เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
การเรียนคณะสังคมวิทยาฯDS.
การเรียนในคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาที่กำลังก้าวเข้าสู่ปี 4
  •      สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้เกี่ยวกับบรรยากาศการเรียนของเราในคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาที่ผ่านมาตั้งแต่ปี1 จนถึงปัจจุบัน
                หลังจากจบการศึกษามัธยมปลายเราก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเรียนคณะอะไรดีเพราะคณะที่อยากเข้าคะแนนadmission ของเราไม่ถึงตามที่คณะต้องการ จนเพื่อนมาแนะนำว่าให้ลงคณะสังคมวิทยาฯเอาไว้ณ ตอนนั้นคะแนนadmission อยู่ประมาณ 18,000+ รวมกับพี่เราแนะนำด้วย ทำให้เราตัดสินใจที่จะลง admission เป็นอันดับหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับคณะเลย เช่น ไม่รู้ว่าเรียนเกี่ยวกับอะไร สภาพสังคมในคณะ มหาวิทยาลัย คิดแค่ว่ามีที่เรียนก็พอแล้วในตอนนั้น หลังจากผ่านการสัมภาษณ์แล้วเข้ามาเป็นนักศึกษาคณะนี้ก็เป็นจุดเริ่มต้น

    เราอยากอธิบายก่อนว่าสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาคืออะไร?
        ตามที่เราเข้าใจและผ่านการเรียนเกี่ยวกับความหมายของ 2 คำนี้เราขอสรุปสั้นว่า สังคมวิทยา คือ การทำความเข้าใจสังคม ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมนั้น ๆ ส่วนมานุษยวิทยา คือ การทำความเข้าใจวัฒนธรรม มนุษย์ ที่มีความหลากหลาย ในฐานะที่เราเป็นเขา มองอย่างเข้าใจผ่านสายตาของเขาไม่ใช่สายตาของเรา 

     ปี 1 : เริ่มต้นก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด " ได้ ซึ่ง โดย และ " อย่าใช้พร่ำเพื่อ!!!

         เราเข้าศึกษามหาวิทยาลัยที่มี คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา เปิดสอนแยกจากคณะสังคมสงเคราะห์ หรือรัฐศาสตร์ ชีวิตเด็กปีหนึ่งสิ่งที่เราคิดเป็นชีวิตที่เรียบง่าย มีกิจกรรมน่าสนใจให้เข้าร่วม มีความพยายามและตั้งใจเรียนอย่างเต็มเปี่ยมเรียกง่าย ๆ คือ มีไฟในการเรียนแบบ 300 % ส่วนวิชาที่ต้องเรียนตลอดทั้ง 4 ปี แบ่งเป็น 6 ส่วน คือ วิชาทั่วไป วิชาบังคับ วิชาเอกของคณะ เสรีในคณะ เสรีนอกคณะ และวิชาโท
        ในปี 1 เราเรียนวิชาทั่วไปและวิชาบังคับ โดยมีวิชาหนึ่งที่ติดตาตรึงใจเรามาจนถึงตอนนี้คือ การเขียนของนักสังคมวิทยา ภาพในหัวคงสอนเกี่ยวกับการเขียนเช่น ให้ดูหนังสือตัวอย่าง อ่านงานอะไรสักอย่าง (อ่านเยอะจริง ๆ)  แนะนำเทคนิคการเขียน ซึ่งในความเป็นจริงก็คล้ายกับที่เราคิดอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ยากกว่าที่คิดไว้คือ การเขียนให้เข้าใจง่าย เห็นภาพ ไม่ใช้คำเปลืองนี้ล่ะ เป็นความยากที่สุดของวิชา ใครที่คิดว่ามีทักษะดีแล้วต้องใจเย็นก่อนเพราะคุณอาจเสียน้ำตาในการถูกเขียนวิจารณ์กลับมาแก้อย่างเราก็เป็นได้ ???
        วิชาการเขียนนั้นอาจารย์จะมอบหมายงานให้พวกเราทำถ้าจำไม่ผิดคือ งานคนกับความรู้ (ทำให้เราเกือบอยากซิ่วไปเรียนคณะอื่น 555 แต่ก็รอดมาได้ ) เป็นงานเดี่ยวที่ให้เราไปหาสิ่งที่สนใจและเป็นความรู้แบบเฉพาะบุคคลมาเขียนแล้วส่งอาจารย์ ฟังดูง่ายใช่ไหมแค่เขียนแล้วก็ส่งจบไม่มีอะไร เราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เราหาสิ่งที่สนใจได้แล้วเขียนส่งอาจารย์ในใจคิดได้คะแนนเยอะแน่นอนเขียนละเอียดขนาดนี้ พอถึงวันที่อาจารย์ส่งกระดาษคืนพร้อมคะแนนที่เราเห็นแล้วน้ำตาแทบไหลนั้นคือ 0 คะแนน
    ยิ้มแห้งเลยในหัวมีคำถามมากมายเป็นหมื่นล้านคำ
        แต่พอได้มาคุยกับพี่ TA และอาจารย์ก็ทำให้เราได้ปรับการเขียนขึ้นไปเรื่อย ๆ จนผ่าน สิ่งที่ได้จากวิชานี้คือ เราอย่าเขียนคำว่า ได้ ซึ่ง โดย และ อย่าพร่ำเพื่อ ตามจริงอาจารย์อธิบายไว้อย่างละเอียด ด้วยความที่เกิดขึ้นตอนปี 1 ผ่านมาสักพักจึงจำรายละเอียดไม่ได้ ถ้าใครอยากรู้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรก็คงต้องเข้ามาเรียนคณะนี้ดู? 
         อีกสิ่งที่เราประทับใจคงเป็น วิธีการสอนของอาจารย์ที่เป็นกันเองสุด ๆ มีทั้งนั่งที่พื้นฟัง present ของนักศึกษา และให้คำแนะนำในงานเขียนต่าง ๆ สิ่งที่อาจารย์แนะนำเรานำมาใช้ในการเขียนงานส่งทุกครั้ง พยายามอ่านงานซ้ำทุกรอบ ตั้งใจทำเต็มที่แต่เรามันสมองปลาทองพอปิดเทอมขึ้น ปี 2 ทุกอย่างก็ค่อย ๆ เลือนลางหายไป



         

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in