"ฝ่าบาท..."
ร่างสูงใหญ่ยังคงสงบนิ่ง ยามสายลมผ่านพัด... มีเพียงชายฉลองพระองค์ตัวบางขยับพลิ้วไหว
เจิ้งเยี่ยนจ้องมองเงาร่างสูงสง่าของหลี่เยี่ยนชิว เขาเห็นสองหัตถ์เท้าราวระเบียงตำหนัก แหงนพระพักตร์เหม่อมองท้องฟ้าคล้ายกำลังชมจันทร์ที่มีเหลืออยู่เพียงครึ่งดวง...
ดวงจันทร์... ในค่ำคืนวันที่ 7 เดือน 7
มือสังหารเยาว์วัยถอนใจเบาๆ พลางสืบเท้าเข้าหา ก่อนบรรจงวางผ้าคลุมเนื้อหนาลงบนแผ่นหลังเหยียดตรงที่ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งโดยมิได้เต็มใจนัก...
ยิ่งเมื่อเดินเข้าใกล้... นัยน์ตาเรียวรีพบสุราป้านเล็กวางคู่จอกหยกสีแดงเลือดสองจอกบนราวระเบียงใกล้ๆ พระหัตถ์ ขณะที่จอกตรงหน้าของหลี่เยี่ยนชิวว่างเปล่า จอกอีกใบหนึ่งกลับยังคงมีสุราปริ่มขอบ...
"ฝ่าบาท... หมอหลวงบอกว่าท่านมิควรดื่มสุรา"
สายพระเนตรหลี่เยี่ยนชิวยังคงตรึงอยู่กับหมู่เมฆที่กำลังเคลื่อนคล้อยเข้าบดบังดวงจันทร์ พลางกระซิบตรัส
"หนึ่งปีดื่มเพียงจอกเดียว" ...ดื่มให้เขา... "คงมิใช่เรื่องใหญ่กระมัง"
เจิ้งเยี่ยนเม้มเรียวปากเป็นเส้นตรง... อันที่จริงสิ่งที่เขากังวลนั้นมิใช่เรื่องสุราเลยสักนิด เพราะสุราป้านนี้เจิ้งเยี่ยนเป็นผู้คิดค้นหมักขึ้นด้วยตนเองเพื่อหลี่เยี่ยนชิวโดยเฉพาะ... ตัวสุราหนึ่งจอก ออกฤทธิ์แรงเทียบเท่าหนึ่งส่วนของสุราปกติเท่านั้น หากแต่เพราะหมักผลไม้สีแดงและสีม่วงเข้มเข้าด้วยกัน... สีสันจึงออกมาละม้ายคล้ายโลหิต ยิ่งมองยิ่งหดหู่ ยิ่งดื่มยิ่งโศกเศร้า... เขาจึงยังมิได้คิดมอบให้อีกฝ่ายแต่แรก...
แล้วฝ่าบาทไปค้นเจอมาจากที่ใดกัน...
"ข้าเพียงเกรงว่าสุราจะยังมิได้ที่..." เจิ้งเยี่ยนเอื้อมมือไปประคองจอกว่างเปล่าขึ้นมาคลึงเบาๆ ไถ่ถาม "รสชาติถูกปากหรือไม่..."
"รสคล้ายโลหิต... และน้ำตา..." หลี่เยี่ยนชิวรับสั่งด้วยสุรเสียงนุ่มนวลทว่าเศร้าสร้อย พลางผินพระพักตร์กลับมาส่งรอยโศกสรวลให้เจิ้งเยี่ยน "คงมิได้ที่จริงดังเจ้าว่า"
ก้อนเนื้อในอกเจิ้งเยี่ยนบีบรัดเพียงเพราะได้มองภาพตรงหน้า... และเมื่อได้ฟังสุรเสียงของฝ่าบาทเช่นนี้ก็ทำให้คนรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งร่าง... แต่คงเทียบมิได้กับบุคคลผู้เป็นฝ่ายเอื้อนเอ่ยถ้อยคำแสนปวดร้าวเช่นนี้ออกมา
ฝ่าบาทของข้า... ท่านอย่าได้เศร้าโศกไปเลย...
กลางดึกคืนจันทร์... เจิ้งเยี่ยนรวบรวมความกล้า วางฝ่ามือตนเองลงบนหลังพระหัตถ์พลางบีบเบาๆ คราหนึ่ง ร่างบอบบางยืดกายขึ้นแตะริมฝีปากของตนลงบนกลีบปากอิ่มของจักรพรรดิ เรียวลิ้นละเลียดชิมรสสุราที่หลงเหลืออยู่บนนั้น...
เนิ่นนาน... จึงผละออก
"เจ้า..."
หลี่เยี่ยนชิวดำรัสได้เพียงกระแสหนึ่งก็ทอดพระเนตรเห็นเจิ้งเยี่ยนแย้มยิ้ม ส่งสายตาดอกท้อหวานเชื่อมพริ้มพราวราวน้ำค้าง คนพลางยืดปลายเท้าขึ้นเพื่อฝากสัมผัสนุ่มนวลลงบนริมโอษฐ์อีกครา...
ขอให้กระหม่อมร่วมลิ้มรสชาติสุราอัสสุชลเลือดจอกนี้กับพระองค์... แม้จะช่วยแบ่งเบาอันใดมิได้มาก... แต่ก็ขอให้ข้า เจิ้งเยี่ยน ได้เป็นผู้ปลอบโยน... และอยู่เคียงข้างพระองค์จนตราบชีวาสิ้น... จะได้หรือไม่พะย่ะค่ะ
ฝ่าบาทของข้า...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in