ผู้เขียน : ส. พลายน้อย
สำนักพิมพ์ : พิมพ์คำ
จำนวนหน้า : 200 หน้า
ราคา : 140 บาท
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่าน
วันนี้ไม่มีอะไรจะคุย เข้าเรื่องเลยละกันค่ะ หนังสือที่จะเล่าวันนี้คือ "เล่าเรื่องมังกร ฉบับปรับปรุง" จริงๆไม่ค่อยเข้ากะปีนี้เพราะปีนี้ปีเถาะ/ปีกระต่าย เอาน่า ต่อจากปีกระต่ายก็ปีมังกรแล้วค่ะ
มีใครเกิดปีเถาะไหมคะ ครบกี่รอบกันแล้วเอ่ย อิอิ
เจอหนังสือเล่มนี้อยู่ในกอง "20 บาท ทุกเล่ม" เห็นแวบแรกก็คว้าหมับ(คือเอ็งก็ไม่เปิดหนังสือดูเลย) คิดเองเออเองว่า สงสัยจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับประเทศจีน เพราะประเทศจีนมักถูกเรียกว่า "แดนมังกร" อยู่บ่อยๆ และนี่ก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือแนวท่องเที่ยว ตำนาน หรือเรื่องเล่าประวัติศาสตร์อยู่แล้ว
แล้วก็หิ้วหนังสือเล่มนี้กลับมาบ้าน
ตัดภาพมาตอนตัดสินใจเปิดอ่าน แล้วพบว่า อ้าว มันไม่ใช่เรื่องของ "ประเทศจีน" เลยค่ะ
มันคือเรื่องของ "มังกร" จริงๆ
แปลกมั้ยคะ ทั้งที่คนละชาติ คนละภาษา แต่หลายๆชาติก็กลับมีเรื่องราวของสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่ง ที่ชื่อว่า "มังกร" รวมอยู่ในนิยายปรัมปราของประเทศตัวเอง หากแต่แตกต่างกันไปตามลักษณะที่วาดไว้และความรู้สึกที่มีต่อมังกรของแต่ละชาติ
หนังสือเล่มนี้ได้บรรจุสารพัดสารพันเรื่องราวของมังกร ที่ถูกเล่าขานจากดินแดนต่างๆ ได้แก่ มังกรจีน มังกรญี่ปุ่น มังการจากชาติเอเชียอีกหลายชาติรวมประเทศไทยด้วย และมังกรในภาพจำของชาวตะวันตกหรือที่ผู้เขียนเรียกว่า "มังกรฝรั่ง"
แน่นอนว่ามังกรเป็นสัตว์ในจินตนาการ ไม่มีอยู่จริงบนโลกใบนี้(ไม่นับมังกรโคโมโด นั่นเป็นสัตว์เลื้อยคลานญาติตัวเงินตัวทอง) ภาพของมังกรจึงถูกสร้างเอาเองตามความเชื่อของคนแต่ละท้องที่ บ้างว่ามีต้นแบบจากจระเข้ บ้างว่าคล้ายงู บ้างว่าเป็นญาติกะพญานาค ฯลฯ ที่น่าประหลาดคือ ในประเทศฝั่งตะวันออก คือประเทศในทวีปเอเชียมักมองว่ามังกรเป็นสัตว์มงคล สัตว์เทพเจ้า เป็นผู้ปกปักรักษาและบันดาลฟ้าฝนให้แก่โลกมนุษย์ ในทางกลับกัน ประเทศฟากตะวันตกกลับมองว่ามังกรเป็นสัตว์ร้าย เป็นสิ่งที่ต้องจัดผู้คนไปปราบปรามมิฉะนั้นจะเกิดภยันตรายต่างๆนานา
ที่น่าแปลกคือมังกรตัวร้ายของตะวันตกบางตัวดันมีรูปร่างเท่ห์กว่ามังกรจีนผู้เป็นเทพเจ้า อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว ห้ามจำไปตอบใคร
มีเรื่องหนึ่งในเล่มที่ทั้งสนุกและขัดใจในคราเดียวกัน เป็นเรื่องจากประเทศจีน เขาพูดถึงครอบครัวหนึ่งที่ปีศาจงูขาวรักกับมนุษย์ คือคู่นี้เขาก็อยู่กันดี จนกระทั่งมีไต้ซือหรือหลวงจีนคนนึงไปบอกชายหนุ่มว่า ภริยาเขาเป็นปีศาจงูขาว จากนั้นก็พรากสามีไปจากนางงู แถมยังจับนางงูกับลูกไปขังไว้ใต้เจดีย์อีกตะหาก น่าโมโหนัก เขาก็อยู่ของเขา ไปเผือกอะไรกับครอบครัวชาวบ้านก็ไม่รู้ นี่อุตส่าห์ลุ้นให้นางงูหลุดจากเจดีย์ไปฆ่าหลวงจีน ก็ไม่สำเร็จ
ไม่ได้ดั่งใจเลย!!!
ว่าแต่ว่า งูขาวมันเกี่ยวกะมังกรตรงไหนเนี่ย?? เป็นญาติกันงี้???
หนังสือเล่มนี้มีข้อมูลอัดแน่นเสียจนเหมาะจะอ่านไปสอบค่ะ(ถ้าจะมีใครทะเล้นสอบเรื่องมังกรขึ้นมาจริงๆ) แต่ไม่เหมาะจะอ่านตอนรอบข้างมีเสียงเอะอะหรืออ่านตอนสมาธิแตกซ่าน เพราะประวัติและชื่อตัวละครที่มากมายในหนังสือนั้นทำให้ง่ายต่อการอ่านแล้ว "หลุด" คือหลงลืมรายละเอียดบางอย่างไป พอพลาดแล้วทีนี้เลยงงยาว ต้องกลับไปอ่านใหม่(ซึ่งบางทีก็ไม่อ่านใหม่ เพราะขี้เกียจ เอิ้ก) สารภาพตามตรงว่าบางบทก็อ่านแบบข้ามๆ เพราะรายละเอียดและตัวละครเยอะเหลือเกิน บางทีคนอ่านก็ไม่ได้อยากรู้ลึกขนาดนั้น
ทั้งหนังสือเล่มนี้ก็ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบประวัติศาสตร์ และไม่ชอบมังกรค่ะ เพราะขนาดนี่ชอบประวัติศาสตร์อ่านๆไปยังแบบ พอก่อนได้มั้ย จะเยอะไปไหน เลยคิดเองว่า ถ้าใครอ่านประวัติศาสตร์แล้วง่วง อ่านเล่มนี้คือ..หลับ (หรืออยากเอามาอ่านให้นอน ก็อีกเรื่อง)
ส่วนสาเหตุที่ไม่เหมาะกับคนที่ไม่ชอบมังกรก็คือ ถ้าเราไม่ชอบอะไรเราก็คงไม่อยากรับรู้เรื่องราวของสิ่งนั้น แล้วเล่มนี้ร่ายประวัติมังกรยาวเป็นหางว่าว ถ้าใครไม่ชอบมังกรอ่านไปแล้วคงนึกฉุนว่า ทำไมตูต้องมาศึกษาตัวอะไรก็ไม่รู้ที่ไม่มีอยู่จริงด้วย(วะ)
ถ้าอ่านจบแล้วได้มังกรจริงๆเป็นสัตว์เลี้ยง นี่สัญญาเลยว่าจะกลับไปอ่านใหม่ให้ละเอียด แต่แน่นอนว่าไม่มีทางเป็นจริง มังกรเป็นเพียงสัตว์ในจินตนาการเท่านั้น เพราะฉะนั้นก็เก็บหนังสือเล่มนี้ไปไว้ในกอง "อ่านแล้ว" ได้ (จะอ่านอีกรอบหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต ฮ่า)
แต่ถ้าใครชื่นชอบมังกร ชอบประวัติศาสตร์ และนิยมงานเขียนเชิงตำนานหรือนิยายปรำปรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับสัตว์ประหลาดหรือสิ่งเหนือจริง หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างเหมาะกับคุณค่ะ เพราะอุดมไปด้วยข้อมูลของเรื่องข้างต้นที่เรียกว่า ถ้าเป็นอาหาร ก็กินได้จนอิ่ม...อ้วน กันไปเลย นอกจากนี้ หากใครนิยมหนังสือของคุณ ส.พลายน้อย อยู่แล้ว เล่มนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเล่มที่ควรค่าแก่การสะสม
หนังสือเป็นสินค้าที่แปลกอย่างหนึ่ง คือ แม้ราคาของหนังสือจะไม่ได้ตกลงฮวบฮาบตามกาลเวลาแบบรถยนต์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม แต่เรามักพบว่าวันดีคืนดี หนังสือเล่มละร้อยขึ้นไปกลับถูกวางรวมกันเป็นกองๆขายเล่มละสิบบาทบ้าง ยี่สิบบาทบ้าง ห้าสิบบาทบ้าง ซึ่งหากหนึ่งในนั้นมีเล่มที่เราเคยซื้อราคาเต็มคงแทบลงไปนอนพื้นตีอกชกหัวด้วยความเจ็บใจ ในทางกลับกัน หากเป็นหนังสือที่หมายตาไว้ตั้งแต่ออกใหม่แต่ไม่มีโอกาสซื้อเสียที เห็นเหลือราคายี่สิบบาทห้าสิบบาท เราคงปรี่ไปคว้าอย่างลิงโลดในพริบตา
กองหนังสือลดราคาจึงไม่ต่างจากขุมสมบัติที่รอให้นักอ่านเข้าไปค้นหา และหนึ่งในของมีค่าที่ได้มา ก็คือหนังสือเล่มนี้ แม้อาจจะไม่ได้ประทับใจสุดๆหรืออ่านอย่างใจจดจ่อทุกหน้า แต่จากเนื้อหาและตัวเล่มที่มีรูปภาพหลายภาพ แถมบางภาพยังเป็นภาพสีซะด้วย ก็ต้องบอกว่า คุ้มราคาอยู่พอตัว
แท้จริงแล้ว สาระในหนังสือนี่แหละ คือคุณค่าที่แท้จริงของหนังสือ แถมยังเป็นคุณค่าที่ อกาลิโก คือไม่เสื่อมถอยไปตามกาลเวลาอีกด้วย
แต่มันก็เป็นมุมมองต่อหนังสือของคนชอบอ่านหนังสืออย่างเราเท่านั้นนะ คุณไม่อยากจะคิดเหมือนเราก็ไม่เป็นไร ก็เรารักของเรานี่นา
ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะว่า "เล่าเรื่องมังกร" เล่มนี้ จะสามารถหาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไปหรือเปล่า เอาเป็นว่า ถ้าคุณผู้อ่านคนไหนอ่านบทความนี้แล้วนึกรัก ชอบ หรือสนใจหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาแล้วล่ะก็
ลองตามหาตามร้านหนังสือดูนะคะ
สวัสดีค่ะ
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in