เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องเล่าจากเพื่อนๆNoi Beleza
Beauties of Life

  • งานแต่งคืนนั้น เป็นภาพที่ประทับใจฉันมาก
    แขกเหรื่อต่างให้เกียรติมาร่วมงานกันอย่างคึกคัก
    ที่มุมห้องจัดเลี้ยง มีผู้เฒ่า 2 คน ใส่เสื้อผ้าเก่า
    ที่มีรอยปะชุน แต่ก็ซักมาอย่างสะอาดสะอ้าน

    ในใจฉันคิดอยู่ว่าในเมื่อเจ้าบ่าวของฉัน
    เป็นลูกกำพร้า ไหนเลยจะมีญาติมาร่วมงาน
    ฉันได้เรียกเขามาถามดู สุดท้ายเขาตอบอึกๆอักๆ
    ว่า เป็นญาติห่างๆ มีศักดิ์เป็นอาและอาสะใภ้

    ตอนพิธียกน้ำชา ฉันสังเกตเห็น
    อาสะใภ้เป็นคนพิการตาบอด
    ส่วนอาผู้ชาย พิการไม่มีขาขวา ! ! !
    โอ้..ตาบอดกับขาด้วน
    ทำไมถึงเป็นคู่ชีวิตกันได้นะ ?...

    ฉันพูดกับเจ้าบ่าวว่า ..
    ตอนคุณอาทั้งสองกลับ
    อย่าลืมให้เงินค่าเดินทางกลับไปด้วยนะ
    เจ้าบ่าวของฉันผงกหัวไม่พูดอะไร
    แต่ได้ดึงฉันเข้าไปกอดเสียแน่นเลย....
    .
    .
    ภายหลังแต่งงานผ่านไป 1 ปี
    วันหนึ่ง...สามีบ่นว่าเจ็บกระเพาะ กินข้าวไม่ลง
    ขอเข้าไปนอนพักในห้องนอน
    ความจริงฉันรู้ว่าเขาไม่ได้เจ็บกระเพาะหรอก

    เลยถามว่า "คุณ" คุณเป็นอะไรกันแน่ ?
    สามีตอบว่าคิดถึงคุณอาทั้งสอง
    และยังคิดถึงพ่อแม่ที่ตายไปแล้ว

    ฉันบอกว่า หลังตรุษจีนเราก็ไปเยี่ยมท่านก็ได้นี่
    สามีบอกว่าทางไปหมู่บ้านต้องขึ้นเขา
    เดินทางยากมาก กลัวฉันลำบาก
    รอให้เขาทำถนนให้ดีก่อน ค่อยให้ฉันไปก็ได้ 
    สุดท้ายฉันได้แต่ฝากเงินและซื้อของฝาก
    ให้สามีนำไปเยี่ยมคุณอาทั้งสองเอง 
    .
    .
    ปีที่2 วันสาร์ทไหว้พระจันทร์
    พอดีเป็นช่วงเวลาที่ฉัน ออกไปทำงาน
    อยู่ต่างพื้นที่หลายวัน คิดถึงพ่อแม่ และสามี
    เลยคิดจะโทรศัพพ์ไปหาเขา
    ฉันมองออกไปนอกหน้าต่างห้องของโรงแรม
    เห็นดวงจันทร์ ดวงโตกลมสุกใส

    ฉันคิดว่าสามีก็คงนอนไม่หลับเช่นกัน
    ฉันลุกขึ้นมาเปิดคอม สมัครรายชื่อปลอม
    เป็นชื่อผู้ใช้ใหม่ หวังจะลองแกล้งหยอกสามีดู
    ฉันขอสมัครเป็นเพื่อน และ เขารับทันที....

    ฉัน : ในคืนรวมญาตินี้ทุกบ้านก็อยู่กันพร้อมหน้า
    ทำไมคุณมาท่องเนตอยู่ ว่างมากหรือไง ?

    เขา : เพราะภรรยาผมออกไปปฏิบัติงาน
    ต่างพื้นที่ และคงนอนไม่หลับ
    ผมเลยคิดจะเสิร์ชเนตติดต่อเขาดู

    (ฉันแอบปลื้มกับคำตอบนี้อย่างยิ่ง
    เลยคิดอยากทดลองใจเขาดู...)

    ฉัน : ภรรยาคุณไม่อยู่บ้าน
    ทำไมคุณไม่หากิ๊กมาอยู่แทนสักคนล่ะ ?

    (เขาเงียบไปเนิ่นนาน เขาค่อยพิมพ์ตอบมาว่า...)

    เขา : หากคุณกำลังหาผู้ชายอยู่
    ขอโทษด้วย ผมไม่ใช่คนที่คุณกำลังค้นหาครับ

    ทำไมคุณก็ว่างท่องเนตอยู่เหมือนผมหรอครับ

    ฉัน : ฉันออกมาทำงานต่างถิ่น
    ตอนนี้คิดถึงพ่อแม่ค่ะ

    เขา : ผมก็คิดถึงพ่อแม่ครับ ท่านอยู่ไกล
    ผมเป็นลูกไม่อาจเลี้ยงดูท่านได้สะดวก..

    (ฉันรู้สึกแปลกใจมาก
    สามีเคยพูดว่าเป็นลูกกำพร้า
    ทำไมตอนนี้ถึงพูดแบบนี้นะ)

    เขา : ความจริงคุณกับผมก็ไม่รู้จักกัน
    ผมอยากเล่านิทานให้คุณฟังสักเรื่อง ! 
    .
    .
    ปีนั้นพ่อผม....ซึ่งเป็นคนพิการขาด้วน
    แถมครอบครัวก็ยากจนมาก
    ไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมแต่งงานด้วย
    ต่อมาเขาได้ช่วยชีวิตผู้เฒ่าใว้คนหนึ่ง
    และได้แต่งงานกับลูกสาวตาบอดของเขา
    ซึ่งก็คือแม่ของผมเอง ..

    ชีวิตครอบครัวผ่านไปด้วยความยากลำบาก
    แต่ผมกลับไม่เคยอดแม้แต่มื้อเดียว
    พ่อกับแม่พิการทำนาไม่ได้
    จึงได้แต่รับจ้างชาวบ้านแกะเมล็ดข้าวโพด

    ในแต่ละวันท่านแกะเมล็ดข้าวโพด
    จนมือพองทั้ง10 นิ้ว
    วันต่อมายังต้องใช้ผ้าพันมือนิ้ว แล้วแกะต่อ...
    เพื่อให้ผมได้เรียนหนังสือ

    ที่บ้านเลี้ยงแม่ไก่ใว้ 3 ตัว
    แม่ไก่ 2 ตัวออกไข่ใว้ขาย
    แม่ไก่อีก 1 ตัวเก็บไข่ให้ผมกิน
    แม่บอกว่ากินไข่แล้วฉลาด
    แต่แม่ไม่ยอมกินไข่เลย
    ไก่ไข่ได้เท่าไหร่ แม่จะเก็บใว้ให้ผมกินคนเดียว

    คนในหมู่บ้านไม่เคยเรียกชื่อผมเลย
    ล้วนเรียกผมว่าไอ้ลูก "บ้านบอดด้วน" กันทั้งนั้น 
    หากพ่อได้ยินคำนี้จากใคร
    ก็จะไปชวนทะเลาะกับเขาทุกครั้ง
    ส่วนแม่มองไม่เห็น แต่จะหาก้อนอิฐก้อนหิน
    ขว้างใส่คนพูดมั่วไปหมด

    พวกแกฟังให้ดีนะ !
    ถึงแม่จะบอด พ่อจะด้วน
    แต่ลูกก็สมบูรณ์ครบทุกอย่าง
    ทีหลังห้ามพวกแก เรียกแบบนี้อีกนะ
    วันหลังลูกๆพวกแกจะไม่มีทางเทียบ
    ลูกข้าได้หรอก จะบอกให้ ..แม่บ่นว่าพวกเขา..

    จริงอย่างแม่ว่า..
    ต่อมาผมสามารถสอบได้เป็นที่ 1 ของทั้งอำเภอ
    ทำใหพ่อแม่ได้หน้าขึ้นมาครั้งใหญ่
    ผู้นำระดับตำบล (กำนัน) ได้ช่วยกันเรี่ยไรเงิน
    บริจาคส่งเสียให้ผมเข้าไปเรียนต่อในเมือง

    วันที่ส่งผมไปเรียนนั้น
    เป็นครั้งแรกในชีวิตของพ่อที่มีโอกาสลงจากเขา
    ตอนอยู่บนรถ ผมร้องไห้หนัก
    พ่อมือหนึ่งถือไม้เท้า อีกมือหนึ่งเช็ดน้ำตาให้ผม

    พ่อ : ลูกพ่อ..เข้าเมืองแล้วตั้งอกตั้งใจเรียนนะ
    เรียนจบหางานทำในเมือง
    แล้วหาเมียในเมืองสักคน
    หากมีใครถามถึงพ่อแม่
    ให้บอกเขาว่าเป็นลูกกำพร้า
    ไม่งั้นคนจะดูถูกเจ้า เจ้าจะหาเมียยาก
    หากทำให้เจ้าหาเมียไม่ได้
    วันหลังพ่อตายแล้ว
    คงไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษ

    ผมร้องไห้และรับปาก
    แล้วจะให้ผมลืม พ่อแม่ ได้อย่างไร

    พ่อ : ลูกลืมตอนที่เข้าโรงเรียนครั้งแรกแล้วหรือ
    แค่เพื่อนๆรู้ว่าลูกมีพ่อแม่พิการ
    ก็มีแต่คนดูถูกดูแคลน
    แม้แต่คุณครูก็ไม่ค่อยชอบหน้าลูกสักเท่าไร
    หากวันหลังหาเมียได้
    ก็ให้บอกว่าพ่อแม่ เป็น อา-อาสะใภ้ ก็แล้วกัน..

    หลังเรียนจบ ผมหางานทำได้ที่ในเมือง
    ผมได้คบหากับเพื่อนผู้หญิงคนแรก
    แต่พอพาเธอไปที่บ้านพ่อแม่
    แม้แต่ข้าวมื้อเดียวก็ไม่ยอมกิน
    แล้วเธอก็เดินหนีจากผมไป
    เธอดูถูกพ่อแม่ผมว่าพิการแถมยากจน
    ขืนแต่งไปความพิการอาจเป็นกรรมพันธุ์
    ติดต่อถึงลูกก็ได้
    ผมโกรธจนไล่เธอไปให้ไกลแสนไกล

    ต่อมาผมพบกับคนรักครั้งที่ 2
    ก็คือภรรยาคนปัจจุบันของผม ผมรักเธอมาก
    ตอนผมหลับ ในฝันยังกลัวว่าจะสูญเสียเธอไป

    ครอบครัวเธอค่อนข้างรวยมาก
    พ่อตาเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม
    หากพ่อแม่มาหาผม..
    ผมกลัวจะเป็นการแต้มจุดดำขึ้นมา มีเรื่องขึ้นมา..

    ผมได้แต่แอบกลับไปเยี่ยมท่าน
    ตอนฝึกงานนอกสถานที่เท่านั้น
    แต่วันตรุษวันสาร์ท ผมไม่มีโอกาสไปเยี่ยม
    ผมคิดถึงพวกท่านมากครับ.....

    ขอบคุณที่ฟังผมระบายความในใจออกมา..
    ตอนนี้ผมสบายใจขึ้นมากแล้วครับ....
    .
    .
    ฟังเรื่องราวของสามีจบ
    ฉันอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
    ฉันเข้าใจความจำเป็นของสามี
    ฉันตั้งใจจะไปเยี่ยมพ่อแม่สามีสักครั้ง...

    ฉันลางานแล้วตรงไปที่สถานีรถไฟ....
    เส้นทางขึ้นเขาเข้าหมู่บ้าน
    ช่างเป็นทางที่ขรุขระเดินยากเสียนี่กระไร
    เดินได้สักพักหนึ่ง นิ้วเท้าก็พองเป็นถุงน้ำขึ้นมา

    ฉันเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว
    ฉันถอดรองเท้าออกมาบ่งถุงน้ำให้แตก
    มันเจ็บปวดจนฉันร้องไห้เสียงดังออกมา
    แต่หลังจากนั้นฉันก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ....

    ผู้ใหญ่บ้านพาฉันไปจนถึงหน้าบ้านพ่อแม่สามี
    ฉันเห็นพ่อสามีกำลังแกะเมล็ดข้าวโพด
    ในขณะที่แม่สามีกำลังคุกเข่า..
    กวาดเมล็ดข้าวโพดให้รวมกอง

    บ้านเก่าๆที่มีฉากหลังเป็นภูเขา
    มีพ่อเฒ่า-แม่เฒ่านั่งทำงานอยู่หน้าบ้าน
    มันเหมือนภาพวาดที่สมบูรณ์แบบ
    โดยมีพ่อแม่สามี เป็นคนในภาพนั้น

    ฉันเดินช้าๆเข้าไปถึงข้างหน้าท่านทั้งสอง
    พ่อสามีเงยหน้าเห็นฉัน
    ท่านตกใจจนฝักข้าวโพดหลุดจากมือ
    ท่านถามฉันอย่างระล่ำระลักว่า
    ทำไมเจ้ามาถึงที่นี่ได้ ?

    แม่สามีเอามือควานไปรอบข้าง
    เพื่อหาตำแหน่งที่ฉันยืนอยู่
    ฉันโค้งคำนับให้แม่สามี
    แล้วยื่นมือไปจับที่มือของท่าน
    จากนั้นฉันคุกเข่าลงแล้วพูดว่า
    พ่อแม่..หนูมารับพ่อแม่ กลับบ้านแล้ว..

    พ่อสามีหลั่งน้ำตาแล้วพูดพึมพำว่า
    ลูกชายของพ่อ เลี้ยงไม่เสียข้าวสุกเลย
    ส่วนแม่สามีกอดฉันแน่นและร้องไห้โฮออกมา 
    น้ำตาแม่สามีไหลเปียกเสื้อฉัน
    เปียก จนเป็นวงใหญ่..

    ตอนฉันพาพ่อแม่สามีออกจากหมู่บ้าน
    ชาวบ้านในหมู่บ้านจุดประทัดอย่างเอิกเกริก
    เพื่อเป็นเกียรติแก่ครอบครัวที่มีลูกสะใภ้กตัญญู
    และให้เกียรติพ่อแม่สามี..ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง
    .
    .
    พอกลับมาถึงบ้าน..สามีเปิดประตูออกมา
    เห็นฉันพาพ่อแม่มาด้วย
    เขาถึงกับยืนตลึงอยู่กับที่...

    ฉันบอกสามีว่าฉันคือผู้หญิงที่คุณคุยด้วยคืนนั้น
    และฉันพาพ่อแม่คุณกลับมาแล้ว
    พ่อแม่ที่ดีพร้อมสมบูรณ์แบบอย่างนี้
    ทำไมคุณถึงยอมปล่อยทิ้งใว้บนเขานะ

    สามีโผเข้ามากอดฉันแน่น
    พูดจนฟังไม่ได้ศัพพ์ น้ำตาไหลพราก
    จนเปียกเสื้อฉันอีกครั้งหนึ่งแล้ว...
    .
    .
    ในช่วงโอกาสที่พ่อแม่ยังแข็งแรงอยู่
    เราใช้เวลาคุณค่ากับท่านบ้าง..
    แสดงความกตัญญูต่อท่านกันนะ

    จากบทประพันธ์ ..美丽日报
    หมุยหลีหยิกป่อ...

    แปล และเรียบเรียง
    โดย อาจารย์ เจงเอี่ยม แซ่อึ้ง
    黄振炎 2/2/2019

    ❤❤❤❤❤

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in