"Neck Deep" วงป๊อบพังค์จากเมือง Wrexham ที่เคยทำการแสดงสดในบ้านเรามาแล้วในปี 2018! มีสมาชิกห้าด้วยกันทั้งหมดคน คือ เบ็น บาร์โลว (ร้องนำ) / แมต เวสต์ (กีตาร์) / แซม บาวเดน (กีตาร์) / ฟิล ธอร์ป-อีวานส์ (เบส) และ ดานี่ วอชิงตัน (กลอง)
19 Seventy Sumthin' เป็น 1 เพลงในอัลบั้ม
The Peace And The Panic ที่พูดถึงเรื่องราวความรักของคนสองคนในช่วงปี 1970 โดยเล่าถึงความเป็นไปในแต่ละช่วงเวลาของชีวิตรัก เริ่มต้นจากวันที่ได้ทำความรู้จักกัน จนถึงวันที่ต้องพบเจอกับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ตอนเราฟังครั้งแรกแบบที่ยังไม่จับใจความก็ชอบมากแล้ว ยิ่งได้รู้ความหมายของเรื่องราวในเพลงนี้ บอกได้เลยว่าอบอุ่บกับความเป็นครอบครัวมาก ๆ
(Verse 1)Let's start it here
มาเริ่มแบบนี้แล้วกัน
Back in nineteen-seventy-sumthin'
ย้อนกลับไปตอนปี 1970 อะไรประมาณนั้นแหละ
can't pin down the year
ผมเองก็บอกปีที่ชัดเจนไม่ได้
When the romance wasn't dead
แต่ตอนนั้นน่ะ พวกเรื่องราวโรแมนติกมันยังไม่หายไปนะ
And love still stood for something
และความรักนี่แหละ ยังเป็นจุดยืนให้กับอะไรบางอย่างด้วย
There was a girl who'd lost her way
เรื่องก็คือ มีผู้หญิงอยู่คนนึงที่กำลังหลงทาง
She blushed red
เธอปัดปรัชออนสีแดง
When he came over
ในขณะนั้นเอง เขาก็เดินเข้ามาหาเธอ
And they danced the night away
หลังจากนั้นทั้งสองได้เต้นรำกัน จนกระทั่งค่ำคืนนั้นผ่านไป
And he sung as he drove her home and
เขาร้องเพลงตอนที่กำลังขับรถพาเธอกลับบ้าน
It was there that she would say
และในตอนนั้น เธอก็พูดขึ้นมาว่า
"If I could, then I would save you"
ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากจะเก็บเธอไว้แบบนี้
And he smiled and turned away
เขายิ้มกับสิ่งที่เธอบอก และขับรถกลับออกไป
In six weeks they're saying "I do"
หลังจากนั้นหกสัปดาห์ พวกเขาก็ตอบตกลงที่จะแต่งงานกัน
Oh, love just don't go that way no more
ต่อจากนี้ ความรักก็จะไม่เป็นเหมือนก่อนหน้านี้ ก่อนที่เราจะแต่งงานกันแล้วนะ
(Chorus)
And like the seed becomes the tree
คงเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ ที่เติบโตกลายเป็นต้นไม้
We take shape of a family
ครอบครัวของเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
We grow and we change
เติบโตขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลง
And face the rain like you wouldn't believe
คุณอาจจะทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
And through it all
แต่ก็นั่นแหละ เราผ่านอะไรมาตั้งหลายอย่าง
We're standing tall
และยังคงมั่นใจในกันและกัน
And I just don't say it enough
ผมอาจจะพูดอะไรแบบนี้ไม่บ่อย
If not for you, no we wouldn't be standing at all
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ก็คงไม่มีวันที่เราจะมาถึงจุดนี้ได้หรอก
(Verse 2)
And now it's nineteen-ninety-sumthin'
เอาล่ะ ตอนนี้ก็ประมาณปี 1970 แล้วนะ
How the hell did we end up here?
เรากลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย
Four kids and a few jobs later
ลูกสี่ แถมยังทำงานอีกตั้งสองสามงาน
And the pictures fill the pages
แต่ภาพเหล่านี้นี่แหละ ที่คอยเติมเต็มเรื่องราวที่เคยว่างเปล่า
It's been hard, oh it's been hard
มันเป็นเรื่องยาก มันกลายเป็นเรื่องยาก
But you’d be a fool to give it up
แต่เธอก็ยอมแพ้มันง่ายๆ
'Cause you know that what we've got is bigger than the two of us
เพราะเธอรู้ว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่เกินกำลังของเราสองคน
It's been hard, oh it's been hard
มันคงจะกลายเป็นเรื่องยากแล้วสินะ
But it's bigger than the two of us
มันเป็นเรื่องใหญ่เกินตัวเราสองคน
And I will hold you in my arms
แต่ฉันนี่แหละ ที่จะคอยกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขนของฉัน
When you feel like giving up
ในตอนที่เธอรู้สึกอยากจะยอมแพ้
Love just don't go that way no more
ต่อจากนี้ ความรักก็จะไม่เป็นเหมือนก่อน เหมือนตอนที่เราแต่งงานกันใหม่ ๆ แล้วนะ
(Chorus)
And like the seed becomes the tree
คงเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ ที่เติบโตกลายเป็นต้นไม้
We take shape of a family
ครอบครัวของเราเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
We grow and we change
เติบโตขึ้น และมีการเปลี่ยนแปลง
And face the rain like you wouldn't believe
คุณอาจจะทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
And through it all
แต่ก็นั่นแหละ เราผ่านอะไรมาตั้งหลายอย่าง
We're standing tall
และยังคงมั่นใจในกันและกัน
And I just don't say it enough
ผมอาจจะพูดอะไรแบบนี้ไม่บ่อย
If not for you, no we wouldn't be standing at all
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ก็คงไม่มีวันที่เราจะมาถึงจุดนี้ได้หรอก
(Verse 3)
And now its two-thousand-and-sumthin'
ตอนนี้ก็มาถึงปี 2000 อะไรประมาณนั้นแล้วล่ะ
we made it here my dear
เราผ่านกันมาได้แล้วนะ ที่รัก
Grandkids and the mortgage paid off
มีหลาน และหนี้ก็จ่ายหมดแล้ว
Is this what dreams are made of?
นี่เป็นแบบที่เราฝันกันไว้หรือเปล่าล่ะ?
'Cause baby we made it
เพราะเราผ่านมันมาได้แล้วนะ ที่รัก
Yeah baby, you saved me
คุณนั่นแหละ ที่ช่วยผมไว้
But nothing could save him
แต่ก็ไม่มีอะไรที่ช่วยเขาได้อีกต่อไป
From the ambulance that day
เมื่อรถพยาบาลฉุกเฉินมาในวันนั้น
When he went away
เขาก็ได้จากไป
The heart attack was sharp
จากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
He didn't feel no pain
เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย
If you saw him now then what
ถ้าหากคุณได้เห็นเขาในตอนนั้น
What would you say?
คุณจะพูดว่าอะไรล่ะ?
I love you and I miss you
ฉันรักคุณ ฉันคิดถึงคุณ
I owe you everything
ฉันเป็นของคุณทุกอย่าง
And I hope you know you saved me
และหวังว่าคุณคงจะรู้ ว่าคุณคือคนที่คอยช่วยฉันไว้
(Verse 4)
Oh mother
แม่ครับ
Mother please don't cry
แม่อย่าร้องไห้ไปเลย
'Cause you know I miss him too
เพราะแม่ก็รู้ว่าผมคิดถึงเขาเหมือนกัน
I didn't even say goodbye
ผมเอง ไม่ได้พูดแม้กระทั่งคำว่าลาก่อน
And though he's gone, I know he's gone
มันผ่านมาแล้ว เขาจากไปแล้ว ผมรู้ว่าต่อจากนี้จะไม่มีเขาแล้ว
He lives on in all of us
แต่เขาก็ยังอยู่กับพวกเราเสมอ
And I will hold you when you cry
และผมเอง จะเป็นคนที่คอยกอดแม่ในตอนที่แม่ร้องไห้
'Cause that's what he would've done
เพราะผมรู้ ว่านั่นคือสิ่งที่พ่อจะทำ
Yeah, that's what he would've done
เพราะผมรู้ ว่านั่นคือสิ่งที่พ่อจะทำ
Yeah, that's what he would've done
เพราะผมรู้ ว่านั่นคือสิ่งที่พ่อจะทำ
It's been hard, oh it's been hard
เราผ่านเรื่องยาก ๆ มาแล้วนะ
But he's a part of all of us
แต่พ่อก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของพวกเราเสมอ
And we will hold you when you cry
และพวกเราจะกอดแม่ยามที่แม่ร้องไห้
'Cause that's what family does
เพราะนั่นคือสิ่งที่ครอบครัวจะทำให้กัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in