เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ตื่นจากฝันก็ฝึกงานซะแล้วThanaphon R.
สัปดาห์ที่ 3 : มนุษย์ฟรีแลนซ์กับหนังสือทั้ง 17
  • "งานในสัปดาห์ที่ 3 ของการฝึกงานเป็นอย่างไร"

    อย่างที่เคยพูดถึงในสัปดาห์ที่แล้วว่ามีของมาส่งเพิ่มก็สรุปเป็นหนังสือจริง พอรวมแล้วตอนนี้มีหนังสือ 17 เล่ม ได้เป็นเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่แค่มอนเตสซอรีแล้ว (ซึ้ง) ก็ลองอ่านไปหลายเล่มแต่ดันลืมจดโควทไว้นี่สิ

    งานในตอนนี้ก็คือเลือกโควทเด็ด ๆ ในหนังสือเขียนเป็นลิสต์เก็บไว้เผื่อใช้เขียนบทความหรือมีไอเดียอะไรอยากทำเพิ่ม ส่วนแคปชั่นเฟสบุ๊คที่เคยทำส่งไปพี่นิดนกตรวจแล้วก็โอเคอาจจะลองโพสต์ลงแต่ยังต้องให้กราฟฟิกช่วยเช็คภาพประกอบที่พวกเราดีไซน์อีกที 

    งานในช่วงนี้จึงไม่มีอะไรมากมาย 'อ่านหนังสือ เลือกโควท ทำบทความ '

    ทุกครั้งที่อ่านหนังสือมักจะตระหนักถึงบางสิ่งที่ผู้เขียนอยากบอกหรือมองย้อนกับมาที่ตัวเอง อย่างว่าเด็กเรียนวรรณกรรมอ่านและวิเคราะห์วรรณกรรมจนเป็นสิ่งหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ครั้งนี้อาจจะต่างกันหน่อยเพราะเป็นครั้งแรกที่อ่านหนังสือแนว How to / Parenting อย่างน้อยประสบการณ์ก็อาจช่วยให้เข้าใจหนังสือได้สักครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเคยเลี้ยงลูกแต่ให้ลองมองย้อนกลับไปวันที่เรายังเด็กมาก ๆ หรือปัญหาครอบครัวต่าง ๆ ทั้งคนรอบตัวทั้งจากข่าวสาร ที่บอกว่าเข้าใจครึ่งหนึ่งก็คือ เราอาจไม่เข้าใจความเป็นพ่อแม่แต่เข้าใจความเป็นลูกทั้งความคิดและความรู้สึก อย่างเช่นหนังสือเรื่อง พูดอย่างไรให้ลูกอยากเรียน(สไตล์คุณแม่ญี่ปุ่น) ก็จะรวมวลีเด็ดของพ่อแม่ที่ชอบบ่นให้ลูกพยายามตั้งใจเรียนแต่กลับเป็นการทำร้ายความรู้สึกและความตั้งใจของเขาซะหมด 

    "ลูกฉันวัน ๆ เอาแต่เล่นซน ไม่ตั้งใจอ่านหนังสือเลย" 

    บางทีพ่อแม่อาจไม่ได้เห็นตอนที่ลูกตั้งใจอ่านหนังสือ พอลูกได้ยินแบบนั้นก็เหมือนไม่มีใครมองเห็นความพยายาม นี้ก็เป็นตัวอย่างในหนังสือพออ่านไปก็นึกไปว่าเราก็เคยโดนบ่นอย่างนั้นอย่างนี้เหมือนกัน ทำให้รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้อ่านง่ายเพลินดี พ่อแม่ที่ได้อ่านเล่มนี้ก็ได้วิธีแก้ปัญหาและระวังการใช้คำพูดมากขึ้น
    (เหมือนขายของแต่อ่านจริง)

    บางเล่มก็อ่านสนุกเหมือนอ่านไดอารี่ บางเล่มก็อ่านยากเหมือนตำราเรียน อ่านไปก็ได้แนวคิดใหม่ ๆ ที่ได้ก็เป็นทัศนคติที่อ่านแล้วเข้าใจสุด พยายามทำความเข้าใจแม้ไม่มีประสบการณ์ ความยากลำบากก็คือการสรุปหรือย่อยความคิดออกมา เหมือนคนที่รู้แค่ทฤษฎีแต่ไม่รู้วิธีนำไปประยุกต์ต่อยอดให้เป็นรูปธรรม

    ไฮไลต์ประจำวัน

    วันพฤหัสบดี (9 มิ.ย.) นัดคุยอัพเดตงานโควทและงานอีเว้นท์ พี่นิดนกให้ feedback เรื่องอีเว้นท์ที่ตอนแรกพวกเราจะจัดเริ่ม 10 โมงถึงบ่ายด้วยความเคยชินเลยจัดงานช่วงสาย พี่นิดนกให้ความเห็นว่าลองปรับเวลาให้เช้าขึ้น ใช้เวลาทั้งช่วงเช้าไปเลย เพราะเดี๋ยวพอช่วงบ่ายเด็ก ๆ เริ่มเหนื่อยเริ่มง่วงกันก็จะงอแง และอาจลองปรับกิจกรรมดูอีกที

    แล้วก็ชวนคุยเรื่องการนัดเจอกันที่ร้านหนังสือลองทดสอบกิจกรรมที่พวกเราจะใช้ในวันอีเว้นท์ใหญ่กับลองเล่านิทานให้เด็กฟัง (เพราะไม่มีใครเคยเล่าให้เด็กฟัง อย่างมากแค่เล่าให้เพื่อนฟังในคาบ เลยเป็นโอกาสดีที่จะได้ประสบการณ์กลับไป) และอาทิตย์หน้าไปงานอีเว้นท์ที่ CREAM Bangkok ให้พวกเราได้ลองเจอเด็ก ๆ ลองทำกิจกรรม และหาไอเดียจัดอีเว้นท์ 

    ป.ล.ไม่เคยไปที่creamเลย ขอให้ไม่หลงทาง (สาธุ) เปตองคือความหวังของเรา และหวังว่าจะไม่ลืมถ่ายบรรยากาศในงานมาด้วย ถ้าบล็อกหน้าได้เห็นรูปก็แสดงว่าไม่ลืม (ฮ่า)

    ไว้จะมาอธิบายต่อในอาทิตย์ถัดไป
    ขอบคุณค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in