Lizzo หรือ Melissa Viviane Jefferson ได้ปล่อยอัลบั้ม Cuz i love you ออกมาให้ได้ฟังกันอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 เมษายน 2562 (2019) ซึ่งอัลบั้มนี้ก็เป็นอัลบั้มที่ 3 ของ Lizzo หลังจากที่นางได้ฝากผลงานแบบเด็ด ๆ ไปใน LizzoBangers (2014) และ Big GRRRL Small World (2015)
อัลบั้มนี้ถูกเปิดตัวผ่าน Life Nice และ Atlantic Records
เรามาเริ่มฟังและอ่านไปพร้อม ๆกันเลยดีกว่าค่ะ
1. Cuz I Love You
เป็นแทร็กเปิดอัลบั้มได้ดีมาก ทำให้นึกถึง Phantom Of The Opera ที่เป็นละครแนว Broadway ระดับโลกเลย เสียงร้องบัลลาดของนางคือเอาอยู่ แทร็กให้ความตื่นเต้นอยู่ตลอดทั้ง 3:00 นาทีด้วยดนตรี Soul pop, Neo Soul, R&B กับความโอเปร่าและเสียงเปียโนสลับเป็นช่วง ๆ กับเสียงร้องนางถ้าให้เปรียบเสมือนละครเวทีสักเรื่องหนึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ดึงความสนใจเราได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง มีจุดพีคตลอด เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ
Lizzo ยังบอกอีกว่านางชอบเพลงนี้มากๆ นางเขียนเพลงนี้ด้วยเวลาเพียงแค่ 10 นาทีเองด้วยความช่วยเหลือของวงร็อค X Ambassadors
เปิดอัลบั้มมาด้วยแทร็กที่ทรงพลังขนาดนี้ Music Video ก็ดีไม่แพ้กัน
เราชอบมากๆเลยกับการที่นางเลือกที่จะใช้ผู้ชายในการแสดง Music Video นี้ ด้วยการที่ Intro เปิดมา ' I'm Crying Cause I Love You ' จึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างลึกซึ้งและสวยงามสำหรับเรามากเพราะผู้ชายมักจะถูกตีกรอบจากสังคมและโดนสอนเสมอว่า ห้ามร้องไห้ ต้องเข็มแข็งอยู่ตลอดเวลาแต่ก็หารู้ไม่ว่าเราทุกคนนั้นก็ย่อมมีมุมอ่อนแอได้เหมือนกัน เราควรที่จะมีอิสระในการแสดงออกทางความรู้สึก
2. Like A Girl
แทร็กแห่งความ feminist และ body-positive ที่ถูกสื่อผ่านดนตรีป๊อปจังหวะสนุกๆ แทร็กนี้นางได้กล่าวถึงไอค่อน feminist อย่าง Serena Williams นักเทนนิสหญิงที่ทำลายสถิติคว้าแชมป์แกรนแสลมสูงสุดในประวัติศาสตร์ไปถึง 23 สมัยและ Lauryn Hill แรปเปอร์หญิงในตำนานที่มีเพลงขึ้นอันดับ 1 ของ Billboard Hot100 ได้เป็นคนแรกอีกด้วย
p.s.if you feel like a girl, then you real like a girlนางต้องการที่จะสื่อถึง transgender women, drag queens, gay boys หรือไม่ว่าจะเป็น male ที่มี feminine side ซึ่งนางบอกว่านางชอบท่อนนั้นที่สุดแต่สำหรับเรา เราชอบ Bridge ทั้งหมดเลย เราคิดว่า Bridge ของเพลงนี้เป็นอะไรที่สื่อออกทรงพลังและมีความหมายเอามากๆ เราฟังครั้งแรกแล้วแบบโห้วววเลย แนวเราจริงๆ มันเป็นอะไรที่สนุกไม่พอแต่มันฮีลมากๆ (ท่อน got nothing to prove ทำให้เรานึกถึงหนังอย่าง Captain Marvel ด้วย)
เมื่อนึกถึง Soulmate หลายๆคนก็คงจะนึกถึงการที่เราเจอรักแท้หรือเรากำลังมีความรัก การมีใครสักคนหนึ่งมาอยู่ข้าง ๆกายกันแต่สำหรับนางคนนี้แล้วไม่เลยเพราะ She is her own Soulmate ยังไงล่ะ message ที่นางต้องการส่งมาให้คนฟังมันดีมาก ๆ บวกด้วยเสียงและเทคนิคการร้องของนางที่สุดแสนไม่ธรรมดา ทำให้ Soulmate เป็นอีกหนึ่งแทร็ก Self-Love ดนตรีป๊อปจังหวะสนุกสนาน ฮีลใจที่ไม่ควรพลาดหรือกด SKIP
ขอพูดถึงท่อน Chorus หน่อย มันทำให้เรานึกถึงตัวเองและคงทำให้ใครหลายๆคนในที่นี้ที่ฟังอยู่คงนึกถึงตัวเองด้วยไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าง Cause I'm my own soulmate/I know how to love me/I know I'm a queen, but I don't need no crown Look up in the mirror like "Damn, she the one" คืออะไรที่เราฟังครั้งแรกแบบเป็นอะไรที่รู้สึกดีมาก ยกให้เป็นท่อนฮีลใจสำหรับตัวเราไปเลย ชอบมาก
Lizzo บอกว่าเธอได้แรงบันดาลใจเพลงนี้มาจากประสบการณ์จริงในชีวิตของเธอเองเลย มันเริ่มจากการที่เธอนั่งอยู่ใน Red Corvette กับผู้ชายคนหนึ่ง มันดูเหมือนจะโรแมนติกแต่ไม่ใช่อย่างที่คิดเลย เธอกลับนั่งร้องไห้เสียใจเพราะเธอรักผู้ชายคนนั้นมาก ๆ เธอได้พูดความรู้สึกทุกอย่างเกี่ยวกับเขาคนนั้นไปจนหมดเปลือก
เพราะงั้น verse 1 ของเพลงเลยเปิดมาด้วยประโยค "Pull this car over, Boy don't pretend like you don't know" การร้องบัลลาดบวกกับกีตาร์สไตล์ร็อคแอนโรลของนางในเพลงนี้เป็นอะไรที่สุดมาก ๆ สื่ออารมณ์ของตัวเพลงได้ดีสุด ๆ
07. Tempo (Feat. Missy Elliott)
ส่งต่อสู่ Tempo ที่เริ่มเพลงมาด้วยกีตาร์สุดมัน มีความร็อกก่อนจะสวิชเป็นบีทสไตล์ Hip-Hop Old School พูดได้ว่า Tempo เป็นเพลงที่เรียกได้ว่า mood โดดออกจากอัลบั้มไปเยอะค่อนข้างมากแม้กระทั่งเจ้าตัวอย่าง Lizzo เองยังเคยลังเลที่จะใส่เพลงนี้เข้าไปในอัลบั้มจนต้องไปถามทีมของนางและทีมของนางก็ได้พูดว่า "นี่เธอจะบ้าหรอ? ถ้าเธอไม่ใส่เพลงนี้เข้าไปในอัลบั้มก็คือเธอต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ"
เพลงนี้สำหรับเราคิดว่ารับช่วงต่อ Tempo ได้ดีเลยทีเดียวเพราะเพลงนี้ก็เป็นอีกเพลงที่มีจังหวะที่สนุกมาก ๆ เนื้อเพลงที่ค่อนข้างรีเลทและยังได้แรปเปอร์ชื่อดังอย่าง Gucci Mane มาร่วมแจมเพิ่มความกวนให้กับเพลงได้อย่างลงตัว
มันเป็นเรื่องยากสำหรับ Big Women ในเรื่องความสัมพันธ์ ความรักแม้กระทั่งเรื่องราวต่าง ๆ ในชีิวิต นอกจากเพลง Jerome แล้ว Lizzo เธอยังพูดอีกว่าเรื่องราวของพวกเรามันไม่ใช่เมนสตรีม Social Media หรอก มันไม่ได้มีใครมานั่งสนใจแบบเรื่องอื่นพอมีเรื่องใดเรื่องหนึ่งของพวกเราถูกเล่าออกมาก็จะมีแต่ผู้คนต่างแปลกใจกัน ถึงอย่างงั้นมันไม่ใช่เรื่องราวอะไรที่น่าแปลกใจเลยนะ มันแค่ไม่ได้โดนเล่าบ่อยขนาดนั้น พวกเราแค่ไม่ได้มีโอกาสที่จะเล่าเรื่องราวของตัวเองสักเท่าไหร่
Lizzo เธอเลยถือโอกาสนี้เองในการที่จะแต่งเพลงเล่าเรื่องราวของเธอและเป็นตัวแทน Big Women ผ่านบทเพลง Lingerie ที่มีความเย้ายวน หอมหวาน ปิดท้ายอัลบั้มได้อย่างนุ่มนวล
Lizzo เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งเราเกือบจะ underrate เธอไปเลยจนมีพี่ที่เรารู้จักแนะนำมาว่าให้ลองฟังดู อัลบั้มนี้มันเป็นสไตล์ที่เราชอบและเราก็ชอบเข้าจริง ๆ ทั้ง 11 เพลงในอัลบั้ม Cuz I Love You สามารถพรีเซนร์ความเป็นตัวของ Lizzo เองและ Self-Love, Self-Confidence และ Body-Positive ได้อย่างสนุกสนานและสะท้อนสังคมได้ดีมาก ๆ มันทำให้เราเห็นและนึกภาพตัวเองในเพลงของเธอเลย หยิบยกสิ่งดี ๆ ที่เธอต้องการจะสื่อมาเรียนรู้และทำความเข้าใจกับมัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in