เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พร่องเออเนสซองส์
คืนคลั่งและคำคลื่น
  • ล้อเครื่องบินแตะพื้นโลกอย่างแผ่วเบา ลมทะเลพลิ้วไหวไล้ตัวเครื่องเป็นการทักทาย การมาเยือนของอีกหนึ่งชีวิต จากแดนที่ไกลห่างจากตรงนี้หลายล้านหายใจ


    ผมมาเมืองที่ชายหาดสวยแห่งนี้เพื่อพักผ่อน หรือเรียกว่ามายกเครื่องใหม่ก็ได้ หลังจากตรากตรำทำงานมาแบบไม่พักตลอดห้าปีเต็ม


    "เอ๊งเครียดแล้ว ไปพักหน่อยเหอะ ดูสิ่ คิ้วยังกับผูกโบว์"หัวหน้าผมแนะด้วยความหวังดี แน่นอนผมเชื่อพร้อมตกปากรับคำ เพราะเลือกที่จะไม่ฉีดโบท็อกซ์ เลยเอาหน้ามาจุ่มน้ำทะเลดีกว่า เกลือจะช่วยให้อยู่ได้อีกนาน คล้ายๆกับการถนอมอาหารกระมัง โดยไม่ต้องเสียเงินมากด้วย ผมนึกแบบอารมณ์ดี เอ แปลกดีแหะ แค่ได้เห็นคลื่น แค่สูดเอาลมทะเลเข้าไปให้เต็มปอด ก็กลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกมากมาย บางทีสายลม มันก็ช่วยพัดเอาความขุ่นข้องหมองมัว ให้ม้วนหายปลิวไปได้เหมือนกัน


    ผมชอบกลิ่นของทะเลนะ มันมีกลิ่นเฉพาะ เค็มๆคาวๆแต่ก็รู้สึกถึงการมีชีวิต


    หลังจากได้บังกะโลแล้ว ผมถือกระเป๋าเข้าห้องพัก ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ก็มีกลิ่นหนึ่งลอยเข้ามาปะทะ กลิ่นเก่าๆอับๆ น่าจะเป็นเพราะห้องนี้ถูกปิดมานานก็เป็นได้ ก่อนที่แสงจะลาลับ ผมไม่พลาดโอกาสทองนั่งมองพระอาทิตย์ตกแน่ๆ จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วล้างหน้าให้เรียบร้อย


    ขณะเปิดก๊อกน้ำ ซึ่งมีตะกอนขุ่นขลั่กทะลักออกมา คงเพราะไม่ได้เปิดมานาน แต่ไอ้ที่ไม่แน่ใจว่าอยู่มานานแค่ไหน คือเส้นผมยาวประมาณเมตรหนึ่งได้ แห้งกรอบเกาะอยู่ข้างฝา เยื้องกับก๊อกน้ำเล็กน้อย น่าจะเป็นผมผู้หญิงนะ ดูจากความยาว คงยาวลงไปจนเลยกลางหลัง แปลกใจเหมือนกันเพราะผู้หญิงยุคนี้ ไม่ค่อยมีใครไว้ผมยาวขนาดนี้หรอก คงเป็นผมของแม่บ้านที่มาทำความสะอาดห้อง หรือผมของแขกที่มาพักก่อนหน้า แต่จะก่อนหน้านานสักแค่ไหน ก็สุดจะเดา ช่างมันเสียเวลาดูพระอาทิตย์ตกดินซะเปล่าๆ


    หลังแสงสุดท้ายคล้อยหลังไป ความมืดมิดมาเยือนแบบไม่เหลือที่ไว้ให้ดวงจันทร์ และแสงดาวเลย ราวกับความมืดขอคืนเวลาทั้งหมด หลังจากที่ปล่อยให้กลางวันสวางไสวเต็มที่แล้ว คล้ายๆกับชีวิตคนเรา มีมืดย่อมมีสว่าง จะกลัวไปใยเป็นธรรมดาโลก เพราะไม่นานที่มืด ความสว่างย่อมย้อนกลับมาอยู่ดี สลับผลัดเปลี่ยนกันไป ถ้ารู้เท่าทันเราก็ไม่กลัว เราย่อมไม่ทุกข์ เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่พึงใจ

  • ผมนั่งแช่บนหาดทรายสีดำสนิท ที่ยาวสุดลูกหูลูกตา พยายามหายใจให้แผ่วที่สุด เพื่อจะฟังว่า คลื่นเค้ากระซิบว่าอะไร...


    จมจ่อมอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหนไม่รู้ แต่เปลือกตาเริ่มหนักๆแล้ว ปากก็หาวใหญ่แข่งกับสายลมที่หอบผ่าน ถึงเวลานอนแล้ว ยังมีเวลาอีกมากที่จะดูและฟังเสียงทะเลแสนงามแห่งนี้ ผมลุกขึ้นยืน พร้อมปัดเอาทรายที่ก้นออก


    ประตูห้องถูกเปิดออก ผมถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าไป พลันฝ่าเท้าไปสัมผัสกับดินสากๆที่พื้นห้อง เอ...ทรายเข้ามาได้ยังไง ประตูก็ปิดสนิท หน้าต่างก็ยังไม่ได้เปิด ช่างมัน เสียเวลาคิดหาเหตุหาผล นอนดีกว่า จะได้เก็บแรงเอาไว้วันพรุ่ง


    พอหัวกระทบหมอน ตาปิดสนิทลง จมูกยังคงหายใจ แต่สิ่งที่แปลกออกไป คือกลิ่นของทะเลมันหายไปเหมือนจู่ๆ คลื่นถูกสูบออกจากหาด ทะเลถอยล่นลงจนกลายเป็นแอ่ง มีกลิ่นน้ำอบไทยเข้ามาแทนที่ กลิ่นชัดขึ้นเรื่อยๆ เหมือนวัตถุต้นตอแห่งกลิ่นนั้นขยับใกล้เข้ามาทุกทีๆ เป็นกลิ่นที่มาแบบผิดที่ผิดทาง ผิดยุคผิดสมัย ผมไม่ยอมเปิดตามอง ไม่ใช่เพราะง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แต่มันมีความคิดหนึ่งแว้บเข้ามา ขนแขนแสตนด์อัพ ขนหัวลุก ขนหูตั้ง ในใจพยายามนึกว่าประตูอยู่ทางทิศไหน จะรีบลุก แล้วโกยแน่บออกไปให้เร็วที่สุด ทั้งๆที่ยังปิดตา เพราะกลัวภาพติดตา


    เร็วยิ่งกว่าแชมป์โลกวิ่งร้อยเมตร จนมาหยุดลงตรงประตูสำนักงาน มีเจ้าหน้าที่นั่งสัปหงกอยู่ที่เคาท์เตอร์

    ทันทีที่เค้าลืมตาขึ้นมาเห็นหน้าผม ถึงกับเบิกกว้าง แล้วกวักมือให้ผมเข้ามา โดยไม่ต้องพูดอะไร


    ผมนอนในห้องสำนักงาน ในมือกำพระที่ห้อยคอเอาไว้แน่น ไม่เคยสำนึกถึงการมีอยู่ของท่านเท่าครั้งนี้ คืนนั้นเวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าและทรมาน เฝ้าแต่คิดว่าเมื่อไรจะเช้า จะได้ช่วยขจัดปัดเป่า ความกลัวในใจออกไปเสียที ผมเชื่อมโยงเรื่องทั้งหมดเอาไว้ในหัว ทั้งผมผู้หญิงที่ยาวเลยกลางหลัง ทั้งทรายบนพื้นห้อง ทั้งกลิ่นน้ำอบไทย มันย่อมไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา


    เช้านั้นผมไม่รีรอที่จะถามพนักงาน แบบไม่อ้อมค้อมเลยว่า มีใครเสียชีวิตในห้องที่ผมพักเมื่อคืนหรือเปล่า พนักงานหลุบตามองต่ำชั่วครู่ ก่อนเอ่ยปากบอกว่าไม่ทราบ เพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่อาทิตย์ ถามเจ้าของสถานที่นี้ น่าจะได้คำตอบที่คาใจ

  • นั่นไง ผมได้กลิ่นไม่ชอบมาพากล ผมจมูกดียิ่งกว่าสุนัขยอดนักสืบ ผู้หญิงคนนี้ไม่ตายดีแน่ๆ ต้องมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นในห้องพัก แล้วเจ้าของกลัวเรื่องจะเล็ดลอดออกไป จนสร้างความเสียหาย อาจถึงขั้นต้องปิดกิจการไปเลยก็ได้ ดั้งนั้นจึงต้องทำลายหลักฐาน และสั่งให้พนักงานทุกคนปิดปากเงียบ


    "เอ่อ...ครับ ได้ครับ เดี๋ยวผมแจ้งให้แขกทราบตามนี้เลยนะครับ ปีที่มีสึนามิใช่มั้ยครับ ขอบคุณครับ" หลังบทสนทนาสั้นๆ ของพนักงานกับเจ้าของที่พัก คำตอบที่ผมสงสัยก็ถูกคลี่คลาย ย้อนหลังกลับไปสิบปี หาดแห่งนี้ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของคลื่นยักษ์ ที่ถล่มชายหาดของประเทศไทย สูบเอาชีวิตคนหลายพัน จมหายลงสู่สะดือทะเล ไม่แปลกใจเลย เธอคงเป็นหนึ่งในนั้น ที่ทุกข์ทรมานและยังไม่ไปผุดไปเกิด เฝ้าล่องลอยเวียนวน ขอให้ใครสักคนช่วยปลดปล่อยวิญญาณ


    ว่ากันว่าคนที่เกิดวันจันทร์มีซิกซ์เซนต์ ผมอยากเกิดวันอื่น แต่ก็ใช่ว่าจะเลือกเกิดเองได้ ทันทีที่กลับถึงกรุงเทพก่อนกำหนด ผมรีบตรงดิ่งไปทำบุญโลงศพให้เธอ หวังว่ากุศลผลบุญที่เผื่อแผ่ไปให้ จะช่วยดึงเธอออกจากคลื่นความคิดอันทรมาน คิดเวียนวน คิดถึงพ่อแม่ ห่วงคนโน้นคนนี้ จนไม่ได้ไปเกิด ผมอธิษฐานในใจ ถ้าจิตเราสัมผัสและส่งถึงกันได้ ขอให้เธอปล่อย ปล่อยมือจากความคิดยึดติดทั้งมวล ที่เหนี่ยวรั้งเธอให้อยู่แต่ที่ตรงนั้นไม่ไปไหน อย่างน้อยควรจะได้ไปผุดไปเกิดใหม่สักที ที่แล้วก็ให้จบๆกันไป เริ่มต้นใหม่ เพราะการดับ ก็เพื่อเกิด เพื่อมีชีวิตใหม่ เพื่อสัมผัสกับวันอันสดใส ที่จะส่องประกายเหมือนแสงอาทิตย์ ที่ระยิบระยับบนยอดคลื่น


    ทำไมผมถึงเชื่อว่าหญิงสาวผู้นั้น เสียชีวิตเพราะภัยธรรมชาติ มากกว่าคิดว่าเป็นการฆาตกรรมอย่างนั้นหรือ ผมตอบตัวเองด้วยคำถามเดียว ต่อให้ผมฟื้นฝอยไปแค่ไหน เธอจะฟื้นขึ้นมาหรือเปล่า เราจะคิดยังไงไม่สำคัญ เท่ากับเราจะออกจากความคิด ความสงสัยเหล่านั้นได้อย่างไรต่างหาก นั่นแหละ จึงเป็นทางออกจากความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ของเธอ หรือทุกข์ของผม ได้อย่างแท้จริง เพราะคลื่นที่สร้างความวิปโยคยาวนานที่สุด ไม่ใช่คลื่นในทะเล แต่เป็นคลื่นความคิดที่วนเวียนในหัวเรานี่เอง


    คลื่นสีคราม เค้ากระซิบบอกผมอย่างนั้น



Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in