ชิคาโก้มีทุกอย่างเลย....
มีทะเล....
มีวิวสวย....
มีจอห์นนี่....
มีแม่จอห์นนี่....
:)
.
.
.
.
.
“จอห์นนี่เหมือนเรด้าหาร้านสตาร์บัค”
ยูตะยืนรอจอห์นนี่กับไทเลอร์ซื้อเครื่องดื่มอยู่หน้าร้านกาแฟชื่อดัง เป็นอย่างที่ไทล์ว่าไว้ จอห์นนี่เป็นเรด้าค้นหาสตาร์บัคจริงๆ
ชิคาโก้ตอนนี้อากาศดีมากแม้พึ่งจะมีฝน ล้มหนาวโชยมาอ่อนๆ หากก็ทำให้ตัวสั่นได้ไม่น้อย ยูตะยืนซุกมือในกางเกง เหม่อมองขึ้นไปตามตึกฝั่งตรงข้ามที่ยอดหายเข้าไปในกลุ่มเมฆ
“ตึกนั่นสูงซักเท่าไหร่กันเชียว”
“ก็สูง...สูงมากจนมองลงมาเห็นวิวสวยๆแล้วกัน”
โดยไม่ต้องหันไปมอง อาศัยความคุ้ยเคยและความรู้สึกบางอย่าง จังหวะการเดินแบบนี้ กับเงาใหญ่ๆทางหางตา ร่างสูงของใครบางคนมือถือแก้วกาแฟร้อนขนาดเวนติที่ก้าวเข้ามายืนข้างๆเขาจะเป็นใครไม่ได้อีก นอกจากจอห์นนี่
ก็เป็นแบบนี้มาเสมอ....
ยูตะยกยิ้มที่ริมฝีปากประหนึ่งชนะพนันที่มีเพียงเขาคนเดียวที่ลงเล่น เดาได้ไม่เคยผิดหรอก หลายอย่างในชีวิตของพวกเขาก็เป็นแบบนี้ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เขาถาม จอห์นตอบ
เขายืนรอ จอห์นเดินตามมาเคียงข้าง
เขาไม่ดื่มกาแฟ จอห์นมีแก้วอเมริกาโน่ข้างตัวตลอดเวลา
เขาไม่เคยต้องหันไปดูว่าใครเดินมา ส่วนจอห์นก็ก้มลงมามองและส่งยิ้มให้เขาเสมอมา
เป็นแบบนี้มาโดยตลอด
แต่หลังจากนี้คงไม่มีอีกแล้วสินะ.....
“อ่ะ” มือใหญ่ส่งแก้วขนาดแกรนเด้อีกใบมาให้ ยูตะรับมาถือไว้เองอย่างเคยชิน เขาไม่ดื่มกาแฟ แต่จอห์นก็ซื้อเครื่องดื่มมาให้เสมอ ความร้อนทำให้มือที่ชานิดๆกลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง ยูตะโค้งหัวเล็กน้อยให้เพื่อนตัวเอง
“ชั้นว่าที่นี่ทำหวานไปนิดนะ”
ครั้งนี้ยูตะหันกลับไปหาต้นเสียง ส่ายหน้าน้อยๆให้คนที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งฝ่าความเย็นมายืนหลบหลังเพื่อนร่างสูง ไทเลอร์สับขาไปมาไล่ความหนาวพลางดูดเครื่องดื่มเย็นในมือ อากาศก็หนาวอยู่แล้วยังจะกินของเย็นๆอีกคนเรา
“งั้นนายคงจะยิ่งชอบเลยสิท่า อยากตัดขาเร็วๆนี้อยู่แล้วนี่” ยูตะหันไปล้อเลียนเพื่อนในความรักของหวานของอีกฝ่าย ยิ้มกว้างที่สุดถูกส่งออกไป ก่อนจะโดนไทเลอร์แลบลิ้นกลับมาแทน
“นายบอกจะพาพวกเราไปดูวิวบนตึกสูงนั่นใช่ไหมจอห์นนี่” ไทเลอร์จ้องไปที่คนตัวสูงตาแป๋ว พวกเขาอายุเท่ากันแท้ๆ ทำไมจอห์นนี่ถึงได้เหมือนเป็นพี่ชายคนโตได้ขนาดนี้กันนะ
“อื้อ จะพักนั่งก่อนไหม หรือจะไปต่อเลย”
“ไปต่อเลยดิ เหนื่อยที่ไหนกัน”
พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่มัธยม จอห์นนี่เริ่มถ่ายรูปตอนมอสาม ไทเลอร์เริ่มเป็นนายแบบตอนจะจบไฮสคูล ยูตะเป็นนักเตะในทีมฟุตบอลของโรงเรียน ต่างคนต่างโดดเด่นในทางของตัวเอง
จนมาถึงตอนนี้ จอห์นนี่เป็นช่างภาพที่กำลังเก็บเงินเปิดสตูดิโอของตัวเอง ไทเลอร์ได้เซ็นสัญญาเป็นนายแบบให้เเบรนด์ดัง ส่วนเขากำลังจะต้องกลับญี่ปุ่น....
คิดแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน
อีกไม่ถึงสัปดาห์เขาจะไม่ได้เดินอยู่บนแผ่นดินนี้อีกแล้ว อาจจะกำลังเข้าประชุมกับบอร์ดผู้บริหาร อาจจะกำลังเดินไปตรวจตลาดปลาสด อาจจะกำลังหาวอย่างเบื่อหน่ายกับสิ่งที่ต้องเผชิญ แค่นึกก็ชวนให้หดหู่ไม่น้อย
“เนี่ยสิ ชิคาโก้!” แต่ก็ยังยิ้มกว้างที่สุด หัวเราะเสียงดังที่สุดอยู่ดี
“นายมันบ้านากาโมโตะ คนมองหมดแล้ว” แต่นายก็ขำอยู่ดีจอห์นนี่ ซอ....
เพราะแบบนี้ละมั้ง....เลยหุบยิ้มไม่ลงซักที
.
.
.
.
.
“กลับไปสานต่อธุรกิจครอบครัว ไม่ได้โดนจับไปหั่นโปะเป็นหน้าข้าวปั้น เลิกเหม่อเสียที”ไทเลอร์เคยบ่น ตอนที่รู้ข่าวยูตะนิ่งไปทั้งวัน แน่ล่ะ เขาคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ แต่นั่นคงไม่ได้ช่วยให้ความคิดถึงเพื่อนทั้งสองของเขาลดลงไป ไม่ต้องพูดถึงสังคมที่ต่างกันมากเกินไปจนไม่รู้ว่าตัวเองควรเป็นคนของที่ไหนดี
“นายก็พูดง่ายสิ บินไป-กลับเมกา เกาหลี ญี่ปุ่นตลอดอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลเรื่องระยะทาง อยากมาหานายก็คงแว้บมาอยู่ดี”
“ทำไม กลัวไม่ได้เจอจอห์นรึไง”
“….”
“ถามจริงนากาโมโตะ ขาหักจนเกือบกลับไปเล่นฟุตบอลไม่ได้อีกไม่กังวล แต่มากังวลเรื่องแบบตอนนี้จริงดิ”
“….” จริงแบบที่นายว่ามานั่นแหละไทล์ อย่างน้อยตอนที่ขาหักก็มีพวกนายมานอนเฝ้าอยู่ข้างเตียงนี่หว่า...
“เลิกคิดมาก ทำอย่างกับญี่ปุ่นไม่มีอินเทอร์เน็ต ดราม่าบอย”
ไทเลอร์ล้มตัวลงไปบนเตียงที่หอ ปล่อยยูตะนั่งมองอีกคนนอนกระดิกเท้าไปมา บรรยากาศหม่นๆหายไป เพราะภาพตรงหน้าดูตลกเกินจะมานั่งคิดมากแบบเมื่อกี้
นั่นสิ....ที่บ้านก็มีwifiนี่นา คิดไรเยอะแยะ
.
.
.
.
.
“หมุนอีก หมุนไปเรื่อยๆยูตะ เร็วขึ้นอีกๆ” จอห์นนี่ส่งเสียงเชียร์ ยูตะยิ่งออกแรงหมุนเครื่องทำเหรียญที่ระลึกเเรงขึ้น
ให้ตายสิ ไอ้เครื่องนี้คงไม่ได้พังหรอกนะ
“เวรละ เหรียญมันยังไม่เข้าเครื่องเลยนี่นา”
จบคำอุทานของจอห์นนี่ ทั้งหมดก็ขำกันออกมายกใหญ่ นั่นไง โอซาก้าโดนชิคาโก้เล่นอีกเสียแล้ว....
ไทเลอร์ก้าวเข้าไปหมุนเครื่องบ้าง ทำให้ยูตะถอยออกมายืนข้างๆเพื่อนช่างภาพแทน ขำกับร่างเล็กๆของเพื่อนนายแบบที่พยายามออกแรงปั่นเครื่อง ตาเลยสบเข้ากับดวงตาสีน้ำผึ้งของคนข้างกาย อบอุ่นแบบที่เป็นมาเสมอ จอห์นนี่ยักคิ้ว แขนยาวๆนั่นเอื้อมมาโอบเขาไว้อย่างเคยชิน ยูตะฉีกยิ้มบางๆ รู้สึกถึงความมั่นคงบางอย่างที่ถูกส่งมาจากร่างของเพื่อนสนิท
“เหงาก็โทรมา คิดถึงก็มีเฟซไทม์ นายคงไม่ได้ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเสียหน่อย”
จอห์นนี่เคยบอกเขาไว้เมื่อตอนต้นทริปเลี้ยงส่งยูตะ ทั้งสามตัดสินใจมาเที่ยวบ้านเกิดของเพื่อนร่างสูง ที่พักก็ไม่ต้องคิดหาอะไรมาก คุณแม่บ้านซอพร้อมเปิดบ้านต้อนรับพวกเขาเสมอ
เอาจริงๆมันก็เป็นเรื่องปกติ เรียนจบ แยกย้ายกันออกไปทำงาน ไม่มีใครอยู่ด้วยกันยั่งยืน ยูตะเองก็เชื่อเเบบนั้น แต่พอมาเจอเข้าจริง ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะนึกหวั่นอะไรนัก
“กลัวไม่เหมือนเดิม” แต่เขาก็พึมพำออกไปในที่สุด
ตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจอห์นนี่มองกลับมาด้วยสายตาแบบไหน ยูตะไม่ใช่คนที่แสดงออกมากนัก นานๆทีถึงจะมีเรื่องมากวนใจ เขาเลือกที่จะมองออกไปนอกหน้าต่างห้องแทน อะไรๆดูจะกระอักกระอ่วนไม่น้อยในห้องนี้
กลัวไม่ได้มีโอกาสอยู่กันครบสามคนอีก
กลัวต่างคนต่างแยกย้ายไปใช้ชีวิต
กลัวห่างหายกันไปตามระยะทาง
กลัว...
ตั้งแต่จำความได้ ข้างกายก็มีเพื่อนสองคนนี้เสมอ อยู่ๆต้องเดินต่อไปตามทางคนเดียวก็อดหวั่นใจไม่ได้ ถึงจะไม่ค่อยแสดงออกไปก็เถอะ
“ชั้นก็มีแค่นายสองคนเหมือนกันนั่นแหละ”
ยูตะหันกลับไปมองเพื่อนสนิท น้ำเสียงเหมือนจะขำแต่ก็ขำไม่ออกของจอห์นทำเขาประหลาดใจไม่น้อย หนุ่มชิคาโก้อมยิ้มจนแก้มออก อีกฝ่ายยิ้มแหะๆแบบไม่มั่นใจนัก
“กลัวเหมือนกัน นายกลับญี่ปุ่น ไทล์คงอยู่ไม่ติดที่ เหลือชั้นอยู่เมกาคนเดียว....” ยูตะสบตาคนตัวสูงนิ่ง
“....นายกลัว ชั้นก็กลัว”
ยูตะเบิกตาขึ้นเล็กน้อย ถอนหายใจแต่เป็นไปในทางที่ดีขึ้นหลังจากได้ยินประโยคคุ้นเคยที่จอห์นนี่มักจะพูดกับเขาเสมอ เขาพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะยิ้มออกได้ในที่สุด
“นายยิ้ม ชั้นก็ยิ้ม”
“ชอบก็เอาเลย นายชอบชั้นก็ชอบ”
“ตอนนายเจ็บ ชั้นก็เจ็บด้วย...”
ก็เป็นกันซะแบบนี้ จะให้ต้องกลัวอะไรอีกเล่า นายชิคาโก้....
.
.
.
.
.
“โว้ว วิวบนนี้สวยชะมัด”
ยูตะยิ้มกว้างอีกแล้ว ยิ้มเก่งหัวเราะเก่งมากวันนี้ จอห์นนี่เองก็อดยิ้มตามไปไม่ได้อีกเสียด้วย
เพื่อนตัวเล็กบอกตัวเองเป็นคนเท่ๆ ก็เท่จริงๆแหละ แต่ยิ้มสวยเป็นบ้าเลย
ไทเลอร์วิ่งดุ๊กดิ๊กไปมากับยูตะ ตื่นเต้นกันเป็นเด็กเล็กๆ เพื่อนนายเเบบก็เหมือนเด็กเล็กอยู่หรอก เด็กเล็กที่ชอบกินของหวานๆกับอยากเลี้ยงเต่าในหอแชร์ของพวกเขา ส่วนยูตะก็คงเป็นพี่ชายที่วิ่งนำน้องชายไปทำอะไรซนๆ
เขาคงไม่ใช่พ่อใช่ไหมเนี่ย....
แต่เห็นแบบนี้ก็ดีแล้ว รอยยิ้มกับยูตะเป็นของคู่กัน ไม่รู้หรอกว่าจะได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้อีกบ่อยๆไหม แต่ก็หวังว่านายญี่ปุ่นจะยิ้มได้ทุกวันหลังจากจบสัปดาห์นี้ไปนะ
เพราะนายยิ้ม ชั้นก็ยิ้มไงล่ะ
“ชิคาโก้มีทุกอย่างเลย...” เสียงของนายญี่ปุ่นทำเขาเลิกคิ้วมอง ยูตะยื่นหน้าไปแทบชิดกับกระจกชมวิว อีกฝ่ายไม่ได้หันมามองเขาเหมือนเคย แต่ไม่ใช่เพราะรู้สึกได้ว่าเขาอยู่ใกล้ๆหรือกำลังพูดกับเขาหรอก ยูตะเหมือนกำลังรำพึงกับตัวเองมากกว่า
“มีทะเล...” นิ้วชี้จิ้มไปที่กระจกใส ประหนึ่งกำลังชี้ออกไปหาทะเลที่วิวด้านล่าง
“มีวิวสวย...” ตายิ้มหยี นิ้วที่สองชูขึ้นมา
“มีจอห์นนี่...” ข้อนี้เรียกเสียงหัวเราะเบาๆจากเขาได้เลยทีเดียว
“มีแม่จอห์นนี่...” แน่ละนายญี่ปุ่น ยูตะหันมายิ้มขำเขินๆให้เขาเมื่อเห็นว่าเพื่อนยืนฟังอยู่แล้ว ตั้งแต่คุยกันตอนต้นทริปไป จอห์นนี่ก็ไม่เห็นวี่แววเศร้าหมองหรืออึกอักกังวลใจอะไรจากอีกฝ่ายอีกเลย มีเหม่อบ้างล่ะ แต่เห็นยูตะยิ้มกว้างแบบนี่คงพอทำให้หลังจากนี้หายคิดถึงไปได้ช่วงนึง
เหมือนเด็กมัธยมที่ต้องแยกย้ายกันไปเข้ามหาลัย เหมือนเด็กมหาลัยที่ถึงเวลาต้องออกไปจัดการชีวิตของตัวเองด้วยตัวเองจริงๆ
ไม่รู้จะได้ว่างมาเที่ยวแบบนี้ด้วยกันอีกไหม แต่คงไม่หายกันไปง่ายๆหรอก....
จอห์นนี่ยิ้มตามรอยยิ้มสวยของเพื่อน ชิคาโก้ไม่ได้มีทุกอย่างแบบที่หมอนั้นว่าหรอก
เพราะเดี๋ยวชิคาโก้ก็ว่างเปล่าแล้วล่ะยูตะ ชิคาโก้ไม่มีนายเสียหน่อย....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
역시시카고!!!
แนบคลิปต้นเหตุของเรื่อง คลิปนี้ยูตะสดใสมากๆเลย ไปดูหนุ่มๆกันเยอะๆนะ ส่วนเรื่องนี้เราแต่งเพราะความคิดถึงเพื่อนด้วย ถ้าเพื่อนเราหรือใครผ่านมาอ่าน ก็อยากบอกไว้แบบที่เขียนไปข้างบนนั่นแหละ
"ไม่รู้จะได้ว่างมาเที่ยวแบบนี้ด้วยกันอีกไหม แต่คงไม่หายกันไปง่ายๆหรอก"
pgm.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in