Day 8 –การเอาใจใส่ : 08/11/2017
“สวัสดียามเช้าครับคุณทอม”
“สวัสดีครับคุณจอห์น”
“เดี๋ยวนี้เราเจอกันทุกเช้าเลยนะครับ”
“เมื่อก่อนเราก็เจอกันครับ”
“ผมรู้แต่ผมหมายถึงว่าเราเจอกันทุกวันเลยนะครับเดี๋ยวนี้”
“เมื่อก่อนเราก็เจอกันทุกวันครับ”
“แต่ผมว่าเมื่อก่อนผมเห็นคุณเพียงแค่บางเช้าเท่านั้นนะครับไม่ใช่ทุกเช้าแบบนี้?”
“แต่ผมเห็นคุณทุกเช้า”
“ครับ?”
“โห หน้าคุณทอมแสดงออกถึงความไม่เชื่อในคำพูดของผมออกมาชัดเจนมากจริงๆ นะครับเรานะเจอกันทุกเช้า แบบนี้ให้ผมบอกไหมว่าคุณมักจะมาถึงที่ร้านตอนประมาณ7 โมง 15 ของทุกวัน คุณจะสั่งแฟลตไวท์ทุกเช้าและหลังจากสั่งเสร็จคุณก็ต้องเดินมาที่มุมหนังสือและหยิบเอาหนังสือพิมพ์เล่มนั้นตลอดอ้อ ตอนนั้นคุณยังใช้เป้สะพายหลังอยู่เลยคุณเพิ่งเปลี่ยนมาเป็นกระเป๋าสะพายข้างเมื่อประมาณ2 อาทิตย์ที่แล้วนี่เอง”
“...”
“คราวนี้คุณเชื่อผมรึยังครับ?”
ทอมรู้ตัวดีว่าถ้าตอนนี้ตรงหน้าของเขามีกระจกวางอยู่ภาพที่สะท้อนออกมาจากกระจกบานนั้นคงจะเป็นภาพของเขาที่กำลังอ้าปากค้างพร้อมด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเพราะเขากำลังอยู่ในช่วงอาการตกใจจากข้อมูลที่เขาเพิ่งได้ยินมา
“คุณทอม”
“ครับ โห แต่ผมไม่เคยเห็นคุณเลยนะ ไม่สิผมต้องพูดว่าผมเห็นคุณในแค่บางวันเองครับ”
“ก็ไม่แปลกหรอกครับที่ผมเห็นคุณทอมเพราะว่าคุณทอมต่างจากคนอื่นนะครับผมเลยเห็นได้ง่าย”
“เพราะเส้นผมของผมเป็นสีน้ำตาลเลยแตกต่างจากคนอื่นใช่ไหมครับ?”
“ไม่ใช่ครับเพราะแววตาที่เศร้าของคุณต่างหากที่มันต่างจากคนอื่น”
“แววตาผม...”
“ผมว่าผมไม่พูดแล้วดีกว่าเดี๋ยวคุณกลัวผมจนเลิกคบผมแย่เลยทีนี้”
นั้นสิถ้าเป็นคำพูดพวกนี้ออกมาจากคนอื่นเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกแบบไหนมากกว่ากันระหว่างประหลาดใจที่มีคนคอยสนใจเขาแบบนี้หรือว่ารู้สึกกลัวและกังวลที่มีคนคอยติดตามและสังเกตุเขาตลอดเวลากันแน่
“อะ นี่ครับ”
“อะไรเหรอครับ?”
“หนังสือพิมพ์ของวันนั้นนั่นแหละครับวันที่คุณไม่ได้เล่นเกมส์”
“โอ้...”
“ส่วนคำเฉลยของเกมส์ผมตัดมันแล้วเสียบเอาไว้ที่แผ่นหลังสุดของหนังสือพิมพ์แล้วนะครับ”
“ขอบคุณนะครับ”
ใจของเขาที่ห่อเหี่ยวจากแรงกดดันของเมสเสจที่เขาได้มาตลอด2-3 วันนี้มันเบาบางลงเมื่อเขาได้รับ ‘การเอาใจใส่’ เล็กๆ น้อยๆ จากคนที่เขาเพิ่งรู้จักเพียงไม่นานแล้วเช้าวันนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเช้าของวันก่อนๆ หลังจากที่ทั้ง 2 ได้กาแฟตามสั่งพร้อมกับหนังสือพิมพ์ที่ชอบกันคนละเล่มเขาก็เดินพูดคุยกันถึงเรื่องทั่วไปจนมาถึงตึกที่พวกเขาทำงาน
“จะว่าไปผมก็ไม่รู้เลยว่าคุณจอห์นทำงานอยู่ที่ตึกไหน”
“ไม่ไกลจากตรงนี้หรอกครับ ถามแบบนี้คุณทอมเกิดคิดอยากเดินไปส่งผมบ้างเหรอครับ?”
“ด้วยอากาศเกือบจะเหลือเลขเดียวแบบนี้ผมว่าผมเข้าไปข้างในตึกแล้วเชิญให้คุณจอห์นเดินต่อไปคนเดียวแล้วกันนะครับ”
“ฮ่าๆๆๆ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“ครับแล้วเจอกัน”
“อีกอย่างนึง...นี่ครับ”
“แท่งช็อคโกแลต?”
“พอดีเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาผมเห็นว่าคุณดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ก็เลยคิดว่าคุณควรได้รับอะไรหวานๆเผื่อคุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้นบ้าง ยิ่งถ้าคุณเป็นคนที่ชอบของหวานอยู่แล้วมันน่าจะช่วยได้เยอะ”
“คุณไม่ลืมที่ผมพูดเมื่อวาน?”
“เรื่องที่คุณไม่สบายใจ...แน่ละครับว่าไม่ลืม”
“เรื่องที่ผมชอบกินช็อคโกแลตต่างหาก”
ใช่แล้วเมื่อวานตอนที่เดินผ่านร้านขายขนมที่กำลังเตรียมเปิดตัวเขาเพียงแค่ชี้นิ้วไปที่ร้านนั้นเขาพูดแค่ว่าไว้ร้านนั้นเปิดเมื่อไหร่เขาจะมาลองกินช็อคโกแลตเพราะมันเป็นขนมที่เขาชอบมากที่สุดมันเป็นแค่เพียงคำพูดลอยๆ ขึ้นมาเท่านั้นเขาไม่คิดเลยว่าคุณจอห์นจะจำมันได้
“ครับ ผมจำได้”
“คุณจอห์น”
“ครับ?”
ตลอดการเดินจากร้านกาแฟมาถึงที่หน้าตึกที่เขาทำงานคำพูดของคุณจอห์นเมื่อตอนเช้ามันยังคงดังอยู่ในความคิดแต่เขาก็พยายามที่จะปัดมันออกไปแต่พอเขามาเจอเข้ากับการเอาใจใส่ทั้งความชอบทั้งคำพูดเพียงเล็กน้อยของเขาอีกครั้งมันก็ทำให้เขาไม่สามารถปัดมันทิ้งออกไปได้
เขารู้ว่าสิ่งที่เขาได้รับมาจากคุณจอห์นมันคือความปรารถนาดีและตัวเขาเองที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในเมืองที่เขาไม่คุ้นเคยมาก่อนมีหรือที่จะอยากปฎิเสธความหวังดีนี้ถ้าเกิดเขาได้รับมันมาจากเพื่อนหรือคนที่สนิทกัน
แต่ไม่ว่าเขาจะมองจากมุมไหนสิ่งที่เกิดขึ้นมันก็น่าจะเกิดจาก‘การเอาใจใส่’ คอยดู คอยสังเกตพฤติกรรมต่างๆ และการที่ใครสักคนจะใช้เวลาเพื่อสังเกตุคนๆนึงได้มากขนาดนี้แถมเป็นคนที่ไม่รู้จักกันเสียอีกมันก็ไม่น่าจะเป็นอะไรอื่นไปได้เลยนอกเสียแต่ว่า
“คุณจอห์น...ชอบผมรึเปล่าครับ?”
เขารู้ว่าการถามคำถามแบบนี้ออกไปเขาอาจจะเสี่ยงต่อการเสียคนรู้จักที่หวังดีต่อเขาได้ถ้าเกิดคุณจอห์นไม่ได้ชอบเขาไม่ได้มีรสนิยมแบบเดียวกันหรือถ้าเกิดนี่คือพื้นฐานนิสัยของคุณจอห์นที่มีให้กับทุกคนอยู่แล้วมันคงจะเป็นคำถามที่เสียมารยาทมากที่สุดแต่ว่าตอนนี้ตัวเขาเองก็มีเรื่องให้คิดมากมายและเขาก็ยังไม่พร้อมถ้าจะต้องมีเรื่องให้ต้องขบคิดเพิ่มขึ้นอีกเรื่องเขาเลยถามเอาคำตอบจากปากดีกว่าที่เขาต้องกลับไปขบคิดด้วยตัวเอง
“ถ้าผมชอบหรือไม่ชอบคุณทอม การพูดคุยระหว่างเรามันจะมีอะไรที่เปลี่ยนไปไหมครับ?”
“ก็...”
“คุณทอม ถ้าคุณกลัวว่าการเอาใจใส่ของผมมันจะนำไปถึงการทวงถามการตอบแทนจากคุณในอนาคตผมก็บอกได้เพียงว่าขอให้คุณสบายใจได้เลยผมไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน”
“แล้วคุณ?”
“ที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะผมเคยทิ้งคนนึงให้เขาเศร้าโดยที่ผมไม่ได้ช่วยอะไรเขาผมทิ้งเขาเอาไว้กับความเศร้านั้นจนมันต้องเกิดเรื่องราวร้ายแรงในตอนท้าย”
“...”
“ตอนนั้นถ้าผมให้ความเอาใจใส่เขาคนนั้นมากกว่านี้อีกสักนิดเรื่องมันคงไม่ร้ายแรงมากขนาดนั้นเหตุการณ์ในตอนนั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดมาจนถึงวันนี้พอผมเห็นคุณที่เป็นเหมือนภาพซ้อนของคนนั้นผมเลยไม่อาจห้ามตัวเองให้เข้ามาหาคุณได้ผมคงแค่อยากแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำผิดไป”
“แบบนี้นี่เอง”
“ผมขอโทษด้วยนะครับที่เหมือนมาใช้คุณเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น”
มาถึงตรงหน้าสีหน้าของคุณจอห์นคนที่คอยพูดแต่เรื่องที่ทำให้เขาสบายใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและร่องลอยความเศร้าก็เกิดขึ้นเมื่อคุณจอห์นต้องพูดเรื่องเก่าเรื่องนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องขอโทษอะไรผม”
“ขอบคุณครับ”
ทอมมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้นด้วยความบังเอิญในขณะที่เขากำลังจะเอ่ยลาแล้วเขาก็ได้เห็นถึงแววตาความรู้สึกผิดการโทษตัวเองและแน่นอนว่ามันไม่ได้ถูกส่งมาให้เขามันเป็นความรู้สึกที่ติดค้างกับตัวของคุณจอห์นที่กำลังส่งไปให้กับคนๆ นั้นแล้วแววตานี้มันก็ช่างเหมือนกับแววตาของแฟรงค์คนที่เขาหนีจากมาเหลือเกิน
“อย่าโทษตัวเองเลยครับ คนๆนั้นคงไม่อยากให้คุณเป็นแบบนี้”
“ไม่จริงหรอกครับผมทำผิดเอาไว้มากขนาดนั้นเขาไม่มีวันให้อภัย”
“เย็นนี้คุณจอห์ว่างไหมครับ?”
“ว่างครับคุณทอมมีอะไรให้ผมช่วยรึเปล่า?”
“เย็นนี้เรา...ไปหาที่นั่งคุยกันดีไหมครับ?”
ในเมื่อหลายวันมานี้เขาได้รับการเอาใจใส่จากคุณจอห์นจนทำให้เขาสามารถลืมเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปได้ชั่วคราวเขาว่ามันก็ถึงเวลาที่เขาจะตอบแทนโดยการเอาใจใส่ความรู้สึกของคนที่เขารู้จักบ้างแล้วละ
/
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in