ความฝันถูกพับเก็บไว้จากการทำงานที่เหนื่อยล้าจนไม่มีแรงไปทำอะไรอย่างอื่น แต่แล้วเมื่อใกล้เวลาเรียนจบ เราก็นึกถึงทริปสแกนดิเนเวียนี้ขึ้นมาอีกครั้ง ถ้าได้ไปหลังเรียนจบก็คงจะดีิ คิดได้ดังนั้นจึงติดต่อไปหาเพิื่อนเที่ยวหนึ่งเดียวของเรา เราเคยเกริ่น ๆ เรื่องทริปนี้ไว้กับเพื่อนคนนี้ก่อนหน้าแล้ว พวกเราเลยมาช่วยกันเตรียมตัวเพื่อสานฝันทริปนี้ให้กลายเป็นจริง 

มาถึงการเตรียมตัวและเรื่องตื่นเต้นต่าง ๆ นานา เริ่มตั้งแต่ประสบการณ์การได้วีซ่า 4 ชม. สุดท้ายก่อนไฟลท์บิน เราจัดให้มันอยู่ในเหตุการณ์ที่ลุ้นที่สุดในชีวิตที่เคยพบเจอมาเลย เราเริ่มขอวีซ่าประมาณเดือนกว่า ๆ ก่อนจะบิน เพราะว่าพึ่งตัดสินใจได้ บวกกับพวกเราไม่ได้อยู่กรุงเทพ กว่าจะหาวันว่างที่ไม่ติดงานและเดินทางมาขอวีซ่าได้ก็ยากลำบาก แถมหลังจากขอแล้ว ยังติดวันหยุดยาวสงกรานต์ เรากับเพืิ่อนตามติดในกรุ๊ปรอฟังความคืบหน้าจากผู้ขอวีซ่าในวันอื่น และกดรีเฟรชสถานะการดำเนินการวีซ่าในเว็บแทบทุกวัน แต่ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ตอนนั้นเครียดจนแทบบ้าเลย เพราะว่าคิดว่ายังไงวีซ่าก็ผ่านก็เลยจองตั๋วเครื่องบินแบบจ่ายไปเลย ตั๋วก็แสนแพง ลืมคิดไปน่ะสิว่าวีซ่าผ่านแต่อาจจะออกไม่ทันก็ได้ ด้วยความเครียดขั้นสุดของพวกเรา หนึ่งวันก่อนทริป เราโทรไปสอบถามความคืบหน้าของสถานทูต พบว่าวีซ่าเสร็จแล้ว จะส่งกลับ vfs และส่งไปที่บ้านเรา ซึ่งไม่ได้อยู่กรุงเทพ กว่าคุณไปรษณีย์จะนำไปส่งก็คงสองสามวัน เราคุยกับเพื่อนว่าต้องไปเอาที่ vfs เท่านั้นถึงจะทัน แต่เขาก็เปิดให้ไปเอาแค่ตอนบ่ายอีก เพื่อนเราเลยแง้นซ้อนพี่วินไปรับเล่มให้ เพื่อนบอกว่าพี่วินแง้นซิ่งซะจนใจหาย ในที่สุดก็ได้วีซ่ามา ก่อนถึงเวลาบินในตอนเย็นวันนั้น

กลับมาที่สตอคโฮล์ม จริง ๆ ก็เป็นการเดินทางที่ไม่ได้มีแผนอะไร และไม่ได้มีสถานที่ไหนอยากจะไปเป็นพิเศษ ยกเว้นแต่ช่วงนี้ Stockholm Walk ลงคลิปซากุระบานที่สตอคโฮล์ม ในขณะที่คนอื่นไปดูซากุระที่ญี่ปุ่น พวกเราอยากมาดูซากุระที่สตอคโฮล์ม ด้วยความรู้อันน้อยนิดส่วนตัว ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเหมือนกันไหม แค่เห็นดอกชมพู ๆ เราก็จะเรียกว่าซากุระทั้งหมด หากไม่ใช่อย่างไรก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ 

นั่งรถไฟเข้าเมืองจากสนามบิน พลางเปิดเพลงของ Kings of Convenience เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่เป็นแรงบันดาลใจให้อยากมาสแกนดิเนเวีย พวกเราเข้าไป check in ที่โรงแรมของเราในชานเมือง และพร้อมเริ่มการท่องเที่ยววันแรกที่สตอล์คโฮม

เรานั่งรถไฟเข้ามาในส่วนกลางเมืองอีกครั้ง สถานที่แรกที่ไปคือ Kungstradgarden สวนซากุระในเมืองที่อยู่ในวีดีโอแนะนำ การเดินทางพึ่งพา google map แต่ด้วยพึ่งมาถึง ก็เลยสับสนเล็กน้อย ขึ้นรถไฟมาลงผิดที่ เลยจะเดินไปต่อจนถึงจุดหมาย ในตอนนั้นสองข้างทางมีสวนที่มีต้นไม้ใหญ่กับกิ่งไม้แห้ง ๆ ที่ไร้ใบ เหมือนเรายืนอยู่ท่ามกลางฤดูหนาว ทันใดนั้นลมแรงก็พัดมาพร้อมกับฝนที่เริ่มตก เรารู้สึกหนาวมาก ๆ เหมือนเดินอยู่ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นเลย พวกเราเดินท่ามกลางสายฝนผ่านเมืองมาจนถึงริมแม่น้ำ ซึ่งหนาวเป็นพิเศษ และแล้วก็มาถึง Kungstradgarden สีชมพูของซากุระโดดเด่นมาแต่ไกล แต่ว่าอากาศแบบนี้มันหนาวเกินไปจนกว่าจะชื่นชมความงามของมัน พวกเราเลยเดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและซื้อช็อคโกแลตร้อนแก้วกลางมาหนึ่งแก้ว หลังจากได้ความอบอุ่นจากช็อคโกแลตและนั่งรอสักพักจนคิดว่าด้านนอกฝนน่าจะหยุดแล้ว พวกเราก็เดินออกมาชม Kungstadgarden ผู้คนมากมายก็มาชมความงามของซากุระเช่นกัน มีทั้งคนพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่มาถ่ายรูปซากุระ ณ ที่แห่งนี้ เราไม่เคยเห็นซากุระที่อื่นมาก่อน แต่ก็คิดว่าซากุระที่นี่สวยมาก ๆ เลย ที่นี่มีต้นซากุระที่สูงจนเป็นอุโมงค์อยู่สองฝั่ง สีของซากุระเป็นชมพูเข้ม ๆ กลีบของมันมีสองชั้น ตรงกลางระหว่างต้นซากุระเป็นบ่อน้ำทรงสี่เหลี่ยมที่มีน้ำพุ และเป็ดน้อยลอยอยู่ และแล้วแสงแดดก็โผล่ออกมา แสงอาทิตย์สะท้อนกับตึกที่อยู่ด้านข้างของบ่อน้ำจนเหมือนมีพระอาทิตย์สองดวง ซากุระท่ามกลางสายฝนและแสงแดดยามเย็น เป็นภาพที่งดงาม

ซากุระสีชมพูกับพื้นหลังตึกสไตล์สตอคโฮล์ม ขั้นกลางด้วยบ่อน้ำที่มีเป็ดน้อยลอยตุ๊บป่อง

ภาพ close up ดอกซากุระของสวนแห่งนี้

วีดีโอจากช่องที่เป็นแรงบันดาลใจในการไป Stockholm

https://youtu.be/0lg8wJ6H5z0?si=RxCLsaLy5QbJGMJW