Day 13 - 15
Pokhara - Patan - BKK
3 วันสุดท้าย เราขอเล่าแบบรวบยอดทีเดียวเลยละกัน วันที่ 13 ของทริป เราเรียกแท็กซี่จากหน้าโฮสเทลไปที่ท่ารถตอนเช้า และไปซื้อตั๋วรถที่ท่าเลย คราวนี้ได้นั่งแบบคนปกติทั่วไปละ แต่ฝุ่นก็ยัังเยอะเหมือนเดิม อมฝุ่นเหมือนเดิม เราถึงที่กาฏมาณฑุช่วงประมาณบ่ายสาม และยืนรอ Dipend มารับที่ข้างถนนตรงที่ลงรถ
Dipend ขี่รถพาเราไปที่โรงแรมกลางเมืองปะฏัน พอเราเก็บของเสร็จเรียบร้อย Dipend ก็พาเราไปเดินเล่นรอบ ๆ เมือง และคอยบอกเส้นทาง เผื่อว่าพรุ่งนี้เราจะมาเดินเล่นอีกรอบ เพราะวันนี้มาเย็นเกิน เห็นอะไรไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
เมืองนี้สวยมาก เพราะเป็นเมืองโบราณ เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่และศิลปะแบบเนปาลกระจายอยู่ทั่วทุกมุมเมือง บรรยากาศในเมืองจะเป็นสีโทนน้ำตาล ๆ และส้มอิฐ ฝุ่นน้อยกว่าย่านทาเมลนิดหน่อย และอากาศเย็นกว่าทาเมล
จัตุรัสปะฏัน ดูร์บาร์ ที่ยังปรากฏร่องรอยความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปี 2015
Dipend บอกว่า คนชอบมานั่งเล่นที่นี่กันช่วงเย็น
ปะฏัน หรือ ปาตัน หรือ ปาทาน (Patan) หรือ ลลิตปูร์ (Lalipur) แปลว่า นครอันงดงาม เป็นมืองมรดกโลกแห่งหนึ่งในพื้นที่หุบเขากาฏมาณฑุ กล่าวกันว่า พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 เพื่อประดิษฐานพระพุทธศานา เราจึงเห็นพระราชวัง วัด โบราณสถาน และเทวลัยเก่าแก่คอยสร้างมนต์ขลังดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างไม่ขาดสาย
เราเดินอยู่แค่รอบนอก ไม่ได้เข้าไปข้างใน ถ้าจำไม่ผิด นักท่องเที่ยวน่าจะเสียค่าเข้า 1,000 NPR
ตึกและบ้านเรือนในเขตเมืองโบราณส่วนใหญ่เป็นไม้ผสมกับอิฐส้ม และปูนสีเก่า ๆ
ช่วงเช้าวันที่ 14 เราไปเดินเล่นรอบเมืองโบราณแถวตลาดและจัตุรัสปะฏัน ดูร์บาร์ (Patan Durbar Square) เพราะ Dipend จะมาพาเราเที่ยวได้แค่ช่วงเย็นหลังเลิกงาน ช่วงกลางวันเราเลยต้องไปเที่ยวเองก่อน
บรรยากาศในเมืองปาฏัน
ร้านขายของริมถนนแถวนี้มักขายผลไม้และเครื่องปั้นดินเผา
ร้านขายของในซอยเมืองโบราณ
เราจะเห็นงานแกะสลักที่วิจิตรตามอาคารอยู่เต็มเมือง
เมืองโบราณมีตรอกซอกซอยเยอะมาก ไปเดินถ่ายรูปเล่นได้ยาว ไม่น่ากลัวเลย เพราะมีนักท่องเที่ยวเดินอยู่เรื่อย ๆ
ถนนด้านหน้าจัตุรัสปะฏัน ดูร์บาร์
ทางเข้าจัตุรัสปะฏัน ดูร์บาร์
เมืองที่เต็มไปด้วยอาคารสีส้มอิฐ
เราเดินจนทั่วแล้วกลับมาพักที่โรงแรมเพื่อรอ Dipend มารับตอนเย็น แต่ Dipend ไม่ว่าง เลยส่งเพื่อนที่ทำงานมาแทน ชื่อ Shuraj
Shuraj ขี่มอเตอร์ไซต์พาเราไป สถูปพุทธนาถ (Bauddhanath) แลนด์มาร์คสำคัญอีกแห่งหนึ่งของเนปาล อยู่ห่างจากกาฐมาณฑุไปทางทิศตะวันออกประมาณ 8 กิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของหุบเขากาฏมาณฑุ เขตแหล่งมรดกโลกของเนปาล
หุบเขากาฐมาณฑุ ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1979 ประกอบด้วยกลุ่มอาคารและอนุสรณ์สถาน 7 แห่ง ที่แสดงถึงศิลปะและประวัติศาสตร์ที่ล้ำค่าของเนปาล ได้แก่ จัตุรัสกาฐมาณฑุดูร์บาร์ (Durbar Squares of Hanuman Dhoka), เมืองปะฏัน (Patan) เมืองภักตปุระ (Bhaktapur), สถูปพุทธสวยัมภู (Swayambhu Stupa) มหาเจดีย์พุทธนาถ (Bauddhanath Stupa) วัดฮินดูปศุปติ (Pashupati Temple) และวัดฮินดูจางคุนารายณ์ (Changu Narayan Temple)
วิวข้างทาง ถ่ายระหว่างซ้อนมอเตอร์ไซต์ Shuraj
มหาเจดีย์พุทธนาถ (Bauddhanath Stupa) เป็นศาสนสถานของชาวพุทธนิกายหินยาน และเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเนปาล จุดเด่นอยู่ที่เจดีย์สีขาวใหญ่ที่มีรูปดวงตาอยู่บนยอด 4 ด้าน เรียกว่า Wisdom Eyes หรือ ดวงตาเห็นธรรม โดยรอบ ๆ เจดีย์เป็นชุมชุนชาวพุทธนิกายหินยานที่อพยพมากจากทิเบต เราจึงเห็นอาคารสีสันสดใสไตล์ทิเบตและบรรยากาศแบบทิเบตได้มากในแถบนี้
มหาเจดีย์พุทธนาถ เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของเนปาล มี Wisdom Eyes อยู่ทั้งสี่ด้านของเจดีย์
มีเจดีย์เล็กอยู่ข้าง ๆ ด้วย
ที่นี่มีจุดให้จุดธูปเทียนสักการะหลายจุด แต่ส่วนใหญ่จะเห็นคนเดินสวดมนต์วนรอบเจดีย์มากกว่า
บรรยากาศที่นี่ดูขลังและศักดิ์สิทธิ์มาก เราไปเดินวนรอบ ๆ เจดีย์เหมือนกับคนที่ไปบูชาไหว้พระ เสร็จก็ไปร้านกาแฟ นั่งคุยกับคนพาเที่ยวของเรา Shuraj เป็นสายเที่ยวผู้มีความตั้งใจว่าจะไปเที่ยวให้ครบทุกจังหวัดของเนปาล อัธยาศัยดี คุยเก่งมาก ๆ ถามเราจนเราตอบแทบไม่ทัน
ก่อนกลับ Shuraj แนะนำให้เรากินเนื้อควาย อาหารซิกเนเจอร์ของที่นี่ เราก็ซื้อกลับไปกินที่โรงแรม 1 กล่อง รสชาติเข้มข้นดีมาก จำไม่ได้ว่าชื่อเมนูอะไร คล้าย ๆ ข้าวเนื้อผัด มีข้าวเกรียบและเครื่องเคียงหลายอย่าง
หลังจากจัดการข้าวเนื้อควายผัดเสร็จ เราก็เก็บของจัดกระเป๋าสำหรับเตรียมตัวกลับพรุ่งนี้ เราหลับไปพร้อมกับอากาศหนาวเย็นของคืนสุดท้ายที่เนปาล
วันที่ 15 - วันสุดท้าย Shuraj มารับเราช่วงสายเพื่อไปส่งที่สนามบิน ก่อนที่ตัวเองจะไปทำงาน เราลากันและ Shuraj ให้ผ้าแดงหนึ่งผืนเป็นของที่ระลึก น่าจะเป็นผ้าที่คนเนปาลนิยมให้กัน เพราะเราเห็นนักท่องเที่ยวหลายคนก็มีผ้านี้คล้องคอไว้
เรากลับไฟลท์ 13.30 น. ทรานซิสที่เดลี 15.05 - 23.30 น. และกลับถึงไทยเวลา 4.55 น. ของอีกวัน คิดว่าเราทรานซิสนานกันใช่ไหมล่ะ
แต่เราว่าไม่นานหรอก สำหรับการนั่งทบทวนทริปที่ผ่านมา 15 วัน ยิ่งมนุษย์ที่ชอบบรรยากาศสนามบินแบบเราด้วยนะ ไม่นานเลย เราว่ากำลังพอดี เหมาะกับการขอบคุณตัวเองที่พาตัวเองออกมาเจอประสบการณ์ที่มีค่ามาก ๆ แบบนี้ ^^
(มีต่อ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in