Author’s Note : ตอนที่ 14 มันจะสั้นกว่าตอนอื่นๆนิดนึงนะคะ อันที่จริงควรจะ note ยาวๆ 55555 แต่เดาว่าคงไม่มีใครอยากคุยกะไรท์ช่วงนี้ ได้ค่ะๆ ป่ะ ไปอ่านกัน!! ปล. หากผิดพลาดประการใดใครรับไม่ได้ตรงไหน ยังไง ต้องขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ แต่คิดไว้ว่ามันคงต้องเป็นงี้แหละ!!
ถ้าข้ามตอนนี้ไปเดี๋ยวตอนหน้าจะสรุปให้คร่าวๆในโน้ตนะคะ (. .,,) มันก็จะเขินๆนิดนึง...
Pairing : Thor x Loki
Rate : 18+ ค่ะ NC น้า ใครคิดว่าไม่โอเคข้ามโลดค่ะ
Warning : LGBT , Boy's Love , ฟิควาย , *Spoiler Alert* for Thor : Ragnarok
………………………………………………………………..
………………………………………………………………..
ดวงอาทิตย์ดวงโตบนท้องฟ้าคล้อยตัวต่ำลงมากแล้ว อุณหภูมิบนผิวดาวซาคาร์ก็ค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ หากแต่ในห้องพักเล็กๆ ห้องหนึ่ง บนเตียงหลังไม่ใหญ่นัก ร่างของเทพหนุ่มคู่หนึ่งกำลังแลกเปลี่ยนสัมผัสกันและกันอย่างเร่าร้อน ทำเอาอากาศภายในห้องทั้งห้องคล้ายจะอบอ้าวตามไปด้วย
...‘ธอร์… บอกมาสิ ท่านชอบแบบไหน?’…
บุตรแห่งโอดินจำได้ว่าเขาไม่เคยให้คำตอบที่ชัดเจนกับอีกฝ่าย
…‘สาวผมทอง?’…
ริมฝีปากร้อนของรัชทายาทแห่งแอสการ์ดกดจูบซุกไซร้ลงบนซอกคอขาวของผู้ได้ชื่อว่าเป็นอนุชา... โดยแทบลืมไปเลยว่า เขาได้ทิ้งร่องรอยไว้บนตัวอีกคนมากมายแค่ไหนแล้ว เขารู้แค่คนใต้ร่างยกแขนขึ้นคล้องคอและโอบกอดเขาไว้แทนการตอบรับ และนั่นก็เพียงพอให้เขาไปต่ออย่างไม่คิดจะหยุด
…ผมดำ... เขาคิดว่าคำตอบน่าจะเป็นแบบนั้น...
ร่างกายอีกคนเริ่มบิดเร่าอยู่ใต้ร่างเขา และกำลังหอบหายใจหนักขึ้นเรื่อยๆ
แผ่นอกเรียบคล้ายแอ่นโค้งเข้าหา เมื่อเขาจรดริมฝีปากลงดูดกลืนยอดอกหวาม ปลายลิ้นร้อนวนไล้หยอกเย้าปุ่มเล็ก เหมือนเป็นการเปิดสวิตช์ให้ร่างกายคนตัวเล็กกว่าในอ้อมกอดเขา ไหวระริก และเริ่มส่งเสียงครางหวานในลำคอไม่หยุด
…‘ว่าไง…ท่านชอบแบบไหนล่ะธอร์?’…
…จำได้ว่าเสียงที่ถามเขาในตอนนั้นเป็นเสียงของซิฟ... ก่อนที่คนถามจะกลายร่างเป็นสาวสวยผมทองอีกคน...
…‘คืนร่างน้องชายข้า’…
…เขาตอบ... แต่คำตอบของเขาคงไม่ถูกใจอีกคนนัก... ดูจากการที่คนถาม ฟังคำตอบแล้วกลับเบือนหน้าหนี แถมปัดแขนเขาออกอย่างโกรธๆ...
...ที่ผ่านมา... จวบกระทั่งถึงตอนนี้... เขาอาจไม่ใช่พี่ชายที่ดีนัก...
...‘อย่าพูดเช่นนั้น พี่ข้า ท่านเป็นพี่ชายที่ดี เป็นพี่ชายที่ข้ารักและภูมิใจเสมอมา...’
เสียงของอนุชาดังแทรกขัดขึ้นห้ามปราม
‘…งั้นข้าขอให้สัญญา...โลกิ... ข้าจะเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้า... จะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังในตัวข้าอีก...’
...คำสัญญานั่นกัดกินเขามาเนิ่นนานเพียงใด... ไม่มีใครรู้ซึ้งดีเท่าตัวเขา...
...ธอร์มั่นใจว่าเขาพยายามแล้ว... พยายามมาตลอด ที่จะรักษาคำสัญญาซึ่งมอบให้อีกคนไว้... พยายามเกินกว่าที่ผู้ได้ชื่อว่าอนุชาของเขาจะสามารถจินตนาการถึง...
นิ้วเรียวขาวแทรกเข้ามาในเรือนผมสั้นของเขา และขยุ้มจิกเกร็งเป็นครั้งคราวราวกับต้องการระบายความอัดอั้น ร่างกายของโลกิคล้ายจะตื่นตัว และกำลังเตลิดไปกับสัมผัสปลุกเร้าจากเขา
“…ธอร์....ธ... อะ..อ๊า!!...ธอร์!...”
อีกคนส่งเสียงครางชื่อเขาซ้ำๆ น้ำเสียงฟังดูแหบพร่า แต่กลับหวานล้ำเข้าไปถึงกลางแผ่นอก ทันทีที่เขาพลั้งใจขบเม้มปุ่มอกชันซึ่งแข็งจนเป็นไตของอีกฝ่ายเบาๆ ไปทีนึง
เสียงครางของอีกคนเล่นงานร่างกายของเขาจนลุกโลมโหมไหม้ภายใน... ทั้งอัดอั้นและทรมาน จนร่างแกร่งจำต้องยกตัวกลับขึ้นไปจูบปิดปากที่มาของเสียงครางนั่นเสีย
มือกร้านลูบล้วงพ้นขอบกางเกงด้านหน้าของอีกฝ่ายเข้าไปคลึงเคล้นผิวเรียบลื่นบริเวณท้องน้อย เขาจงใจละเลยส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่าย ซึ่งบัดนี้ถูกปัดป่ายไปมาคล้ายไม่ตั้งใจ อยู่ใต้เนื้อผ้าอันมีพื้นที่จำกัด
การหยอกเย้ารังแก ทำเอาลมหายใจของอีกคนสะดุดขาดเป็นห้วงๆ วงแขนของคนร่างเล็กกว่าพลันกอดรัดเขาแน่นขึ้นอีก และตอบรับรสจูบเขาลึกซึ้งขึ้น
ส่วนหน้ากลางลำตัวของธอร์เองก็พองขยายจนแน่นคับ และออกอาการปวดคัดมาได้พักใหญ่แล้ว ในลำคอของเขาแห้งผากลามมายันริมฝีปาก จนต้องพักดันกายท่อนบนห่างออกมานิด
...เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นใบหน้าอันเคยซีดขาวของโลกิซับสีฝาดเรื่อ และดวงตาสีเขียวสว่างก็ฉ่ำหวามจ้องมองมาที่เขา ภาพเบื้องหน้าช่างดูน่ามอง... น่าหลงใหลไปเสียหมดจนเขาต้องหายใจเข้าลึก...
--- ℑ ---
โลกิ ลอเฟย์ซัน แทบจะลืมความทรมานก่อนหน้านี้ไปจนสิ้น เมื่อความทรมานทั้งมวลในตอนนี้ของเขา คือร่างกายซึ่งยังไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ที่ทาบทับอยู่ด้านบน
ทุกสัมผัสของอีกคนเรียกเสียงคราง และอาการตอบรับอย่างน่าละอายจากเขา จนบุตรแห่งลอเฟย์แทบไม่กล้าคิดแล้วว่า ผ่านวันนี้ไปเขาจะมองหน้าอีกคนตรงๆ อย่างไรได้
แผนการต่างๆ ที่เขาคิดไว้ล้วนผิดพลาด... เขาเพียงต้องการจูบลาผู้เป็นเชษฐาเป็นครั้งสุดท้าย และบอกลาร่างกายถูกสาปนี้เสียให้พ้นความทรมาน...
เขาไม่ได้คาดคิดแม้เพียงนิด ว่าอีกคนจะ ‘ตอบรับ’
เขาเพิ่งรู้... ว่ารสจูบของธอร์ให้ความรู้สึกเหมือนเขาได้กลับบ้าน...
...บ้าน... ที่เขา ‘ไม่เคยมี’ มานานมากแล้ว...
...บ้าน... ที่เขาคิดถึง...
...บ้าน... ที่ซึ่งจะมีใครบางคนรอคอยให้เขากลับไปหา...
โลกิโอบกอดร่างใหญ่โตของผู้เป็นเชษฐาไว้แน่น เขากดใบหน้าเข้าหาบ่ากว้างเพื่อสะกดเสียงครางน่าอาย แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อทุกสัมผัสหวามที่อีกคนปรนเปรอปลุกเร้า
ร่างกายของเขาสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้ และขยับล้อไปตามสัมผัสจากอีกคน จนคล้ายไม่ใช่ร่างกายของเขาอีกต่อไป
มือของเขาสอดแทรกไปตามเรือนผมสั้นสีทองน่าหลงใหล... ร่างทั้งร่างไหลอาบไปด้วยความทรมาน...อัดอั้น... แต่กลับเป็นความรู้สึกซึ่งใกล้เคียงกับคำว่า ‘ความสุข’ เสียจนเขาแยกความแตกต่างแทบไม่ออก
ริมฝีปากของเชษฐาเพิ่งกลับมาบดเบียดอีกครั้ง ตักตวงช่วงชิงสติอันพร่าเลือนของเขาไปแทบสิ้น แล้วมือกร้านของอีกฝ่ายก็ลูบเฟ้นตรงท้องน้อย เข้าใกล้ความปรารถนาของเขา ทำเอาร่างกายอันลุกไหม้อยู่แล้วแทบถึงจุดระเบิด
...แล้วเจ้าคนใจร้ายก็ดันตัวห่างออกมามองดูเขา...
สายตาฉ่ำของอีกคนกำลังโลมเลียไปทั่วใบหน้า และเรือนร่างท่อนบนอันเปลือยเปล่าของเขา...
จู่ๆ ดวงตาสีฟ้านั้นก็เหมือนจะอ่อนไหวไปแวบหนึ่ง ทำเอาหัวใจของโลกิพลันกระตุกวูบ เมื่อนึกขึ้นได้...
...ร่องรอยบนร่างกายเขา จากค่ำคืนที่ผ่านมา มันคงยังปรากฏให้เห็นเด่นชัดอยู่...
โลกินึกอยากให้ในห้องมืดกว่านี้... ไม่ก็อยากให้ตนขาดใจไปเสียท่ามกลางความทรมานก่อนหน้านี้... ตายไปก่อนที่จะได้รับรู้รสสัมผัสจากอีกฝ่าย... ก่อนจะได้เข้าใกล้ ‘ความสุข’ ในระยะแค่เอื้อม แล้วกลับต้องมาถูกพรากไปอย่างโหดร้ายเช่นตอนนี้...
...แต่มันสายไปเสียแล้ว...
“ท่านพี่... ข้า...”
โลกิอึกอักก่อนจะยกสองมือขึ้นปิดใบหน้าตนไว้ ดวงตาของเขาเริ่มร้อนผ่าว ทั้งอับอาย ทั้งอ่อนไหว ก่อนจะกลั้นใจเอ่ยขอแผ่วเบาด้วยเสียงสั่นพร่า ฟังดูอู้อี้ยามเล็ดลอดฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาออกมา
“…ข้า...ต้องการท่าน...ได้โปรด...”
โลกิไม่เคยรู้สึกสิ้นท่าเท่านี้มาก่อนเลยในชีวิต ได้ยินเสียงอีกฝ่ายลอบถอนหายใจก็ยิ่งใจแป้ว แต่แล้วขอบกางเกงเขาก็ถูกมือใหญ่ของบุรุษเหนือร่าง จับรูดลงต่ำจนพ้นสะโพก ความปรารถนาอันรุ่มร้อนพลันหลุดพ้นพันธนาการจากอาภรณ์ซึ่งเขาสวมใส่อยู่
เขากลืนน้ำลายเหนียวลงคอ แต่แล้วก็แทบจะกระถดตัวหนีเมื่อส่วนอ่อนไหวสัมผัสถึงความชุ่มชื้นและลิ้นร้อนของอีกคน
“ท..! ท่านพี่! อย่า!”
ผู้เป็นอนุชารีบร้องห้ามเสียงหลง แต่ก็ไม่ทัน เมื่อร่างสูงใหญ่เลื่อนกายลงต่ำ และโน้มร่างแทรกเข้ามา ตรงกลางหว่างขาเขา เพื่อครอบครองแกนกายไว้ในโพรงปาก จากนั้นก็เริ่มปรนเปรอเขาด้วยลิ้นร้อนโดยไม่ฟังเสียง
บุตรแห่งลอเฟย์ตกใจจนรีบหนีบขาเข้าหากันแน่น แต่ก็ได้แค่โอบกดไปบนด้านข้างศีรษะอีกฝ่าย ซึ่งก้มถึงเป้าหมายก่อนแล้ว สองมือของเขาพยายามดันเชษฐาให้ถอนใบหน้าออกห่าง แต่สัมผัสเร้ากอปรกับความอัดอั้นก่อนหน้านี้ ทำให้ทันทีที่ถูกสัมผัสปลุกเร้า เขาก็ไร้กำลังเหลือจะต้านทาน ดิ้นรนได้เพียงครู่เดียวเรียวขาทั้งสองข้างก็แยกอ้าออกตามมือใหญ่ซึ่งฟอนเฟ้นต้นขาด้านในและดันออก แถมยังถูกเชษฐาจับเรียวขาทั้งสองข้างขึ้นยกพาดเข้ากับบ่ากว้างของอีกฝ่ายไว้เสียอีก
พอคิดว่าผู้ซึ่งกำลังปรนเปรอให้เขาคือ ธอร์ ผู้เป็นถึงรัชทายาทแห่งแอสการ์ดแล้ว ในใจก็ท่วมท้นไปด้วยอารมณ์จนแทบระเบิด
...ก็อีกฝ่ายยอมลดตัวทำให้เขาถึงเพียงนี้…
“ธอร์… อย่า...ท่านพี่..ข้า...ม..ไม่ไหว”
โลกิรีบละล่ำละลักบอก แต่เชษฐาตัวดีกลับไม่ให้ความร่วมมือเอาซะเลย
ลิ้นนุ่มเกี่ยวกระหวัดพัวพันรัดรึง จนโลกิแทบจะถึงฝั่งฝันไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพยายามอดกลั้นจนทั้งร่างสั่นกระตุก สะโพกมนเด้งยกจากที่นอนเหนือการควบคุม กลับกลายเป็นยิ่งสอดลึกเข้าในโพรงปากของอีกฝ่าย เขากัดริมฝีปากตนเอง พยายามเกร็งฝืนสะกดความเสียวซ่านไว้จนน้ำตาไหลพราก ปลายเท้าจิกงุ้มอย่างทรมาน จนต้องทุบกำปั้นใส่บ่าเจ้าคนใจร้ายเบื้องล่างไปเสียหลายที อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมปล่อยเขา
“...ออกไป...ธอร์.. ข้า...ไม่!!...”
...ไม่อยากเชื่อว่าอีกคนจะใจร้ายกับเขาเพียงนี้...
...ใจคอจะให้เข้าถึงทั้งแบบนี้จริงๆ!!...
โลกิได้แต่กรีดร้องขัดขืนอยู่ในใจ
แล้วนิ้วสากของธอร์ก็เลื่อนมาแตะเบาๆ และเริ่มนวดคลึงตรงปากทางลับของเขา แค่เพียงสัมผัส คนไม่เคยมือก็สิ้นสุดแรงจะต้านทาน ความพยายามอดกลั้นทั้งหมดพลันสูญเปล่า
“…อึ่ก! อ๊า!!”
ร่างของโลกิเกร็งกระตุกรุนแรง และปลดปล่อยความสุขให้เอิบอาบแผ่ซ่านไปจนทั่วร่าง พร้อมๆ กับที่ทิ้งหลักฐานฝากไว้ในปากของผู้เป็นเชษฐาจนทะลักล้น
โลกิหอบจนตัวโยน เขารีบหันหน้าซุกลงกับหมอน ซ่อนใบหน้าอับอายแดงจัดไว้ ในใจนึกอยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนั้น แต่ก็ทำได้แค่ในความคิด
...อย่าว่าแต่คิดจะหนีเลย แค่ขยับตัวร่างกายของเขายังเบาหวิวอ่อนยวบจนแทบไม่เหลือแรงให้ขยับด้วยซ้ำ…
จากนั้นสัมผัสทั้งหมดพลันห่างหายไปจนใจหาย...
โลกิไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนควรรู้สึกเช่นไร... ที่ถูกอีกฝ่ายทิ้งไว้บนเตียงคนเดียวเช่นนี้...
เขาหันกลับมามอง ก็เห็นเพียงแผ่นหลังของบุตรแห่งโอดิน ลุกเดินจากไป และหายเข้าไปในห้องน้ำเพียงลำพัง...
เขารู้สึกหน้าชาไปหมด... เหมือนตนเป็นฝ่ายร้องขอ เรียกร้องจนทำให้อีกคนลำบากใจ... ถ้ารู้ว่าทั้งหมดเมื่อครู่จะเกิดขึ้นเพียงเพราะความสงสาร หรือสมเพชเวทนา ถึงตายเขาก็คงไม่ยอมเอ่ยปากร้องขอ
...ถ้าเขารู้...
--- ℑ ---
ธอร์ โอดินซัน กำลังยืนนิ่งอยู่ใต้สายน้ำเย็นจากฝักบัว และปล่อยให้มันปะทะใบหน้า เพื่อดับความร้อนรุ่มในกายซึ่งยังคงตื่นตัว และแข็งขืนไม่ยอมดับลงง่ายๆ
...ในตอนที่เขาดันกายท่อนบนออกห่าง...
ภาพของอนุชาเบื้องหน้า ซึ่งกำลังทรมานกับสัมผัสปลุกเร้าด้วยน้ำมือเขาผู้เป็นเชษฐา... ทำเอาหัวใจของธอร์บีบรัดรุนแรงจนต้องสูดลมหายใจเข้าลึก
...นี่เขาทำอะไรลงไป!…
รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายเมาจนไม่อาจคุมตัวเองได้... เขาก็ยังคิดฉกฉวยโอกาสเอาจากความไม่รู้ตัวของอนุชา ตัวเขาเองไม่ได้เมา... และเขาไม่มีข้ออ้างใดๆ เลย นอกจากความเอาแต่ใจ และไม่รู้จักข่มใจหักห้ามตนเอง
ธอร์ยกมือขึ้นลูบหน้า และพยายามจัดการอารมณ์ซึ่งกำลังโหมแรงให้สงบลง เบื้องหลังกลับมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของอีกคนก้าวเข้ามาในส่วนซึ่งถูกกั้นเป็นที่อาบน้ำ ที่เขายืนอยู่ก่อนแล้ว
เขาไม่ทันสังเกตใบหน้าอีกฝ่าย รู้ตัวอีกทีผู้เป็นอนุชาก็ก้าวเข้ามายืนก้มหน้าอยู่เบื้องหน้า ภายใต้สายน้ำจากฝักบัวด้วยร่างกายเปลือยเปล่าแล้ว
โลกิเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง
ธอร์ก้มลงมอง... เห็นแต่ขอบตาทั้งสองข้างของอีกคนดูแดงเรื่อ
ผู้เป็นอนุชายื่นมือมาสัมผัสความปรารถนาอันรุ่มร้อนของเขา แล้วขยับรูดให้อย่างเก้ๆกังๆ ไม่เป็นประสา บางอย่างในท่าทางของอีกคน ขัดขวางคำพูดห้ามปรามทั้งหมดจากเขา
“...ท่านรังเกียจที่ข้า...เป็นยักษ์น้ำแข็ง?”
ธอร์ส่ายหน้าเบาๆ ดวงตายังคงจับอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายซึ่งยังก้มต่ำไม่ยอมสบตาเขา
“เปล่า... ข้าไม่เคยรังเกียจยักษ์น้ำแข็ง”
“แต่ท่านเคยอยาก... ฆ่าล้างพวกมันให้สิ้นซาก”
“…น้องชายข้า... หวาดกลัวยักษ์น้ำแข็ง...”
ธอร์จัดการปิดน้ำที่โปรยปรายลงมา แล้วยกมือใหญ่ขึ้นยกโอบใบหน้าอีกฝ่าย ถึงได้รู้ว่าหยดน้ำบนแก้มอีกคน อุ่นกว่าหยดน้ำจากฝักบัวที่ยังค้างอยู่บนผิวกายของเขาทั้งคู่มาก
“ถ้างั้น... ที่ท่านรังเกียจก็แค่ข้าที่เป็นข้า…?”
คนตรงหน้าเหมือนจะก้มหน้าต่ำลงไปอีก
“…ข้าไม่เคยรังเกียจเจ้า...โลกิ”
“แต่ท่านพี่ก็ไม่ใยดีข้าแล้ว...”
อีกคนตัดพ้อเสียงเศร้าเสียจนเขาปวดใจ
“ข้าก้าวขึ้นไปเบื้องหน้า เพียงเพื่อปกป้องผู้ซึ่งอยู่เบื้องหลัง... เพื่อปกป้องเจ้า โลกิ... ทำไมคนฉลาดอย่างเจ้าถึงไม่เคยยอมเข้าใจ...”
เขาก้มลงเอาปลายจมูกเขี่ยเนินแก้มอีกคน จับมืออีกฝ่ายมากุมไว้ทั้งสองมือ แต่โลกิกลับหันหน้าหนี
“ปกป้องข้า?... ท่านปกป้องสตรีชาวมิดการ์ด ท่านพยายามปกป้องเมืองเล็กๆ และชาวมิดการ์เดี้ยน ปกป้องแม้กระทั่งยักษ์น้ำแข็งในโยธันไฮม์ต่างหาก... แต่ไม่ใช่ข้า”
ผู้เป็นเชษฐากลืนก้อนจุกในลำคอลงไปอีกครั้ง
“ข้าพยายามปกป้องเจ้า... จากสิ่งที่เจ้ากำลังจะกลายเป็น... ข้าทนเห็นเจ้ากลายเป็นผู้ก่อสงครามระหว่างจักรวาลไม่ได้... ทนให้เจ้ากลายเป็นผู้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยักษ์น้ำแข็งไม่ได้...ทนเห็นเจ้าเลือดเย็นทำร้ายผู้บริสุทธิ์ในมิดการ์ดไม่ได้…”
“….”
อีกคนเงียบไปพักใหญ่ แน่นอนว่าโลกิจำได้ เมื่อครั้งที่เชษฐาของเขายอมทุบทำลายไบฟรอสท์ เพื่อหยุดยั้งการทำลายล้างโยธันไฮม์ของเขา ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก ว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ไม่สามารถกลับลงไปพบนางอันเป็นที่รักในมิดการ์ดได้
โลกิช้อนตาขึ้นมองสบตาธอร์
“...งั้นเพราะข้าเป็น...น้องชาย? เพราะงั้นท่านถึง...ไม่ยอม...”
อนุชาก้มหน้ากลับลงไปอีกครั้ง คราวนี้ดูจะก้มต่ำลงกว่าเก่าเสียอีก เห็นอย่างนั้นบุตรแห่งโอดินก็ปวดแปลบในใจ จนต้องก้มลงจูบหน้าผากอีกฝ่ายเสียหลายที ก่อนจะโอบร่างอีกคนเข้ามากอดแน่นแนบอก
“...เพราะเจ้าเมา...โลกิ...”
“แต่ข้า...!”
อีกคนคล้ายจะเถียง แต่แล้วก็เงียบไป
“ข้าไม่อยากให้เจ้านึกเสียใจภายหลัง... พรุ่งนี้เจ้าก็จะลืมเรื่องทั้งหมดนี่ ลืมทุกอย่างที่เราคุยกัน... แล้วเหลือแค่ข้า... ที่ต้องติดอยู่ในความรู้สึกนี้...”
…ใช่...ตั้งแต่วันนั้นจวบจนวันนี้... ตลอดมา...
ในขณะที่อีกคนไม่หลงเหลือความทรงจำใดๆ... มีก็แต่เขาที่หาทางออกไม่เจอ หลงติดอยู่ในความทรงจำค่ำคืนนั้น...ในห้องพักของอนุชามาโดยตลอด
คนในอ้อมกอดดันแผ่นอกเขาออก และกลับไปก้มหน้าก้มตาใช้มือปลุกสัมผัสเร้าให้เขาต่อ โดยไม่ยอมเงยหน้าสบตาเขาอีก
“…ถ้าแค่นี้ได้ใช่ไหม?...”
ธอร์เม้มปากแน่น เสมองหลบไปด้านข้าง ไม่อยากยอมรับว่าตนรู้สึกดี และในใจร่ำร้องต้องการสัมผัสจากคนตรงหน้าแค่ไหน
กระนั้นมือแกร่งราวคีมเหล็กก็ยังยึดกุมข้อมืออีกคนไว้ให้หยุด
“ให้ข้าได้ทำให้ท่านบ้าง...ท่านพี่... ได้โปรด...”
ธอร์ก้มลงช้อนจูบริมฝีปากอีกคน จนฝ่ายรับต้องเงยหน้าขึ้นตามแรง เขาดันบ่าคนตรงหน้าเบาๆ ร่างบางกว่าก็เซถอยไปชนผนังด้านหลัง ด้วยขาทั้งสองข้างยังแทบไม่มีแรงจะทรงกาย
เขาคว้าบ่าอีกฝ่ายจับพลิกหันหลัง แล้วดันกายนาบไปกับแผ่นหลังอีกคน ส่วนแข็งขืนสอดเข้าระหว่างต้นขาทั้งสองข้างของอีกฝ่าย
“…หนีบขาไว้แน่นๆก็พอ...ได้ไหม?”
เสียงทุ้มโน้มเข้ากระซิบข้างหู มือใหญ่ดันผนังไว้เหนือบ่าข้างหนึ่งของคนตัวเล็กกว่า อีกมือกอบกุมปรนเปรอส่วนหน้าของอนุชา ซึ่งเริ่มกลับมามีอารมณ์ร่วมกับเขาอีกครั้งจนสังเกตได้ตั้งแต่เมื่อครู่
โลกิพยักหน้าเพียงนิดเดียวจนแทบไม่เห็น ใบหน้าของเขาแดงจัด เจ้าตัวคิดในใจว่าดีแล้วที่เขาหันหลังให้เชษฐาอยู่ เลยไม่ต้องระวังมากนัก หารู้ไม่ว่าขอบหูของตัวเองแดงก่ำ จนธอร์ห้ามใจไม่ไหวต้องโน้มหน้าลงไปงับเม้มมันเบาๆ
โลกิพยายามหยัดกายไว้ และหนีบต้นขาสองข้างให้ชิดแน่นหากัน เขารับรู้ได้ถึงความรุ่มร้อนของคนเบื้องหลัง ซึ่งแทรกผ่านถูไถต้นขาด้านในเขาไปมาแทนการสอดใส่
...ผนังกระจกในห้องไม่ช้าก็กลายเป็นฝ้าขาวจากไอร้อน...
เสียงลมหายใจสอดประสานกันของคนสองคน... แม้แผ่วเบา... แต่ก็ยังดังก้องอยู่ในห้องเล็ก...
...เขาไม่อยากลืม...
...เรื่องทั้งหมดนี้... ถ้ามันไม่ใช่ความฝัน โลกิ ลอเฟย์ซันก็คาดหวังให้ตัวเขาจดจำมันได้ ทุกๆ เสี้ยววินาที หลังจากเขาหลับไป... และลืมตาขึ้นในวันพรุ่งนี้...
==TBC.==
ตอนนี้ปาดเลือดกระจาย เขินก๊าวววว รอตอนต่อไปนะคะ ^3^
ดีใจที่ชอบน้า มองเลือดทุกคนละ...ดีใจ5555