าง ๆ โร่วเปาคือเก็บครบทุกเม็ดไม่มีปล่อยผ่านเลย งานละเอียดมากจริง ๆ ค่ะ
ในส่วนของการบรรยายนั้นโร่วเปาค่อนข้างเก่งในเรื่องขยี้ ถามว่าเบอร์ไหนก็คงตอบได้ว่ามีช่วงนึงที่เราร้องไห้ติดกันเป็นสิบๆ ตอนเลยค่ะ โร่วเปาคือค่อย ๆ บิ๊วด์เลเวลมาเรื่อย ๆ จากที่น้ำตาซึม เป็นน้ำตาค่อย ๆ ไหล จากนั้นก็ไหลพรากออกมา จากนั้นก็เป็นร้องไห้แบบออกเสียง และไปจบที่เราร้องไห้จนตัวโยนสะอื้นออกมาดังมาก ขนาดอ่านจบจนวางไอแพดไปแล้วแต่ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้ไปอีกเป็นชั่วโมง ปวดหัว ปวดตา ตาบวม หูอื้อเลยค่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าครั้งนึงในชีวิตจะต้องมาเสียน้ำตาให้กับนิยายขนาดนี้55555555555555555555 ใครบอกว่าเอ้อร์ฮาเป็นนิยายขายความดุดันของ
Note: สำหรับซีรีส์เฮ่าอีสิงที่จะมาในปีหน้านั้นแน่นอนว่าย่อมต้องมีการปรับบทกันอีกมากมายแน่นอน ถ้าพูดในฐานะแฟนนิยายแล้วเรารู้สึกว่าแค่ปรับซือเม่ยเป็นผู้หญิงก็เลี่ยงกบว.ไปได้เยอะแล้วล่ะค่ะ ฉะนั้นถ้าซีรีส์ออนแอร์แล้ว เราก็แอบหวังว่าจะไม่มีกรณีด่าทอใส่นักแสดงหญิงที่มารับบทซือเม่ยนี้ ; ^ ; (เฉินเหยาน่ารักมาก ๆ เลย ฝากเอ็นดูเหยาเจี่ยกันด้วยนะคะ มุแง
สำหรับผู้ที่สนใจอ่านนิยาย Eng Ver. ระหว่างรอเล่มไทยเราจะแปะลิ้งค์อ่านไว้ให้กันตรงนี้เลยนะคะ
แปลตั้งแต่ตอนแรกและยังอัพเดทอยู่เรื่อย ๆ ตามความว่างของคุณเขาค่ะ >>จิ้มตรงนี้<<
ตอนที่ 130-311(จบ) + ตอนพิเศษ >>จิ้มตรงนี้<<
พูดกันมาซะเยอะเลย (เยอะมาก ๆ เลยแหละ ยาวกว่าแต่งฟิคอี๊กกกกก) สุดท้ายก็ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้นะคะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย ไขความกระจ่างในบางเรื่อง(?) ให้กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันได้ ยังไงก็ฝากมอบความรักความเอ็นดูให้กับนิยายเรื่องนี้เยอะ ๆ ด้วยนะคะ
จริง ๆ เราก็ไม่ได้เกลียดซือเม่ยนะ เขาก็ทำเพื่อพวกพ้องของตัวเอง ที่โดนโลกเซียนย่ำยีมานานขนาดนั้นอ่ะ แต่จุดจบของเขาเป็นแบบนั้นก็คือ โอเค ลงตัวดีแล้วค่ะ
แต่ไม่รู้ทำไม เราว่าเรื่องนี้มันเศร้าหลายช่วงก็จริง แต่ไม่ได้ตับพัง...จะว่าไงดี เราเคยเจอเรื่องที่ตับพังหนักกว่านี้มาเยอะแล้วอ่ะค่ะ 555 เรื่องนี้ยังไงมันก็เต็มไปด้วยความหวังนะ จบก็จบด้วยความหวัง แต่เรื่องที่ตับพังจริง ๆ อ่านจบดูจบ ยังหดหู่ไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ ดังนั้น เอ้อร์ฮาถือว่าชิว ๆ สำหรับเรา
ในส่วนที่ยินดีจะยกมือเห็นด้วยอย่างแรงคือประเด็นเรื่องความรักของหรานหวั่นค่ะ ㅠㅠ จริงๆ มันคือความรักที่มากกว่ารัก คือความเสียสละ คือชีวิต คือทุกอย่าง คือกันและกันอะค่ะ ใครจะรักหวั่นหนิงได้เท่ากับโม่หราน และใครจะรักโม่หรานได้เท่ากับหวั่นหนิง... คือชีวิตและชีวิตจริงๆค่ะ ชีวิตโม่หรานมีเสี้ยววิญญาณของหวั่นหนิง และชีวิตหวั่นหนิงก็มีเสี้ยวตัวตนของโม่หรานอยู่ในนั้น ดังนั้นเรื่องฉาก ppp นี่เป็นเพียงเครื่องประกอบ ร้อยรัดปมพล็อตให้มันยุ่งเหยิงมากขึ้น ลึกซื้งมากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ ไม่ใช่พ้อยท์หลักของเรื่องเลย
ดีใจที่มีคนมาพูดแทนท่าเซียนจวินบ้างค่ะ ให้หลายๆคนได้กระจ่างมากขึ้นว่าแท้ที่จริงแล้วท่าเซียนจวินคนนี้ไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการฆาตกรรมทั้งหลาย เป็นเพียงเหยื่อ และแน่นอนว่าไม่ได้แยกขาดออกจากโม่หราน2.0ที่โซหลัวคนนั้นแต่อย่างใดเลยค่ะ
และแน่นอนว่าเราจะร่วมติดตามทั้ง LC นิยายฉบัยไทย และซีรี่ย์เฮ่าอีสิงไปพร้อมๆกันค่ะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับรีวิวดีๆที่เนื้อหาอัดแน่นนี้นะคะ ❤️