อีกห้าวันจะถึงวันคริสมาสต์ สินค้าบนชั้นวางล้วนแต่เป็นของเข้ากับเทศกาล ,มาร์คอี (พนักงานดีเด่นประจำเดือนผู้รอดพ้นจากการถูกไล่ออกเพราะก่อปัญหาให้ร้านมาอย่างหวุดหวิด) บรรจงจัดวางสินค้าในมือพลางทำท่าเหมือนตนตั้งใจทำงานอย่างมาก— ทั้งที่ความเป็นจริงสติเขาหลุดลอยออกไปตามชั้นบรรยากาศแล้วเรียบร้อย
จนแล้วจนรอดลูคัสก็ไม่โผล่หัวมา
มีแต่ตัวเขาเองที่ยังอยู่ที่เดิม ที่ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้
เอาเข้าจริงเขาไม่จำเป็นต้องทำงานพิเศษด้วยซ้ำ เพราะเงินที่คิมโดยองให้มานั้นยังเหลือค้างในบัญชีเป็นจำนวนเงินมากระดับที่ว่าด้วยการใช้ชีวิตแบบนี้ ตลอดทั้งชีวิตของเขาก็ไม่อาจใช้มันหมด (มาร์คเคยเอามาคำนวณว่าเขาจะซื้อไอติมแตงโมได้กี่แท่ง ซึ่งแน่นอนว่าได้จำนวนที่น่ากลัวมาก)
แต่แน่ล่ะว่ามาร์ครู้สึกสะอิดสะเอียนทุกครั้งที่ต้องใช้เงินก้อนนั้น
การทำงานพิเศษเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อก็เสมือนเป็นการไถ่บาป— ราวกับได้ตบบ่าให้กำลังใจตนเอง ,เห็นไหม นายสามารถหาเงินได้โดยวิธีธรรมดาเหมือนคนปกติทั่วไปนะ เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ธรรมดาไง
ดวงตากลมเหลือบมองนาฬิกา ขณะนี้เพิ่งจะสองทุ่ม เขายังต้องทำงานชดเชยอีกจนถึงช่วงกะดึก
ที่จอดรถหน้าร้านบัดนี้มืดสนิท เขาจ้องมองออกไปในความมืดนั้น ,ความมืดตัดกับสีขาวของหิมะบนพื้นกลายเป็นทิวทัศน์โปรดของเด็กหนุ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แต่แค่มองดู กลับให้ความรู้สึกสงบอย่างประหลาด
มันมอบความสงบ ขณะเดียวกันก็ชวนให้รู้สึกดี จนจู่ๆก็ทำให้มาร์คอยากจะหวัง— อยากคาดหวังว่าหลังจากนี้ชีวิตตนจะสงบ เรียบง่าย ธรรมดา ไม่หวือหวา เหมือนกับทิวทัศน์แสนธรรมดาจนเเทบจะดูด้อยค่าตรงหน้านี้
พริบมาถัดมา เด็กหนุ่มก็สั่นศรีษะ
เขาเกือบลืมไปแล้ว ว่าตนไม่ควรคาดหวังอะไร
ซึ่งเขาคิดถูกแล้ว— ว่าเขาไม่ควรคาดหวังอะไรจริงๆ
เวลาสี่ทุ่มเศษ จอห์นนี่ซอเดินเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ ใส่ชุดสูท เขาเดินตรงมายังมาร์คผู้ยืนรับหน้าที่บริการตรงแคชเชียร์ พนักงานร่วมกะอีกสองคนไม่อยู่ในระยะที่ขอความช่วยเหลือได้เลย
“เพิ่งเลิกงานบริษัทเหรอครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้มาร์คเอ่ยเช่นนั้น และอีกฝ่ายหัวเราะ
อาการมวนท้องหรือความกระวนกระวายเหมือนเช่นครั้งก่อนหายไปแล้ว
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองอีกฝ่ายนิ่งๆ ชายหนุ่มยักคิ้วตอบกลับมา
“รอบนี้ไม่เป็นลมแล้วนะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถาม ริมฝีปากคลี่ยิ้ม
พนักงานแคชเชียร์สั่นศรีษะเป็นคำตอบ “ต้องการบุหรี่เหรอครับคุณลูกค้า”
ชายในชุดสูทส่ายหัวบ้าง เขาคลี่ยิ้ม ก่อนจะชี้นิ้วตรงไปยังอีกคน
“เท่าไหร่?”
มาร์คไม่เคยคิดราคาให้ใคร หรือตั้งใจขายให้ใครนอกจากคิมโดยอง และนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเข้าหาเขาโดยไม่ผ่านคิมโดยองก่อน
เขาชกอีกฝ่ายทันทีที่พูดจบ—เหมือนความโกรธปนความอับอายแล้นขึ้นหน้า ,ชายในชุดสูทกุมใบหน้าฝั่งที่ถูกชก ชะงักไปแว้บหนึ่ง ก่อนที่ฝ่ามือใหญ่ก็คว้าลำคอของมาร์คแล้วกดร่างท่อนบนของเด็กหนุ่มลงกับโต๊ะแคชเชียร์
ฝ่ามือแกร่งบีบกดเขาครู่หนึ่ง มากเพียงพอที่จะทำให้เด็กหนุ่มหัวรั้นหมดแรงขัดขืน มาร์คได้ยินเสียงชายหนุ่มหัวเราะ “โดยองงี่บอกชั้นไว้แล้วว่านายค่อนข้างจะดื้อ สมแล้วๆ”
อีกฝ่ายหิ้วตัวเขาด้วยแขนข้างเดียว ให้ร่างเขาเดินออกจากร้านตามแรงนั้นไปอย่างเสียมิได้
“ขอยืมตัวพนักงานแป๊บนึงนะ ไม่ต้องตามมา” จอห์นนี่ซอไม่ลืมที่จะวางเงินบนแคชเชียร์ให้พนักงานกะดึกอีกสองคนที่แอบมองเหตุการณ์เมื่อครู่
เขาถูกลากเดินตามไปที่จุดอับสายตาข้างร้านสะดวกซื้อ เป็นตรอกมืด ก่อนจะได้ขัดขืนหรือพูดอะไร ฝ่ามือแกร่งทั้งสองข้างก็กดร่างของเด็กหนุ่มให้นั่งคุกเข่าลง บนกองหิมะนั้น
“เธออย่าขัดขืนจะดีกว่านะ ชั้นเป็นเพื่อนร่วมงานของโดยองงี่— ไม่อยากทำให้หมอนั่นโกรธหรอกใช่มั้ย” ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม “ชั้นรู้ว่าหมอนั่นทำอะไรกับนายไปบ้าง ความสัมพันธ์ของพวกนายนี่แม่ง.. เฮ้อ โดยองงี่โคตรโรคจิตเลย”
ฝ่ามือใหญ่ค่อยๆลูบเส้นผมสีดำ ก่อนจะกำอย่างแรงจนอีกคนเบ้หน้า
“ทำซะ หรืออยากให้ชั้นต้องใช้วิธีรุนแรงแบบโดยองงี่ล่ะ”
เด็กหนุ่มค่อยๆรูดซิปกางเกงตรงหน้าลง
ความคิดในหัวนั้นว่างเปล่า ไม่มีทั้งความโกรธหรือความเศร้า ไม่มีแม้แต่คำก่นด่าสาปแช่งคิมโดยอง— ราวกับหมดสติ แต่ยังคงรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้น
จอห์นนี่ซอวางมือบนศรีษะของอีกคนพลางจ้องมองใบหน้านั้น ริมฝีปากที่อ้าออกเพื่อรับแก่นกายของเขา ความอุ่นร้อนโอบรอบส่วนอ่อนไหว และเรียวลิ้นเฉอะแฉะที่ลากเลียไปมา ทำเอาเขาแทบจะคลั่ง
ใช้เวลาครู่หนึ่งทีเดียวกว่าอีกฝ่ายจะเสร็จ น้ำกามถูกหลั่งในโพรงปากของเด็กหนุ่ม ฝ่ามือแกร่งรั้งท้ายทอยเขาเอาไว้ให้แก่นกายของตนเข้าไปลึกสุดปลาย
เมื่อสาแก่ใจแล้วเขาจึงปล่อยท้ายทอยเด็กหนุ่มผู้น่าสงสารให้เป็นอิสระ
มาร์คไอโขล่ก แทบจะสำลัก ตาทั้งสองข้างมีน้ำตารื้น
ระหว่างที่กำลังไอ มาร์คถึงได้รู้ตัวว่าลูคัสยืนมองพวกเขาอยู่ตรงทางเข้าตรอกนั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in