“เราเลิกกันนานแล้วนะปิ่งเชา เลิกโทรหาฉันเวลาเมาซะที”
เสียงเล็กที่พูดกับเขานิ่ง ๆ ก่อนจะตัดสายทิ้งย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำตอนตื่น สวีปิ่งเชาลูบหน้าตัวเองแล้วฝืนตัวยกเอาแผ่นหลังขึ้นจากที่นอนสุดนุ่ม อาการเมาค้างทำให้อยากจะทิ้งตัวกลับลงไป แต่พอนึกถึงความฝันเมื่อคืนก็ไม่กล้าจะนอนลงไปอีก
เลิกกันมาเป็นปีแล้ว แต่ดูเหมือนเขายังเก็บติงเฟยจวิ้นไว้ในทุกซอกมุมใต้สามัญสำนึก นานทีปีหนที่จะดื่มจนเมา ทั้งที่ลบเบอร์ติดต่อออกไปแล้วแท้ ๆ แต่จะกี่ครั้งคนที่เผลอโทรหาก็ยังเป็นติงเฟยจวิ้นตลอด หรือแม้แต่ในความฝันเมื่อคืน ภาพติงเฟยจวิ้นที่เมาแอ๋วิ่งกระด๊อกกระแด๊กริมทะเลในคืนที่พวกเขาคบกันเป็นวันแรกก็ยังไม่จางไปไหน
“จะเอาไวน์ไปไหน” เฟยจวิ้นงอแง นิ้วเรียว ๆ กางเหมือนกรงเล็บป่ายปัดเขาสะเปะสะปะ
“นายกินเยอะไปแล้ว อยากกินก็มาเอาจากปากฉันนี่”
คนตัวเล็กไม่เมาพอจะบ้าจี้ตาม และมีสติพอจะหน้าแดงไปทั้งหัวทั้งหู น่ารัก ปิ่งเชาจูบไปยิ้มไป แฟนเขาช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง
พอเลิกกันกลิ่นไวน์หอมหวานก็กลายเป็นกลิ่นฉุนของเหล้า รสชาติในคออุ่นร้อนพอ ๆ กับน้ำตา แรก ๆ เฟยจวิ้นก็พยายามเข้าใจ แต่นี่ผ่านไปปีนึงแล้ว ถ้าเฟยจะไม่พยายามเข้าใจแล้วเขาก็พอทำความเข้าใจได้ เฟยจวิ้นเดินหน้าต่อได้นานแล้ว เหลือแต่เขาที่ยังวนเวียนอยู่กับสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ไปไหนต่อไม่ได้ซักที
ขนนุ่มจากหางของมินิ แมวสุดที่รักปัดผ่านขาของเขาไปอย่างแผ่วเบา เถาเถาเล่นบอลไหมพรมอยู่ที่หน้าประตู เสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งเล็ก ๆ ดังออกมาทุกครั้งที่บอลไหมพรมขยับ ปกติมินิไม่ค่อยเล่นของเล่นที่เฟยจวิ้นเอามาให้ แต่หลังจากรับเถาเถามาอยู่ด้วย ของเล่นอะไรที่มินิไม่เล่นก็จะถูกเถาเถาลากออกมาเล่นตลอด ถ้าเฟยยังอยู่คงจะดีใจไม่น้อย
เสียดายที่มันไม่ทันแล้ว กว่าเถาเถาจะมา เฟยจวิ้นก็ลากกระเป๋าออกจากคอนโดเขาไปนานแล้ว
มินิแกว่งหางมาโดนเขาอีกรอบ เดี๋ยวนี้ถ้าเขาตื่นสายมินิมักจะทำอย่างนี้เวลาหิว แต่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคนที่จะถูกปลุกไม่ใช่เขาหรอก มินิรักพ่อของมันจะตาย คนที่จะถูกมินินั่งทับอกจนกว่าจะได้กินอาหารคือเฟยจวิ้นต่างหาก
“ต้าปิ่งตื่น”
“งือ ขอห้านาทีนะ”
“ไปเสิร์ฟอาหารให้ลูกสาวนายได้แล้วเจ้าทาสปิ่ง ฉันหายใจไม่ออกแล้ว”
เฟยจวิ้นจะทำหน้าที่ขู่ฟ่อแฟ่และตะกุยตะกายจนกว่าเขาจะลุกแทนมันเอง แต่พอปุ่มกดเรียกอาหารไม่อยู่ก็ทำได้แค่แกล้งแกว่งหางมาโดนแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ปิ่งเชาหัวเราะในลำคอแล้วหย่อนตัวลงจากเตียง เดินไปเปิดตู้หยิบอาหารให้ลูกสาวตัวน้อยทั้งสอง พร้อมทั้งหาอะไรง่าย ๆ เป็นมื้อเช้าให้ตัวเอง
ปิ่งเชาตักไข่ดาวที่ปะทุอยู่ในกระทะออกมารวมกับไส้กรอกที่วางเรียงกันอยู่ในจาน ยกจานไปที่โต๊ะทานข้าว เขารินน้ำชาแทนนมให้ตัวเองอย่างที่มักจะทำถ้าวันไหนรู้สึกเมาค้าง โทรศัพท์ร้องเตือนว่าเขาตั้งแจ้งเตือนทิ้งไว้ คำสี่คำบนจอทำเอาความอยากอาหารที่น้อยนิดอยู่แล้วแทบจะเหลือศูนย์
‘วันเกิดเสี่ยวเฟย’
สิ่งที่ทำไปเมื่อคืนค่อย ๆ ไหลกลับมาในหัว เมื่อคืนเขาเสร็จงานใหญ่ บริษัทพาไปเลี้ยงฉลอง เกือบเที่ยงคืนต่างคนต่างเมาจึงเรียกแท็กซี่รวม ๆ กันไปหย่อนลงตามทาง ขณะเดินกลับมาที่คอนโดตัวเองปิ่งเชาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นดู นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 23 มีนาพอดี เขาค่อย ๆ ผ่อนฝีเท้า โทรออกไปยังเบอร์ที่กดโดยไม่ต้องคิด
ปลายสายรับสายด้วยเสียงถอนหายใจ
“ฮัลโหล”
“สุขสันต์วันเกิดนะ”
ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงฝีเท้าของเขาเองที่เดินมาถึงประตูหน้าคอนโด ไฟสีเหลืองนวลสบายตา วันแบบนี้ถ้าเฟยเฟยอยู่ที่นี่ก็คงลงมารับเขาตรงนี้ ยืนกอดอกหน้าถมึงทึงอยู่บนบันไดขั้นบนสุด
“ขอให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง”
“…นี่ฉันไม่ได้ลบแจ้งเตือนออกจากปฏิทินนายเหรอ”
“เงินทองมั่งมี ชีวิตสดใสราบรื่น”
“นี่เมาใช่มั้ยเนี่ย”
“อือ”
ถอนหายใจอีกแล้ว ตั้งแต่คบจนเลิกกันเขาทำให้ติงเฟยจวิ้นถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วนะ
“รีบกลับห้อง ดื่มน้ำเยอะ ๆ อาบน้ำนอนซะ”
“สุขสันต์วันเกิด”
“รู้แล้ว…”
หางเสียงสั่นน้อย ๆ แล้วเงียบไปพักใหญ่ ปิ่งเชาเดินไปถึงหน้าลิฟต์ เสียงลิฟต์ที่จอดอยู่ชั้นหนึ่งอยู่แล้วเปิดดังติ๊งลอดเข้าไปในโทรศัพท์
“ถึงแล้วใช่มั้ย”
“อื้อ”
“รีบ ๆ ขึ้นห้องซะ…”
“คิดถึง”
“…เราเลิกกันนานแล้วนะปิ่งเชา เลิกโทรหาฉันเวลาเมาซะที”
และนั่นก็เป็นที่มาของประโยคที่อยู่ในหัวเขาตอนตื่น แทรกด้วยฝันยามค่ำคืน รอยยิ้มหวาน ๆ ที่ไม่มีให้กันแล้ว มือนุ่มที่เคยจะคว้าเมื่อไหร่ก็คว้ามาได้ แก้มนิ่ม ๆ ซอกคอหอม ๆ กับริมฝีปากสีหวานที่ตอนนี้อยากชิมก็ไม่รู้จะไปหาได้ที่ไหน หัวเล็ก ๆ ที่เวลากอดต้องแหงนขึ้นให้คางขึ้นไปเกยบนไหล่ของเขา อ้อมกอดเหล่านั้นที่พยายามกดซุกไว้ในหลืบที่ลึกที่สุดของใจ จะผุดพรายขึ้นมาก็เพียงในความฝัน
เพราะอย่างนั้นยิ่งยามหลับแสนหวานเท่าใด ยามตื่นก็ยิ่งขมเป็นล้านเท่าทวีคูณ
บอลไหมพรมกลิ้งกลุก ๆ มาชนเท้า เถาเถาดีดตัวขึ้นมาบนตักเขา อุ้งเท้าเล็ก ๆ ยกขึ้นแปะบนโต๊ะอาหาร เขาส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงห้าม
“เถาเถาคะ เอามือลง จะกินของป๊าไม่ได้นะ”
ตาสีเข้มใสแป๋วจ้องกลับมาเหมือนจะถามว่า ‘แล้วนายจะกินหมดเมื่อไหร่ล่ะ’ อีกทางหนึ่งก็มีแผ่นหลังสีเทานุ่มฟูนั่งสะบัดหางฟาดขาโต๊ะแทนการเรียกร้องความสนใจ ปิ่งเชาสั่นหัวยิ้ม ๆ พลางอุ้มเถาเถาลง ก้อนขนสีน้ำตาลที่ผิดหวังเดินส่ายหางจากไป ทิ้งบอลไหมพรมให้นอนนิ่งอยู่ใต้โต๊ะกินข้าว
ลึก ๆ เขาก็รู้ ที่เลิกกันไปติงเฟยจวิ้นเองแม้จะเป็นคนเอ่ยปากก็เสียใจไม่ใช่น้อย เพราะไม่เคยมีใครหมดรักใคร ที่โทรไปเมื่อคืนเขาก็พอรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ ความรักที่คงอยู่ในใจเมื่ออะไร ๆ เปลี่ยนไปมันก็กลายเป็นความเจ็บปวด แต่เขาเองก็ตอบไม่ได้ว่าในเมื่อใจยังรักแล้วจะมีทางกลับมาคบกันอีกไหม หรือจะต้องพยายามกดความรู้สึกในใจให้ลึกลงไปอีกนานแค่ไหนถึงจะเลิกเจ็บ
รู้แค่ตอนนี้ต้องกินข้าว รู้แค่ต้องรีบไปอ้อนมินิกับเถาเถาต่อ เดี๋ยววันจันทร์ก็ต้องออกไปพบเจอใคร ๆ มากมาย เริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ๆ ที่ไม่เคยก้าวผ่าน
การงานราบรื่น ครอบครัวสุขสบาย ได้กินอิ่ม ได้นอนหลับ ได้น้วยแมว ตอนนี้เขาขอแค่นี้ก็แล้วกัน
รีบ ๆ กินมื้อเช้าให้เสร็จแล้วไปนั่งโซฟาให้แมวแย่งกันน้วยดีกว่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in