เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Vijarn | Filmsvijarnxoxo
Us (2019) เธอคือใคร? ฉันไงคนอเมริกัน
  • peele เป็นอีกผกก. (สยองขวัญ) ที่รู้สึกว่าเขาสามารถที่จะเล่าอะไรให้สนุก ๆ ได้จริง ๆ โดยไม่จำเป็นที่คนดูจะต้องรู้ลึกไปถึง subtext ที่เขากำลังจะเล่า (แต่ถ้ารู้ก็จะดีมากเพราะอรรถรสจะเพิ่มขึ้นเป็นกอง) และถัดจาก psychological-thriller อย่าง get out ด้วยประเด็น racism … us ก็มาในรูปของหนัง home invasion ที่หนีไม่พ้นการ "ตบหน้า" america เหมือนกัน เพียงแต่ว่าในครั้งนี้ subtext ของเขามันดู international มากขึ้นกว่าเพียงแค่ประเด็น black/white แต่หลัก ๆ ก็คือวนเวียนอยู่ในดินแดนแห่ง
    เสรีภาพ (US) นั่นแหละ


    ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่า us มีอะไรที่มันส์มากและตลกกว่า get out เลยทำให้เราชอบ us มากกว่านิดนึง (ส่วนหนึ่งก็คือเราเป็นคนที่ชอบ female protagonist เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว) ด้วยความที่เป็นหนัง home invasion และแน่นอนจังหวะตลกมันก็เฮฮาบ้าบอแต่ไม่ทำเสียบรรยากาศ และยิ่ง opening scene ที่เหน็บ america ก็ยิ่งทำให้เราขำกับ subtext ที่กำลังกระแนะกระแหน, ล้อเลียนอยู่ในทีเช่นกัน.

    นี่คิดว่าหนังไม่ได้หลอนอะไรเลยนะ คือในแง่ของการฝังหัว แต่มันตอบโจทย์ความระทึกมากกว่า การออกแบบตัวละคร อย่างลูพีต้าร่างเลียนแบบนั้นนับว่าน่ากลัว (แบบน่าสนใจ) มาก ๆ และรู้สึกว่าเรื่องออกแบบตัวละครชนชั้นกลาง (ทั้งตัวละครเอกและตัวละครผิวขาว) มีความคล้ายคลึงกันคือพยายามโอ้อวด, วัตถุนิยม การพยายามเป็นเหนือกว่า เพียงแต่ตัวละคร whites ในเรื่องกลับมีความน่าหมั่นไส้ และ dumb-ass blonde มากจนแอบคิดว่า peele แค้นอะไรกับคนขาวขนาดนั้น แถมมีบทบาทน้อยมากเลยในเรื่อง ไม่มีอะไรนอกจากการทำตัวดูเหนือและจากลาจอไปอย่างรวดเร็ว.

    องค์สุดท้ายของหนังพาเราเตลิดไปไกลมากเสียยิ่งกว่า get out ซึ่งถ้าหากใครไม่ relate ด้วยก็อาจจะไม่ซื้อ idea นี้ไปเลย แต่ส่วนตัวยอมรับได้เพราะหนังเล่นประเด็น doppleganger มาขนาดนี้แล้ว หากจะเหนือจริงก็คงจะไม่ได้แปลกอะไรไปมากกว่านี้.


    ***spoiler alert***

    เราชอบอะไรหลาย ๆ อย่างไปตั้งแต่การใช้กรรไกรเป็นอาวุธ สัญญลักษณ์ของ "การเหมือนกัน" เพราะหากขาดด้านใดด้านหนึ่งไป กรรไกรก็จะใช้การไม่ได้ ไร้ซึ่งความสามารถอันเป็นสิ่งพึงมีของมัน ไม่ต่างไปจากการมาของ doppleganger อันเป็นร่างสะท้อนอัตลักษณ์ของตัวละครที่เป็นด้านขนานไปตลอด แต่ก็น่าขันอยู่อีกแหละ เมื่อคำว่า us (พวกเรา) มันเป็นอะไรที่ฟังดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นอะไรที่เข้าข้างฝั่งตัวเอง (อัตวิสัย) แต่ doppleganger ทั้งหลายใต้ประเทศที่ถูกใช้เพื่อควบคุมประชากร american ด้านบนกลับถูกทำให้เป็นอื่น ไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่แท้จริง เป็นกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนประเทศที่ถูกเขี่ยตกขอบและทิ้งร้างให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกปฏิบัติอย่างมนุษย์ ทำให้มามองได้อีกอย่างว่ากำลังแรงงานชนชั้นล่างอย่างเม็กซิกัน, คนจากต่างจังหวัดต่างก็เป็นพลเมือง (ในบ้านเราก็แถบอีสาน, พม่า หรือต่างด้าวชาติอื่น ๆ) กำลังถูก treat อย่างหละหลวม และ us คือภาพตัวอย่างแบบเหนือจริงที่ว่าหากกลุ่มคนเหล่านี้ลุกฮือขึ้นมาเรียกร้องความเป็นมนุษย์จะเป็นอย่างไร

    อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจของหนังที่หยิบมาใช้คือ hands across america ในปี 1986 ที่เป็นแคมเปญให้คนมาจับมือต่อกันกลายเป็นโซ่มนุษย์ยาวไปเป็นรัฐ ๆ คนที่จะอยู่ในแถวต่อได้คือต้องจ่ายเงิน ซึ่งแคมเปญนี้เป็นการช่วยเหลือความอดอยากในแอฟริกาและความยากจนในสหรัฐฯ

    มันดูเป็นแคมเปญโลกสวยด้วยมือจับกัน แต่รายได้ทั้งหมดที่มหาศาลกลับยังไม่สามารถเข้าช่วยเหลือทุกคนได้อย่างเต็มที่ ผิดกับการโฆษณาปลูกฝังผ่านสื่อด้วยมู้ดและโทนที่น่ารัก เราจึงจะได้เห็นหนังเปิดเรื่องด้วยการพาเราไปนั่งอยู่ในฐานะอเมริกันชนยุคนั้นที่กำลังเสพ propaganda หน้าไม่อาย และตอกย้ำความล้มเหลวของแคมเปญในช่วงท้ายเรื่องที่พลิกความหมายไปสู่โลกาวินาศ.

    us จึงเป็นหนัง home invasion ที่ดูสนุกแต่ขณะเดียวกันประเด็นที่หนังกำลังเล่าก็ค่อนข้างชัดเจนผ่านการนำเสนอไม่ว่าจะเป็นไดอะล็อกหรืองานภาพ ถ้าถามว่ามันเป็นหนังที่คุ้มเสี่ยงจะดูไหมถ้าเอาบันเทิงอย่างเดียว ต้องบอกเลยว่าสอบผ่านฉลุย แต่ถ้าจะดูเอาเรื่อง โดยเฉพาะความฟอนเฟะของประวัติศาสตร์ที่ถูกฉาบด้วยความโลกสวยละก็ ไม่ผิดหวัง.

    ติดตามต่อได้ที่เพจ "คนวิจารณ์หนังฝรั่ง"
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in