31 กรกฏาคม
วันนี้เป็นวันD-Dayค่ะ
วันนี้ เป็นวันสิ้นเดือน เงินเดือนออก\\ผิด
อย่างที่บางคนอาจจะทราบมาก่อนแล้ว ที่CERNเราจะมีPoster SessionสำหรับSummer studentกันทุกปี เพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสานำเสนอสิ่งที่ตัวเองทำมาตลอด2เดือนนี้ให้คนอื่นได้ศึกษาและให้คำแนะนำ สำหรับปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 31 กรกฏาคมค่ะ มิ่งที่ลงทะเบียนเป็นตัวสำรองไปตั้งแต่ต้นเดือนสำหรับPoster sessionและพึ่งได้รับการเลื่อนชั้นเป็นตัวจริงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ หยิบกระบอกที่ได้มาฟรีสำหรับใส่โปสเตอร์ที่พึ่งจะเสร็จเมื่อวันเสาร์ เดินออกจากห้องไปด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น
เพื่อให้ไม่รู้สึกผิดกับเงินจำนวนมากที่ไหลเข้ามาในบัญชี จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด! \\กล่าวได้ดีๆ
เวลาสำหรับการStandbyและSet up posterคือประมาณ4โมงค่ะ Presentจริง5โมงถึง6โมง
ระหว่างรอก็เลยนั่งทำงานต่อค่ะ
เราจะมาพยายามDeploy codeขึ้นระบบกัน
เปลี่ยนจากไฟล์python notebookให้เป็นPythonธรรมดา ใส่เข้าไปในระบบของCERNที่ชื่อlxplusที่เราต้องsshเข้าไปผ่านterminal/command line แล้วมาSet upตัวSpark context,spark sessionและJar package
ความพิศวงคือ ถ้าเราพยายาม set up file jarในspark session configอย่างที่หลายๆคนทำกัน มันจะรันไม่ผ่านค่ะ ในขณะที่หากเอาไปใส่ในConfigurationของspark contextดันนนนนน Magically workingเฉยเลย
เวลาสั่งรันทับStreamเดิมก็ไม่errorด้วย
แปลว่ามันน่าจะStart streamใหม่มาให้ น่าจะต้องไปหาวิธีmonitorกับstopมันอีกรอบพรุ่งนี้ ตอนนี้คงต้องขอตัวไปเตรียมPosterก่อน
เลือกทำเลงามๆ ก่อนจะพบว่า อ่าว เราเป็นComputer Engineerคนเดียวในนี้เลยนี่หว่า
โปรเจคมันก็จะไม่เข้าพวกนิดๆ
แต่ว่าก็มีคนแวะเวียนมาให้ความสนใจกันเยอะพอสมควรค่ะ เงียบเหงาแค่เพียงบางระยะ แต่ยังไม่เท่าสมัยที่พรีเซนต์งานของคณะ5555
บริเวณของการพรีเซนต์นั้นค่อนข้างแคบมากค่ะ แล้วคนก็เยอะ อากาศก็เลยค่อนข้างร้อนๆหน่อย เวลานำเสนอจำเป็นต้องเร่งเสียงให้ดังพอสมควรไม่เช่นนั้นจะโดนเสียงรบกวนรอบข้างกลบค่ะ
พูดไปก็คอแหบแห้งไป ใครมีโอกาศได้พรีเซนต์ลักษณะนี้ อย่าลืมเตรียมน้ำไปด้วยนะคะ จำเป็นมากเลยแหละ โชคดีที่CERNมีโต๊ะแจกน้ำดื่มฟรีอยู่แถวๆนั้น เลยรอดตัวไปค่ะ
ในเรื่องของการพรีเซนต์ ก็ได้รับประสบการณ์อย่างที่เราหวังว่าจะได้ค่ะ
การมาพรีเซนต์ครั้งนี้ เป้าหมายหลักไม่ใช่เพื่อนำเสนอผลงานหรือเพื่อเปิดโอกาสด้านหน้าที่การงานของตัวเอง แต่เพื่อการพัฒนาตนเองมากกว่าค่ะ
ได้เรียบเรียงความคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ทำไป
ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการพูด การนำเสนอ ให้คู่สนทนาเข้าใจ
รวมถึงการแชร์ประสบการณ์และสิ่งที่ได้เจอระหว่างการทำงานนี้ให้คนอื่นได้รู้หรือแลกเปลี่ยนกัน
เราพยายามถามFeedbackของผู้ฟังตลอดว่าตามเราทันมั้ย เพราะส่วนมากมาจากทางสายPhysicsไม่ใช่Computerโดยตรง หากเขาไม่เข้าใจจะได้พูดให้ช้าลง อธิบายให้ละเอียดมากขึ้นถึงต้นเหตุ ที่มาที่ไปของศัพท์เทคนิคต่างๆ
สรุปก็คือ สนุกค่ะ!
รู้สึกว่าได้เข้าถึงผู้ฟังมากกว่าการนำเสนอแบบOral presentationเยอะ ไม่มีเวลาจำกัดว่าต้องพูดนานแค่ไหน
เอาจริงๆก็ไม่ควรนานมากค่ะ เพราะความสนใจของคนเราจะอยู่ได้ไม่นาน เลยรวบๆแค่Pointที่จำเป็น พูดที่เดียวแล้วมาลงรายละเอียดแบบถามตอบกัน จะดึงดูดความสนใจและเพิ่มInteractionระหว่างการสื่อสารมากกว่าค่ะ
ส่วนมากFeedbackของผู้ฟังจะมาในด้านบวกมากกว่า เช่น “อืม โปรเจคนี้มันมีประโยชน์มากเลยนะ” หรือ “อืม ครอบครัวคุณต้องภูมิใจกับคุณมาก” แต่จริงๆก็อยากจะได้คอมเม้นในด้านลบเหมือนกัน555 จะได้รู้ว่าเราต้องปรับปรุงโปรเจคหรืองานของเราตรงไหนบ้าง
แต่ด้วยความที่ผู้ฟังแต่ละคนมีBackgroundที่แตกต่างกัน เลยไม่แปลกใจที่ไม่ได้Discussในเชิงลึก
ก็จะมีถามๆบ้างว่า มีแนวทางการImprove modelยังไง ก็เลยตอบไปว่า ถ้ามีfeedbackจากคนใช้ระบบได้จะดีมาก อะไรแบบนี้ค่ะ
ระหว่างพรีเซนต์ก็มีSupervisorมายืนดูอยู่พักนึงด้วยค่ะ ก็จะเกร็งๆหน่อย ไม่รู้ว่าพูดผิดตรงไหนมั้ย
แล้วก็มีอาจารย์พัดที่พาอดีตSummer studentของSupervisorมาเจอด้วย ครึ้กครื้นไปหมดเลย
...วุ่นวายด้วย5555
พอพรีเซนต์จบ ยังไม่ต้องเก็บPosterกลับนะคะ เราจะค้างมันไว้อย่างนั้นจนถึงวันที่8สิงหาให้คนมาแวะเวียนอ่านกันดู จึงค่อยเก็บกลับบ้านค่ะ
ตอนเย็นจัดหนักมื้อเย็นกับก๊วนทำอาหารแก๊งค์เดิม ทำสปาเก็ตตี้กับHashbrownและอีกมากมายค่ะ ทำเยอะไปนิดนึงด้วย อิ่มสุดๆจนหนังตาปรือเลย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in