"ท่านจะไม่กระทำข้าจริงหรือ..."
พระพักตร์ที่อิงซบอยู่บนหลังคอขาวส่ายไปมาช้าๆ ริมโอษฐ์แนบผิวเนื้อขาวผ่องกระซิบไร้สุ้มเสียงส่งคำว่า 'ไม่' ให้คนเข้าใจผ่านสัมผัสแทนโสต…
“ฝ่าบาท… ท่านเหมาะกับการนั่งจิบชาชมจันทร์มากกว่า… สุราไม่เหมาะกับท่านเลย…”
...น้ำตาก็เช่นกัน...
“ดื่มจอกเดียวก็เมาแล้ว” เจิ้งเยี่ยนถอนหายใจ พลิกกายในอ้อมแขนแข็งแกร่ง ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยขึ้นจับจ้องพระพักตร์งดงามที่ห่างออกไปเพียงคืบ แย้มยิ้มน้อยๆ เอ่ยกระซิบบางเบา
“เช่นนั้น… ข้ากระทำให้ท่านแทน”
.
.
.
หลี่เยี่ยนชิวเอนกายพิงขอบพระแท่น พระเนตรพริ้มหลับ สุขสำราญกระทั่งร่างทั้งร่างคล้ายกับถูกสะกดตรึง มิอาจขยับเขยื้อน พระองค์ทำได้เพียงใช้สองหัตถ์ลูบไล้กลุ่มผมสีน้ำหมึกบนศรีษะของผู้ที่กำลังวุ่นวายอยู่เบื้องล่าง นานๆ ครั้ง... เมื่ออารมณ์อัดอั้นมิอาจอดกลั้นสุรเสียงไว้ได้อีก ริมโอษฐ์อิ่มจึงปลดปล่อยเสียงครางเครือทุ้มต่ำอยู่ในพระศอ จากนั้นพรั่งพรูลมหายใจหอบหนักออกมาเสียคราหนึ่ง
เจิ้งเยี่ยนอมยิ้ม...
ยิ่งได้ยินเสียงอีกฝ่ายเช่นนี้ก็ยิ่งได้ใจ สัมผัสนุ่มนวลหยอกเย้าค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นล้ำลึกถี่กระชั้นราวกับตั้งใจฉุดกระชากวิญญาณทุกหยาดหยดของหลี่เยี่ยนชิว...
“จ... เจิ้งเยี่ยน”
.
.
.
เมื่อการละเล่นดำเนินมาจนสุดทาง… เจิ้งเยี่ยนค่อยๆ มอบจุมพิตลงบนพระฉวีขาวผ่อง ราวกับปีกผีเสื้อสัมผัสแตะเบาๆ บินเลาะไล่ขึ้นมาตามพระวรกายจนกระทั่งหยุดลงที่ริมโอษฐ์…
“ฝ่าบาท… ท่านเหมาะกับชา… มากกว่าสุราจริงๆ”
ใช่แล้ว ฝ่าบาทของข้าเหมาะกับใบหน้าสุขสำราญ นั่งจิบชา ชมจันทร์... มากกว่าใบหน้างดงามอาบน้ำตา ร่ำสุราเป็นไหนๆ
เจิ้งเยี่ยนแย้มยิ้มให้พระเนตรสีพยับฝนที่เพิ่งลืมขึ้นสบตากับเขา…
กลีบปากเรียวบางจูบซับลงใต้พระเนตรบวมช้ำนั้นคราหนึ่ง ก่อนพระกรแกร่งจะรวบเขาเข้าไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น...
เจิ้งเยี่ยนยกแขนโอบกอดแผ่นหลังกว้างนั้น สองมือลูบไล้อย่างอ่อนโยนตอบกลับไปเช่นกัน...
เกือบรุ่งเช้าแล้ว... อ้อมกอดทั้งสองยิ่งมายิ่งกระชับแน่น…
ราตรีนี้ของหลี่เยี่ยนชิวไม่มีน้ำตาอีกต่อไป...
ราตรีนี้ื... มีเพียงเจิ้งเยี่ยน
มินิมอลมากค่ะตอนนี้ น้อยแต่มาก...ในแง่ของความรู้สึก