เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#Fictober2017 By ZiarZiar Zynix
Day 8 : Crooked


  •                 ในวันอาทิตย์เป็นวันหยุดของบริษัทส่วนใหญ่รวมถึงสำนักพิมพ์ของโมแรนด้วย ถึงแม้อาคารสำนักงานจะเปิดประตูทุกวันตลอด 24ชั่วโมง แต่วันนี้คนจะร้างเป็นพิเศษ

                    แต่สถานที่ร้างคนก็มีเพียงสถานที่สำหรับทำงานเท่านั้น สถานที่พักผ่อนหย่อนใจอย่างร้านกาแฟยังคงเปิดอยู่และคนก็มากกว่าปกติ หลาย ๆ คนเข้ามานั่งทอดหุ่ยรับบรรยากาศ บางคนก็มาหาสถานที่ทำงานสงบ ๆ หรือบางคน...เช่นรีสมาเพื่อหาที่นั่งรับความอบอุ่น

                    ช่วงนี้ฝนตกถี่และใกล้ฤดูหนาวมากขึ้นทุกทีทำให้อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว บรรยากาศด้านนอกขมุกขมัวไปด้วยหมอก อย่างน้อยฝนก็หยุดตกไปแล้วแต่ไม่มีใครรู้ว่ามันจะตกอีกเมื่อไหร่ เพราะส่วนนี้ของประเทศเป็นส่วนที่ฝนตกชุกเกือบทั้งปีทำให้ทุกคนเคยชินกับการเฝ้าระแวงท้องฟ้าไปพร้อมกับดำเนินชีวิตประจำวัน

                    วันนี้รีสไม่ได้เดินทางไปที่สำนักพิมพ์หรือเฝ้ารอใครเป็นพิเศษ เขาเพียงแค่นั่งดื่มกาแฟอยู่แถวที่พักตนเองและอ่านหนังสือเล่มใหม่เพื่อหาไอเดียสำหรับนิยายเรื่องต่อไป โต๊ะตรงหน้านอกจากแก้วกาแฟกับจานแซนด์วิชแล้วยังมีกระดาษกับปากกาวางอยู่ด้วย

                    บนกระดาษมีข้อความจดลงไปแล้วสองบรรทัด เป็นการบรรยายถึงสถานที่บางแห่งที่ผุดเข้ามาในหัวขณะกำลังอ่านหนังสือในมือ

                    วันนี้ชายหนุ่มตั้งใจเอาไว้ว่าจะรอให้ถึงตอนเย็นก่อนค่อยแวะไปอาคารสำนักงานเพื่อดูว่ามีซองเอกสารมาส่งหรือไม่ แต่ยังไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าตอนกลางวันจะทำอะไรฆ่าเวลานอกจากการอ่านหนังสือและจิบกาแฟ จะนั่งจิบกาแฟทั้งวันก็คงไม่ดี...

                    แต่แล้วก็มีคนยินดีมาช่วยเขาฆ่าเวลา

                    รีสได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือตนเองกำลังกรีดร้องและออกแรงสั่นกระทบอยู่ในกระเป๋า เป็นโรสนั่นเองที่โทรมา เขาจำเบอร์ของเธอได้ทันทีที่มองหน้าจอ

                    “รีส! วันฮัลโลวีนนี้ไม่ได้มีธุระอะไรใช่ไหม?” นั่นเป็นคำทักทายแรกที่โรสมีให้หลังจากที่ไม่ได้สนทนากันมาหลายวัน

                    “วันฮัลโลวีน?” ต้นสายทวนคำ “บ้านเราไม่เคยฉลองวันฮัลโลวีนนะโรส”

                    “ก็ไม่ได้จะฉลองอะไรหรอก” หลังจากประโยคนั้นหญิงสาวก็เงียบไปคล้ายกำลังเว้นจังหวะครุ่นคิดว่าจะอธิบายอย่างไร “คืออย่างนี้ อีริสงอแงอยากจะไปเที่ยว แล้วพอดีเราพูดถึงเรื่องที่คุยกันวันก่อนขึ้นมา อีริสก็เลยเสนอว่า พวกเราควรจะไปเยี่ยมเธอด้วยกัน จริง ๆ แล้วอีริสอาจจะแค่อยากจะเห็นบรรยากาศฉลองฮัลโลวีนที่อื่น ๆ นอกจากละแวกบ้านบ้างก็ได้”

                    อีริสเสนอเนี่ยนะ?

                    “แล้วแม่ก็โอเคเหรอ?” เขาไม่เคยเห็นแม่ยอมออกไปเที่ยวที่ไหนมาก่อนเลย

                    “แม่บอกว่าจะอยู่รอที่บ้านน่ะ”

                    คำตอบของโรสไม่น่าแปลกใจแม้แต่น้อย ใจหนึ่งรีสรู้สึกโล่งใจที่จะไม่ต้องรู้สึกกดดันกับบรรยากาศเฉพาะตัวของเธอ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกเป็นห่วงเพราะอย่างไรแม่ก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว แม้ย่านที่อยู่จะค่อนข้างปลอดภัย ทว่า...ปล่อยให้แม่อยู่บ้านตามลำพังจะไม่เป็นอะไรแน่หรือ?

                    “ถ้าอย่างนั้น...ก็จะมีเธอ อีริส แล้วก็มาร์ตินสินะ ที่จะมาปลายเดือนนี้?” หนึ่งในชื่อที่เขาเอ่ยออกมามีคนหนึ่งที่ทำให้เขาหวั่นใจได้ยิ่งกว่าแม่เสียอีก

                    จะหลีกเลี่ยงกันตลอดไปก็เป็นไปไม่ได้สินะ...

                    แม้จะปลอบใจตนเองเช่นนั้นแต่เขาก็ยังรู้สึกว่ายังไม่พร้อมอยู่ดี...

                    “แต่ถ้ามาถึงที่นี่ อีริสอาจจะผิดหวังก็ได้” ชายหนุ่มดักคอเผื่อว่าจะทำให้หลานสาวเปลี่ยนใจ “แถวนี้มีแต่คนทำงาน ไม่ค่อยจะมีงานฉลองในชุมชนหรอก ส่วนใหญ่จะต่างคนต่างฉลองในบ้านตัวเองเสียมากกว่า” เขาไม่ได้โกหก เพราะตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากการประดับประดาต้นคริสต์มาสตามถนนแล้วเขาก็ไม่ค่อยได้เห็นการเฉลิมฉลองในเทศกาลอื่นอีกเลย นอกเสียจากจะเป็นบริเวณจตุรัสของเมืองและย่านการค้า

                    จะว่าเป็นความเย็นชาตามประสาชุมชนที่มีแต่คนวัยทำงานก็คงได้...

                    “แล้วก็...ที่นี่ฝนตกบ่อยถ้าวันฮัลโลวีนมีฝนตั้งเค้ามาคงน่าเบื่อแย่”

                    หลังจากอธิบายเหตุผลจบโรสก็เงียบไป ไม่รู้ว่าด้านหลังโทรศัพท์ฝั่งนั้นพี่สาวจะกำลังทำอะไรอยู่แต่ไม่กี่วินาทีถัดมาก็ได้ยินเสียงตอบกลับ

                    “ที่จริงฉันก็บอกอีริสไปแบบนั้นเหมือนกัน”

                    โรสเคยมาเยี่ยมรีสอยู่หลายครั้งก่อนที่จะมีลูก ทำให้เธอพออนุมานภาพลักษณ์ของที่นี่ได้ แต่ดูเหมือนเหตุผลเหล่านั้นจะไม่อาจโน้มน้าวเด็กสาวตัวน้อยให้เข้าใจได้กระมัง

                    “แล้วเธอว่ายังไง?” รีสถามกลับ

                    “บอกว่า ถ้าเป็นแบบนั้นจริงน้ารีสคงยิ่งเหงา ดังนั้นยิ่งควรไปอยู่เป็นเพื่อน”

                    ให้ตายสิ...ให้เหตุผลแบบนั้นขี้โกงชะมัดเลย

                    ความไร้เดียงสาของหลายสาวตัวน้อยทำให้ชายหนุ่มคิดข้ออ้างอื่นไม่ออก จะบอกว่าเพราะไม่อยากเจอหน้าพ่อของเธอก็เห็นจะไม่เหมาะสมนัก

                    “ถ้าอย่างนั้น...เธอคงจะต้องมองหาโรงแรมแล้วล่ะ” เพราะไม่อาจหาเหตุผลหลบเลี่ยงต่อไปได้ รีสจึงได้แต่ให้คำแนะนำที่จะทำให้ขอบเขตของตนไม่ถูกรุกล้ำมากเกินไป “ตอนเธอมาคนเดียวก็พอนอนด้วยกันได้อยู่หรอก แต่ถ้ามาทั้งครอบครัว ห้องนี้คงคับแคบเกินไป”

                    “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอก” โรสหัวเราะผ่านโทรศัพท์มา “ฉันรู้ว่าเธอไม่สะดวกใจเท่าไหร่ที่จะมีคนเข้าไปอยู่ในห้องเยอะ ๆ ฉันดู ๆ โรงแรมเอาไว้แล้วล่ะ”

                    พอได้ยินพี่สาวพูดตามที่ใจคิดก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนชั่วร้ายขึ้นมาชอบกล...

                    “แล้ว...เธอจะมากี่วันล่ะ?” หลังจากลองเปิดปฏิทินดูก็พบว่าปีนี้วันฮัลโลวีนอยู่ใกล้วันหยุดสุดสัปดาห์ ถูกคั่นเอาไว้ด้วยวันจันทร์เพียงวันเดียว จึงไม่แน่ใจว่าโรสกับสามีของเธอจะลาหยุดวันนั้นด้วยหรือไม่ หรือจะมาคืนวันจันทร์แล้วกลับเช้าวันพุธ

                    “พวกเราคิดว่าจะไปคืนวันเสาร์เลย วันอาทิตย์จะได้ไปเที่ยวด้วยกันที่ไหนสักแห่งดีไหม?”

                    รีสยังไม่ตอบรับว่าจะสะดวกไปด้วยหรือเปล่า แต่ดูเหมือนพี่สาวของเขาจะคำนวณและจัดวางแผนการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

                    “ถึงฉันจะไม่ไปเธอก็คงอ้อนขอให้ไปอยู่ดีนั่นแหละ” ดูเหมือนคำพูดของรีสจะทำให้หญิงสาวถูกใจพอควร จึงได้ยินเสียงหัวเราะสดใสอีกครั้งก่อนจะมีเสียงอุทานตามมา

                    “อ๊ะ...ดูเหมือนอีริสจะตื่นแล้ว” เธอว่า ทางฝั่งตรงข้ามคงจะมีเสียงเด็กร้องกระมังผู้ฟังได้แต่จินตนาการเพราะเสียงอีริสไม่ได้เล็ดรอดเข้ามาในโทรศัพท์ด้วย “แล้วฉันจะโทรมาบอกเวลาที่ชัดเจนอีกที เธอจะมารับพวกเราที่สนามบินหรือเปล่า?”

                    “ได้สิ บอกเวลามาก็แล้วกัน”

                    “โอเค งั้นฉันไปดูอีริสก่อนนะ บาย รีส” โรสล่ำลาจบก็กดตัดสายไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มที่อยู่อีกฝั่งของสายก็วางโทรศัพท์ตนเองลงเช่นกัน

                    สายตาของชายหนุ่มมองภาพสะท้อนของตนเองบนหน้าจอที่มืดดับพลางรู้สึกชิงชังส่วนลึก ๆ ในใจที่ปรากฏออกมาอยู่ไม่น้อย

                    เมื่อคุยกับโรสถึงแผนการพักผ่อนกับครอบครัวของเธอ ใจของเขาจะกระหวัดนึกถึงพี่เขยแทบตลอดเวลา เขาจะมาจริงหรือ? เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง? จะคิดอะไร จะทำอะไร เมื่ออยู่กับโรสและอีริสเขาจะยิ้มและหัวเราะแบบไหน จะเหมือนกับที่เคยเห็นกันหรือเปล่า?

                    ฝ่ายพี่สาวไม่เคยรู้เลยว่าภายในจิตใจของเขาเป็นเช่นไร เธอยังรักและเป็นห่วงราวกับเขาเป็นเพียงเด็กชายในปกครอง รวมถึงหลานสาวที่คิดถึงเขาอยู่เสมอแม้ไม่เคยพบเห็นหน้ากันจริง ๆ นอกจากการติดต่อผ่านวีดีโอคอล พวกเธอล้วนสว่างไสวและดีงาม ยิ่งมองดูและสัมผัสมากเท่าไหร่...เขาก็ยิ่งรู้สึกถึงความมืดมิดและบิดเบี้ยวภายในใจตนเองมากขึ้นเท่านั้น...

      <------------------------------------>

                    รีสไม่ได้อยู่ที่ร้านกาแฟนานนัก เมื่อถึงช่วงเที่ยงและคนเข้ามามากขึ้น ชายหนุ่มก็จ่ายเงินและเดินออกมาพร้อมกับเบเกอรี่ที่กะว่าจะกินแทนมื้อเที่ยง

                    เมฆหมอกอันตรธานหายไปจากท้องฟ้าแล้ว ตอนนี้ดวงอาทิตย์สาดส่องทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นบ้าง แม้อากาศจะยังเย็นและชื้นเหมือนเดิม

                    เพราะฮีทเตอร์ที่ห้องยังคงใช้งานไม่ได้ รีสจึงกะว่าจะเดินรับแสงแดดให้ร่างกายได้สังเคราะห์มันเสียหน่อย แม้ว่าตัวเขาเองจะไม่ชอบการทำกิจกรรมกลางแจ้งเลยก็ตามสุดท้ายจึงมาจบลงที่สวนสาธารณะเล็ก ๆ ไม่ไกลจากอพาร์ทเมนท์นัก

                    ในวันนี้คนมาสวนสาธารณะกันมาก ทั้งคนที่มาพร้อมกับสัตว์เลี้ยงและครอบครัว

                    ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นว่าละแวกนี้มีจำนวนเด็กมากกว่าที่คิด

                    ทั้งเด็กหญิง เด็กชาย วัยตั้งแต่ยังหัดเดินไปจนถึงเกือบวัยรุ่น บางทีวันฮัลโลวีนอาจไม่น่าเบื่อหน่ายและเงียบเหงาอย่างที่เขาเข้าใจก็ได้ เพียงแต่ปกติเขาไม่ได้สนใจละแวกที่อยู่ตนเองมากนักเท่านั้นเอง

                    อย่างน้อยที่นี่ก็คงมีการประดับประดาอยู่บ้างกระมัง...

                    หากวันฮัลโลวีนฝนฟ้าเป็นใจได้เหมือนวันนี้ก็คงดี อย่างน้อยอีริสก็จะไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องโรงแรมหรืออย่างแย่สุดก็อาจจะมาอุดอู้อยู่ที่ห้องของเขา

                    หลังจากกินมื้อเที่ยงเสร็จ รีสก็ออกจากสวนสาธารณะแล้วมุ่งตรงไปยังสำนักพิมพ์

                    เป็นเวลาเพิ่งคล้อยบ่ายแต่เขาก็หวังว่าเอกสารจะมาถึงแล้ว

                    เมื่อไปถึง สิ่งแรกที่เขาได้รับถือสายตาระแวงระไวจากรปภ.คนเดิมที่เห็นหน้าค่าตากันมา ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแกน ๆ ให้กับอีกฝ่าย เดาได้ในใจว่าฝ่ายนั้นคงไม่นิยมชมชอบเขานัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาก่อเรื่องวุ่นวายหน้าตึกเมื่อวานสด ๆ ร้อน ๆ

                    เขาพยายามจะไม่สบตาอีกฝ่ายให้นานนักและเลือกที่จะเดินไปสำรวจตู้จดหมายแทน

                    มันว่างเปล่า...

                    ยังไม่มีของมาส่งแม้แต่ชิ้นเดียว คนส่วนใหญ่รู้ว่าสำนักพิมพ์ปิดวันอาทิตย์ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกเลี่ยงการส่งของในวันนี้ รวมทั้งไปรษณีย์เองก็หยุดงานวันนี้เช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ตู้จะว่างเปล่าเช่นเดียวกับตู้ของสำนักงานอื่น ๆ ที่เช่าพื้นที่ในอาคารเดียวกัน

                    แต่...เขาไม่คิดว่าคนขโมยต้นฉบับของเขาจะหยุดส่งคืนในวันอาทิตย์ด้วย

                    ชายหนุ่มมองนาฬิกาบนผนัง คิดในแง่ดีว่าบางทีฝ่ายนั้นอาจมาส่งช้าอย่างไรก็เคยมาส่งช้าสุดปาเข้าไปตั้งเกือบค่ำนี่นะ?

                    “วันนี้คงไม่มีใครมาส่งของหรอกครับ”

                    รปภ.เฝ้าประตูคงรำคาญหน้าเขาแล้วจึงจงใจบอกกล่าวเป็นนัย ๆ ให้ไปเสียที

                    รีสกล่าวขอบคุณแล้วยิ้มตอบอย่างไม่นึกถือสา อาจเป็นความผิดของเขาเองที่ใจร้อนรีบมาทั้งที่ตั้งใจว่าจะมาดูตอนเย็นให้แน่ ๆ ทีเดียว แต่อย่างไรการนั่งรถไปกลับสองสามรอบก็คงไม่น่าอภิรมย์นักทั้งค่าโดยสารและเวลา ครั้นจะนั่งรอที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม มองไปเห็นคนแออัดก็ได้แต่ทอดถอนใจ

                    คงต้องรอวันพรุ่งนี้ล่ะมั้ง?

                    ชายหนุ่มคิดเช่นนั้น ที่จริงในใจของเขาก็คาดหวังว่าวันนี้ถ้ามารออาจจะได้พบตัวคนส่งก็ได้ ดูเหมือนการเฝ้ารอของจากคนที่ตนเองไม่รู้จักมักจี่จะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว และการได้ลุ้นว่าจะได้เจอตัวคนส่งหรือไม่ก็เป็นความท้าทายเล็ก ๆ ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

                    เมื่อล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อโค้ท รีสก็สัมผัสถูกบัตรพนักงานที่เด็กคนนั้นลืมเอาไว้ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้เอามันออกจากกระเป๋าตั้งแต่เมื่อวาน

                    ในความเป็นจริงแล้ว หากนำสิ่งนี้ไปให้ตำรวจก็สามารถระบุตัวผู้ต้องหาได้ทันที และเขาคงจะได้ของที่เป็นของตนทั้งหมดคืนหรืออย่างน้อยก็เป็นต้นฉบับที่เขาเป็นคนเขียน แต่น่าแปลกที่ตัวเขาไม่นึกอยากทำอย่างนั้นเลย ความตื่นตกใจจางหายไปหมดสิ้น ข้าวของที่หายไปก็ไม่เหลือความอาลัยอาวรณ์บทสนทนาที่มีกับเรเชลเมื่อวานนี้ไหลเข้ามาในความทรงจำ

                    เธอถามว่าเขาอยากได้ของคืนใช่หรือไม่?

                    เขาตอบว่า ไม่

                    เธอถามว่าอยากได้ตัวคนร้ายส่งตำรวจหรือ?

                    เขาไม่มีคำตอบแต่ในใจเขาก็มีคำว่า ไม่

                    มันคงดูพิลึกมากหากเขาบอกออกไปตามตรงว่าเขาเพียงต้องการพบตัวคนคนนั้น อยากนั่งลงและพูดคุย อยากรู้จักตัวตนของคนที่เรียบเรียงต้นฉบับของเขาขึ้นมาใหม่ คนที่ทำให้ชีวิตของเขาลำบากไปวูบหนึ่งก่อนจะค่อย ๆ คลี่คลายมันด้วยวิธีที่เป็นปริศนา

                    แม้จะยังไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริง แต่จากการสื่อสารผ่านลายมือเพียงไม่กี่ครั้ง เขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรเลย

                    และอาจเป็นเพราะบางที...เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เดินเข้ามาในชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อน มันทำให้เขาได้เดินออกมาจากขอบเขตความคิดตนเองที่วนเวียนอยู่กับความโดดเดี่ยวและเงียบงัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เขามีโอกาสพูดคุยกับคนอื่นมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

                    เป็นสิ่งที่น่าตกใจอยู่เหมือนกันที่ปกติแล้วเขาแทบไม่ได้พูดคุยกับใครเลยในแต่ละวัน

                    เมื่อชายหนุ่มเดินถึงหน้าทางเข้าสถานีรถไฟฟ้า เขาก็เห็นชายจรจัดคนเดิมกำลังเดินผ่านไปพร้อมกับถุงผ้าที่น่าจะเป็นของประจำตัว ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะจำเขาไม่ได้แล้วทั้งที่เมื่อวานเพิ่งเจออยู่หลัด ๆ

                    รีสไหวไหล่แล้วนั่งรถกลับห้อง

                    ตอนที่มาถึงอพาร์ทเมนท์ ฝนก็ตกเปาะแปะไล่หลังมาทันที รีสรู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ตัดสินใจกลับมาก่อนไม่อย่างนั้นคงได้นั่งมองสายฝนอยู่ที่ไหนสักแห่ง

                    ในขณะที่ก้มล้วงหากุญแจห้องอยู่นั้นเองปลายเท้าของเขาก็เตะถูกสิ่งของบางอย่างที่ถูกวางทิ้งไว้หน้าประตู ชายหนุ่มละสายตาจากกระเป๋าโค้ทและก้มมองพื้นหน้าประตูห้องตนเอง

                    ซองเอกสาร?

                    เรียวคิ้วสีอ่อนเลิกขึ้นสูงด้วยใจฉงนสนเท่ห์ก่อนหยิบมันขึ้นมาพลิกดู ทันใดนั้นความรู้สึกในใจของเขาก็เปลี่ยนไปเมื่อพบว่ามันเป็นซองที่ไม่มีสิ่งใดเขียนไว้เลย เป็นเพียงซองสีน้ำตาลที่ปิดผนึกอยู่อย่างลวก ๆ ชายหนุ่มแย้มรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัวขณะถือมันเดินเข้าห้อง

                    ช่างเป็นเด็กที่หาทางลดเลี้ยวได้เก่งเสียจริง


    ----------------------------------
    เลทไปวันนึงเลยคราวนี้ orz เมื่อวานนี้มีอีเวนท์ในคอมมูที่เล่นอยู่เลยไม่มีโอกาสเขียนเลยค่ะ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in