"นั่นรอยอะไรน่ะ" ลอร์แคนถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน เธอคงสังเกตเห็นมันเข้าตอนที่เราพับขากางเกงเพื่อที่จะเดินลุยน้ำสกปรกที่เอ่อสูงจนเกือบพ้นหัวเข่า
ไม่ใช่แค่ดมกลิ่นเก่ง แต่เหมือนกับว่าพวกสุนัขมักสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าที่อยู่ในใจของเรา ความรู้สึกเช่นนี้อาจซับซ้อนเกินกว่าความเข้าใจของพวกมัน
ชิลลิ่งนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาต้องเดินผ่านสุนัขขนสีดำตัวใหญ่ตัวหนึ่ง แต่มันไม่แม้แต่จะเห่าเมื่อเขาพยายามเป็นมิตรและลูบหัวของมัน
จนพวกมันเข้าใจว่าเป็นการคุกคาม เราจำวันที่หนีออกมาจากบ้านของคุณตำรวจได้ดี เรารู้สึกเศร้าและจนตรอก เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ขอแค่ให้ได้ไกลจากบ้านหลังนั้นให้มากที่สุด และใช่ เรามั่นใจว่ามันเป็นตัวเดียวกันกับตัวที่เราเคยลูบหัว เจ้าหมาตัวโตสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าที่เรามี มันเห่าและเข้าจู่โจมทันที เขี้ยวอันแหลมคมจมเข้าไปในน่องข้างขวา นี่มันช่างน่าสิ้นหวังเสียจริง
"อ๋อ เอ่อ-- มันนานมากแล้วน่ะ ว่าแต่คุณลอรี่ดูเหนื่อยๆนะครับ ลงมาข้างล่างนี้จะไม่เป็นไรจริงๆหรอครับ"
"ก็บอกว่าอย่าเรียกฉันด้วยชื่อนั้น พูดไม่รู้เรื่องหรอ และถ้านายเป็นห่วงมากนักล่ะก็ ก็ตัดขานายมาให้ฉันสักข้างซะสิ" เธอก็ยังคงมีน้ำเสียงขี้หงุดหงิด ถึงแม้จะอยู่ในสภาพอ่อนล้าเช่นนั้นก็ตาม
"ไม่ต้องกังวลขอรับ คุณหนู ขณะนี้กระผมกำลังดำเนินการค้นหาหนูท่อให้ขอรับ" มิฟพูดขึ้น เราสังเกตเห็นไฟจากดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
"พวกนายเป็นบ้าอะไรกัน เลิกเรียกฉันด้วยคำอุบาทว์ๆพวกนั้นซะที แล้วจะบอกให้นะ ถ้าร่างของแกไม่ได้ทำจากเหล็กโสโครกล่ะก็ ฉันเขมือบแกทั้งตัวไปแล้ว ไอ้สมองคอมพ์งี่เง่า" เธอที่นั่งอยู่บนบ่าของมิฟ ใช้มือทุบไปที่หัวของเขาอย่างอ่อนแรง แต่มิฟไม่ได้แสดงว่ารู้สึกอะไร
ชิลลิ่งยังไม่ชินกับเสียงไอน้ำที่พุ่งออกมาเป็นระยะๆตามท่อทั่วร่างอันใหญ่โตของมิฟ อีกทั้งชิลลิ่งยังคอยทิ้งระยะห่างระหว่างตัวเขากับมิฟ เพราะเขาไม่ชอบที่ใบหน้าและร่างกายท่อนบนของเขาต้องร้อนผ่าวจากไอร้อนของเครื่องยนต์ที่ทำงานอยู่ตลอดเวลาภายในตัวของมิฟ แต่ถึงอย่างไรความร้อนที่แผ่จากตัวของมิฟก็มีผลดีต่อลอร์แคน
เราเดินมาหลายชั่วโมงได้ ความหวังที่เหลือคือป่าที่มิฟพูดถึง ในอุโมงค์ระบายน้ำที่อับชื้น แต่ข้างล่างนี้ไม่ได้มืดจนเกินไป นอกจากแสงไฟจากดวงตาของมิฟก็ยังมีแสงที่ลอดผ่านรูตะแกรงท่อน้ำทิ้งจากด้านบน ทุกครั้งที่เราเดินผ่านรูตะแกรงพวกนี้ เราทั้งสามก็จะได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านบนนั้น "เมื่อไหร่ไอ้พวกบ้าน้ั้นจะหยุดเสียทีรำคาญเป็นบ้า" "ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามข้อมูลที่กระผมลักลอบโอนถ่ายมาจากท่านแม่ การกวาดล้างควรจะสิ้นสุดไปเมื่อสองวันที่แล้ว และฝ่ายอันเดดควรจะได้รับชัยชนะ" "ฉันไม่สนหรอกว่าฝ่ายไหนจะชนะ แค่อยากให้เรื่องบ้านี่มันจบไปเสียที" ใช่ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะก็ไม่สำคัญ มันก็น่าสิ้นหวังทั้งคู่ และมันยิ่งสิ้นหวังยิ่งขึ้นไปอีกที่เราทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
"คุณแม่ของนายเป็นคนยังไงหรอ มิฟ" จู่ๆชิลลิ่งก็ถามขึ้นมาเสียเฉยๆ
"กระผมคงตอบคำถามนั้นตรงๆไม่ได้ขอรับ กระผมบอกได้แค่ว่าท่านแม่เป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะที่สร้างกระผมขึ้นมาขอรับ"
"ทำไมถึงตอบตรงๆไม่ได้ล่ะ"
"เพราะท่านโปรแกรมกระผมไว้แบบนั้นขอรับ กระผมไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์ท่านได้"
"ทั้งๆที่นายมีความคิดเป็นของตัวเองเนี่ยนะ" ลอร์แคนดูจะสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาด้วย
"ใช่ขอรับ คำสั่งห้ามวิพากษ์วิจารณ์เป็นหนึ่งในโปรแกรมพฤติกรรมขั้นพื้นฐานที่ท่านแม่จะติดตั้งให้กับหุ่นทุกรุ่นขอรับ ฉะนั้นแม้กระผมจะได้รับการอัปเกรดให้เหนือกว่าหุ่นรุ่นก่อนหน้าโดยมีสมองกลเป็นหน่วยประมวลผล กระผมยังคงต้องปฏิบัติตามโปรแกรมขั้นต้นนั้นขอรับ"
"นายมีพี่น้องด้วยหรอ ดีจัง นายสนิทกับพี่น้องของนายไหม" เราเองก็เคยฝันว่าอยากมีพี่หรือน้องสักคน
"ไม่ครับ ท่านแม่ต้องการสร้างหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบให้ได้ เมื่อหุ่นรุ่น MF01 ไม่มีสติปัญญาที่มากพอ ท่านจึงทำลายทิ้งขอรับ แล้วอัปเกรดหุ่นรุ่น MF02 ซึ่งก็คือกระผมให้มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่กระผมก็ยังเป็นผลงานที่ผิดพลาดของท่านแม่เพราะกระผมมีเจตจำนงเสรีที่มากเกินไป ส่วนท่านต้องการหุ่นที่มีสมองกลแต่ยังปฏิบัติตามคำสั่งของท่านได้อยู่ ท่านจึงคิดที่จะทำลายกระผมและตัดสินใจสร้างหุ่นรุ่น MF03 -- และด้วยเหตุนี้กระผมจึงหลบหนีออกมาครับ"
นั่นมันแย่มากเลยไม่ใช่หรอ การที่บุพการีไม่ต้องการคุณแล้วเพียงเพราะคุณเป็นในสิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้ไม่ได้ แล้วพวกคุณถูกสร้างมาเพื่ออะไร
"กระผมขอถามคุณชิลลิ่งกลับได้หรือไม่ขอรับ"
"เอ๊ะ -- ถะถามว่าอะไรหรอ"
"ท่านแม่ของคุณชิลลิ่งเป็นคนอย่างไรหรือขอรับ"
เป็นอีกครั้งที่ชิลลิ่งเงียบไปนานมาก ลอร์แคนที่คิดว่าชิลลิ่งคงไม่ยอมตอบคำถามนั้น รับหนูตัวเล็กๆมาจากมิฟ มันแน่นิ่งไปแล้วด้วยแรงบีบมหาศาลของมิฟ แต่หางยาวๆของมันยังกวัดแกว่งไปมา เธอกัดเจ้าหนูด้วยคำเดียว และโยนส่วนหางที่เคี้ยวยากทิ้งไป เธอใช้ฟันอันแหลมคมเคี้ยวหนูจนเลือดกระเซ็นเปื้อนเสื้อกันฝนสีเหลืองของเธอ
"ฉันไม่รู้" ชิลลิ่งพูดออกมาในที่สุด และเขาตอบด้วยความสัตย์จริง
ขณะที่ชิลลิ่งจมดิ่งอยู่ในความคิดของเขาเอง ทั้งสามก็เดินไปตามอุโมงค์เรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงฝนเทกระหน่ำลงบนพื้นดินด้านบน น้ำฝนไหลมาตามท่อทำให้ระดับน้ำในอุโมงค์สูงขึ้นและไหลแรงยิ่งขึ้น
ใช่ นั่นกลิ่นฝน กลิ่นฝนที่มีกลิ่นดินและกลิ่นใบไม้ผสมอยู่
เรารู้สึกถึงความหวัง ความหวังที่เหมือนจะมืดบอดไปช่วงหนึ่ง ค่อยๆส่องประกายในหัวใจ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in