เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อ่านแล้วเล่าFayathi Sorap
อ่านแล้วเล่า : ฉลาดทางจิต
  • ผู้เขียน : ดังตฤณ
    สำนักพิมพ์ : ฮาวฟาร์
    จำนวนหน้า : 176 หน้า
    ราคา : n/a


         สวัสดีค่ะ

         ก่อนอื่น ขอแสดงความยินดีกับคุณสถาพร เกื้อสกุล กับคุณสันติสุข มะโรงศรี ที่ได้รางวัลผู้ประกาศฯยอดเยี่ยมด้วยนะคะ ยินดีด้วยจริงๆค่ะ

         คุณผู้อ่านหลายท่านอาจจะคิดว่า วันอังคารที่ผ่านมา ยัยคนเขียนมันอู้ไม่ลงบทความอีกแล้ว 

         เปล่าค่ะ ไม่ได้อู้ จริงๆเราลงไปแล้ว ชื่อเรื่องคือ ดนตรีบำบัด ปรากฏผ่านไปครึ่งวันไม่มีคนอ่านเลย จู่ๆเราเลยนึกขึ้นมาว่า หรือจะถูกปิดกั้นการมองเห็น เนื่องจากเรื่องดังกล่าวถ่ายทอดความหดหู่ในชีวิตเรามากไปหน่อย 
         ก็เลยกดซ่อนไว้ค่ะ พอวันรุ่งขึ้นมาดูเห็นยอดคนอ่านคือ 1 คน ถ้วน ก็แบบ เออช่างเถอะ

         ไม่เขียนถ่ายทอดความเศร้าซึมของตัวเองก็ได้ฟะ...
         "รู้ไหมว่าเหนื่อยแค่ไหน รู้ไหมต้องฝืนใจ ที่ต้องทำเหมือนแข็งแรงเข้าไว้..." (ที่มา เพลง หน้ากาก ของคุณ แอม เสาวลักษณ์)
         ...ไม่มีอะไรนะคะ เราแค่ร้องเพลงเฉยๆ ช่วงนี้ต้องบำบัดตัวเองด้วยเสียงเพลงเยอะๆ เดี๋ยวจะเป็นบ้าไปซะก่อน...


         ส่วนเรื่องของวันนี้ กลับมาอ่านหนังสือธรรมะกันดีกว่าค่ะ วันนี้แนะนำเรื่อง "ฉลาดทางจิต" ผลงานจากผู้เขียนเจ้าประจำของเรา "คุณดังตฤณ"

         ก่อนจะว่ากันเรื่องต่อๆไป ขอชี้แจงเรื่องราคาหนังสือก่อน ที่เราไม่ได้ใส่ราคาหนังสือเล่มนี้ เนื่องจากเหตุผลสองข้อ หนึ่งคือไม่มีราคาบอกเอาไว้ในหนังสือ(คือ...หาไม่เจอ) และสองคือ...เราได้หนังสือเล่มนี้มาโดยไม่ต้องจ่ายสตางค์
         สืบเนื่องมาจากเพจเฟสบุ๊คของคุณดังตฤณนั้นจัดกิจกรรมให้ร่วมสนุกแจกหนังสือ นี่ก็เข้าไปเล่นกับ     เขาด้วย และได้รับเล่มนี้เป็นรางวัล ก็เลยไม่ทราบจริงๆว่า ราคาขายของ "ฉลาดทางจิต" นั้น เท่าใดกันแน่
         เอาล่ะ มาว่ากันถึงเนื้อหาในหนังสือกันบ้าง
      

         ใครๆก็อยากเป็นคนฉลาด ยิ่งยุคนี้เป็นยุคที่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเองอย่างแข็งขัน การมีรอยหยักบนหัวสมองจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีพ
         และความสำคัญของสติปัญญานั้นได้รับความสนใจจากทั่วโลก ถึงขนาดมีการกะเกณฑ์มาตรวัดความฉลาดกันขึ้นมา ก็ประเภท ....Q นั่นปะไร


         "ฉลาดทางจิต" ไม่ได้ต้องการถกเถียงเรื่องความฉลาด และไม่ได้ใส่ใจว่า เจ้า ...Q ในโลกใบนี้ มันมีกี่คิว (Q) กันแน่
      
         "ฉลาดทางจิต" สนใจ Q เพียงสามประเภทเท่านั้น นั่นคือ IQ (Intelligence Quotient), EQ (Emotional Quotient) และ SQ (Spiritual Quotient) แปลเป็นไทยได้อย่างแยบคายว่า ระดับเชาว์ปัญญา ระดับเชาว์อารมณ์ และระดับเชาว์วิญญาณ ตามลำดับ
         เอ๊ะ แล้วเจ้าแต่ละ "เชาว์" นี่มันสำคัญยังไง???


         เริ่มต้นที่ เชาว์ปัญญา (IQ) คือศักยภาพในการแก้ปัญหาต่างๆและการเอาตัวรอดทั่วๆไปในชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ความสามารถในการทำข้อสอบให้ผ่าน ความสามารถในการทำงานให้เสร็จ อะไรแบบนี้

         ต่อที่ เชาว์อารมณ์ (EQ) คือศักยภาพในการควบคุมอารมณ์ รู้เท่าทันอารมณ์ และสามารถใช้อารมณ์ได้อย่างเหมาะสม ประเภทสอบได้ร้อยคะแนนเต็ม แต่อารมณ์เสียแต่ละทีลงไม่ชักดิ้นชักงอกับพื้นนั้นไม่เอา ใช้ไม่ได้ ต่อให้เก่งแค่ไหนก็เห็นจะใช้ชีวิตลำบาก
      
         ท้ายที่สุด เชาว์วิญญาณ (SQ) คือ ศักยภาพในการรู้ความเป็นมาเป็นไปของสิ่งต่างๆทั้งในตัวและรอบตัว คือความสามารถในการสังเกต เข้าใจ และพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างถ้วนถี่ เพื่อสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแก่ตนเองได้

         หนังสือเล่มนี้จะแบ่งออกเป็นสามตอนหลักตามประเภทเชาว์ข้างต้น เริ่มกันที่ ฉลาดทางความคิด ที่กระตุ้นให้ผู้อ่านตั้งเป้าหมายชีวิตไปในทางสร้างสรรค์ เพื่อความอยู่รอดในสังคม ต่อด้วย ฉลาดทางอารมณ์ ที่ชี้ให้ผู้อ่านเห็นว่า มีอารมณ์ใดบ้างที่ควรปรับแก้ให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้อารมณ์กลายเป็นนายชีวิต และช่วงสุดท้ายคือ ฉลาดทางจิต ที่อธิบายถึงการรู้เรื่องต่างๆที่ควรจะรู้ เพื่อจะได้นำความรู้นั้นไปใช้ในการดับทุกข์ทั้งปวงของชีวิต


         หนังสือเล่มนี้ ถ้าเอามาถือไว้ในมือแล้วเปิดแบบผ่านๆจากหน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย จะรู้สึกว่า เอ๊ะ น่าสนใจ เพราะมีการสอดแทรกรูปภาพไว้ในบางหน้าของหนังสือ บ้างก็เป็นรูปบุคคลที่มีชื่อเสียง บ้างก็เป็นรูป...เอ้อ แนวๆ ที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ แต่พอลองเปิดอ่านจริงๆ ถ้าไม่มีสมาธิจะหลุดได้ง่ายมาก เพราะนอกจากหัวเรื่องที่อยู่ด้านบนสุดแล้วเนี่ย ถัดลงมาจะเป็นบทความเกือบทั้งหมดเลย(ยกเว้นหน้าที่มีรูปภาพ)
      
         ที่ตลกคือ ตอนเอาไปอ่าน ลืมที่คั่นหนังสือ ก็เลยอ่านแบบ เออเราคงจำได้แหละว่าอ่านค้างไว้ตรงไหน ปรากฏว่าพอกลับมาอ่านต่อ จำไม่ได้ว่าอ่านถึงไหนแล้ว เลยต้องอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น (ควานของมาคั่นหนังสืออย่างด่วนเลยคราวนี้)
      
         แต่ถ้ามีสมาธิในการอ่าน ก็จะได้ข้อคิดอยู่ไม่น้อย ตัวอย่างเช่น
         "..คนคิดมาก มักหมายถึงคนที่ ห่วงแต่อนาคต หรือไม่ก็ เสียดายแต่อดีต.."
         ก็จริงแหละ ถ้าอยู่กับปัจจุบันมันจะไม่เครียด ปกติคนเรามันจะนอยด์อยู่สองแบบหลักๆ คือ "กรูไม่น่าทำอย่างนั้นตอนนั้นเลย/กรูน่าจะทำแบบนั้นตอนนั้นไป" กับ "สัปดาห์/เดือน/ปีหน้าตายแน่เลยกรู"
    ไม่มีหรอกที่ว่า "ตอนนี้ไม่มีอะไรคิดเลย โอ๊ยเครียด"
         ไม่มี!! แบบสุดท้ายอะ ไม่มี!!!


         กล่าวโดยสรุป หนังสือเล่มนี้ก็ถือเป็นหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง ที่คุณตังตฤณยังคงเพียรพยายามยุให้คนอ่านบรรลุธรรมอย่างตั้งใจ เพียงแต่จุดประสงค์หลักของหนังสือเล่มนี้คือการชี้ว่า ก่อนจะบรรลุธรรมได้ เราต้องฉลาดก่อน(ง่ะ) และควรต้องฉลาดให้ครบทั้งสามอย่างคือ ทางปัญญา ทางอารมณ์ และทางจิต
    และคนอ่านก็อ่านโดยหวังอย่างยิ่งว่าตัวเองจะฉลาดให้ครบทั้งสามด้านให้ได้
         แต่ตอนนี้ทำได้หรือยัง....น่าจะยัง ไม่เช่นนั้นคงไม่ทุกข์แบบที่เป็นอยู่ขณะนี้หรอก


         สำหรับคุณผู้อ่านที่สนใจหนังสือเล่มนี้ "ฉลาดทางจิต" มีให้อ่านแบบอีบุ๊คฟรีในเว็บ dungtrin.com ค่ะ ส่วนรูปเล่มไม่แน่ใจ ลองเอาชื่อไปค้นในอินเตอร์เนต หรือค้นจากเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ฮาวฟาร์ ซึ่งเป็นผู้จัดพิมพ์หนังสือดูก็ได้ค่ะ
     

         สวัสดีค่ะ


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in