(4)
คนที่เราสองคนเห็น คือ เซบาสเตียน อาร์เชอร์ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองทางการทหารที่เสียชีวิตที่อัฟกานิสถานจริงหรือ ไม่มีใครเลยที่ตอบได้ ยกเว้นตัวของเขาคนนั้น
“ผมว่าท่าทางของเขาแปลก ๆ”
ดร. ฟอล์กเนอร์ออกปาก ลดแขนที่โอบเอวผมไว้ลง ค่อย ๆ ผละห่างออกไปทีละน้อย สายตาของเขาไม่ได้ละไปจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่ต้นวิลโลว์ริมน้ำเลยสักวินาที และเขาพูดถูกในเรื่องอาการไม่ปกติของคนที่เรามองเห็นจากอีกฝั่งทะเลสาบ
ชายคนนั้นยืนโงนเงนไปมา คล้ายใกล้หมดสติเต็มที แต่อาศัยลำต้นของวิลโลว์ใหญ่ต้นนั้นพยุงร่างกายของตนเองให้ทรงตัวอยู่ได้ และทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นจากการก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ แล้วเห็นเป้าหมายที่ตนเองต้องการนัดพบอยู่ฟากตรงข้าม เขาก็ขยับตัว แต่แทนที่จะก้าวกลับขึ้นไปยังทางเท้า เพื่อเดินข้ามสะพายมาหา ‘เพื่อนเก่า’ อย่างที่เขาระบุในจดหมาย เขากลับซวนเซอย่างไม่อาจควบคุมตนเองได้ และล้มคว่ำไปข้างหน้า ไถลตกลงไปในทะเลสาบท่ามกลางเสียงหวีดร้องของคนที่มาพักผ่อนหย่อนใจในสวนสาธารณะและผู้ที่เดินผ่านไปมาในเวลานั้นพอดี
หนึ่งในเจ้าของเสียงอุทานที่ผมได้ยิน คือ คนที่เคยเยือกเย็นอยู่แทบตลอดเวลาที่อยู่ข้างตัวของผมเอง
“เซบาสเตียน!”
ไม่มีการตอบรับ ไม่มีการตอบสนอง ไม่มีความพยายามในการเอาตัวรอด หรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้นจากชายที่จมหายลงไปใต้ผิวน้ำของทะเลสาบที่ยังคงกระเพื่อมไหว
นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
ก่อนที่ผมจะทันขยับตัวทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยคนที่อ้างตนเป็นเซบาสเตียน อาร์เชอร์ขึ้นมาจากน้ำ ของใช้สำคัญอย่างแว่นตา โทรศัพท์มือถือ กุญแจบ้าน กุญแจรถ และกระเป๋าสตางค์ก็ถูกยัดพรวดเข้ามาในมือสองข้างโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว แล้วในเสี้ยวนาทีถนัดมา ผมก็เห็นร่างสูงโปร่งของแพทย์นิติเวชเจ้าของข้าวของเหล่านั้นถลันไปริมทะเลสาบและกระโดดพุ่งลงไปยังจุดที่ชายคนนั้นจมหายไปใต้ผิวน้ำ
ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า คนที่เยือกเย็นและระแวดระวังอย่าง ดร. ฟอล์กเนอร์จะใจร้อนและบ้าบิ่นได้ถึงขนาดนี้ และเพิ่งประจักษ์ถึงความแข็งแรงของเขาที่ลงไปควานหา ดึงตัวของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งขึ้นมาจนพ้นผิวน้ำ แล้วลากพาขึ้นมายังริมตลิ่งที่ผมร้องบอกให้ใครสักคนตามรถพยาบาลและตำรวจ แล้วตรงไปรับตัวคนทั้งสอง
ผมรับตัวของคนที่แพทย์นิติเวชช่วยขึ้นมาจากน้ำ มีเบต้าชายเข้ามาช่วยผมรับเขาไว้ต่ออีกทอดหนึ่ง เพื่อให้ผมหันกลับไปช่วยดึงตัวของ ดร. ฟอล์กเนอร์ที่เหยียดเลนลื่น ๆ ริมตลิ่งจนเกือบไถลลงน้ำไปอีกรอบ เขาเปียกโชกตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คุณหมอไม่เป็นไรนะ” ผมถามด้วยความเป็นห่วง เช็ดน้ำออกจากใบหน้าของเขาออกเท่าที่พอจะทำได้
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ” ดร. ฟอล์กเนอร์รับแว่นสายตาจากผมมาสวม เขายังคงเหนื่อยหอบ ขณะพึมพำขอโทษที่ทำให้ผมต้องพลอยเปียกไปด้วย แต่ตลอดเวลานั้น สายตาของเขาจับอยู่ที่ร่างของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น และทันทีที่ตั้งตัวได้ ก็ดิ่งตรงไปยังชายผู้นั้นทันที พร้อมแจ้งให้คนที่พยายามจะช่วยให้ชายผู้โชคร้ายกลับมามีสติอีกครั้งหนึ่งว่า เขาเป็นแพทย์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกผู้คนที่สนใจได้อยู่ไม่น้อย แต่เคราะห์ดีที่คนส่วนใหญ่รู้หน้าที่ของตนเองว่าควรทำอะไร เบต้าสาวที่รับอาสาจะโทรศัพท์ตามเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร้องบอกผมว่า ตำรวจกับรถพยาบาลกำลังมา ผมจำเป็นต้องแสดงบัตรตำรวจและบอกให้ทุกคนที่อยู่รอบบริเวณ โดยเฉพาะคนที่เห็นเหตุการณ์อย่าเพิ่งไปไหนและให้อยู่ในความสงบ
เป็นไม่กี่ครั้งที่ผมนึกขอบคุณความเป็นไฮอัลฟ่าของตัวเอง ในบรรดาผู้ที่มีเพศรองเป็นอัลฟ่าทั้งหลายมีการจัดลำดับชั้นภายในกลุ่มด้วยกันเอง กลิ่นประจำตัวของอัลฟ่าเป็นสิ่งหนึ่ง นอกจากรูปร่าง อำนาจที่อยู่ในเสียงพูด ความบริสุทธิ์ของสายเลือดและสายตระกูล และอีกหลายอย่างที่ผมไม่อาจอธิบายได้ ทว่าเป็นสิ่งที่รู้กันได้เองในหมู่อัลฟ่า
ณ เวลานั้น ‘คำสั่ง’ ของผมเป็นสิ่งที่คนอื่น ๆ ที่อยู่ร่วมกันในบริเวณนั้น ไม่ว่าโอเมก้า เบต้า หรือแม้กระทั่งอัลฟ่าก็ ‘ต้อง’ เชื่อฟังและปฏิบัติตาม ถ้าไม่ใช่ด้วยสติปัญญาและจิตสำนึกอย่างมนุษย์ของตนเอง ก็เป็นไปด้วยสัญชาตญาณของสัตว์
โชคดีที่ผมสามารถควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในความสงบได้ก่อนที่รถพยาบาลและสายตรวจในท้องที่จะมาถึง ซึ่งใช้เวลาไม่นานเกินไปนัก
หลังความสับสนและตื่นตระหนกเบาบางลง และมีตำรวจท้องที่มาเปลี่ยนมือในการดูแลความเรียบร้อย ผมจึงมีเวลาหันกลับไปหา ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ที่อยู่กับชายที่เขาเรียกว่า เซบาสเตียน ที่นอนแน่นิ่งอยู่ และพบว่า ความเคลื่อนไหว ณ จุดนั้นเงียบงัน ทุกคนรวมถึงเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ไปถึงล้วนหยุดนิ่ง ความพยายามที่จะช่วยให้เขาฟื้นคืนชีวิตขึ้นมานั้น ยุติลงแล้ว
“เขาตายแล้ว...” เสียงของโทเบียส ฟอล์กเนอร์แหบพร่า สายตาที่ของเขาเต็มไปด้วยความสับสน และฉงนสนเท่ห์อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้า “เราทำอะไรไม่ได้แล้ว...”
ผมคุกเข่าลงข้างเขา โอบบ่าของเขาเอาไว้หลวม ๆ ความชื้นจากเสื้อผ้าของเขาที่เปียกจนแนบตัวถูกส่งผ่านมายังตัวผม แต่ผมไม่แน่ใจนักว่าอาการสั่นน้อย ๆ ที่ผมรู้สึกได้จากเขาเป็นเพราะความหนาวหรือด้วยเหตุอื่น
“เขาตายก่อนที่จะตกลงไปในทะเลสาบ” ดร. ฟอล์กเนอร์เอ่ยเสียงแผ่ว “มีร่องรอยเลือดออกในตาขาว แต่ไม่ใช่เพราะทางเดินหายใจถูกปิดกั้น... ริมฝีปากของเขาซีด เล็บมือของเขาเริ่มเขียว เป็นไปได้ว่าเขาเสียชีวิตเพราะเสียเลือดมา หน้าท้องด้านขวามือของเขามีรอยจ้ำเลือดขนาดใหญ่ กว้างราวสิบถึงสิบห้าเซนติเมตร เป็นไปได้ว่า มีการตกเลือดในช่องท้อง...”
ข้อวินิจฉัยของเขาขาดเป็นห้วง เขาเบียดตัวเข้าหาผมเหมือนต้องการหลักยึดเพื่อดึงสติของตนเองกลับมามากกว่าเป็นอาการแสวงหาความใกล้ชิดจาก ‘คู่’ อย่างโอเมก้าที่ก้าวเข้าสู่ช่วงฮีทเต็มตัว แม้จะมีอาการกระสับกระส่ายจากกลิ่นของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นอัลฟ่ามากขึ้น แต่เขาก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พอแล้ว คุณหมอ... พอแล้ว... ไม่เป็นไร” ผมกระซิบ กระชับร่างของเขาไว้ในอ้อมแขน อาการของ ดร. ฟอล์กเนอร์ไม่ดีเลย และสถานการณ์รอบตัวของเราสองคนตอนนี้ก็เช่นกัน กลิ่นอายของอัลฟ่าที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างกะทันหันกำลังส่งผลต่อเขา และร่นช่วงเวลาของอาการฮีทให้เกิดเร็วขึ้น ตัวของผมเองก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานอย่างที่ไม่ควรจะเป็นอย่างช่วยไม่ได้
เขาทำเสียงบางอย่างในลำคอเป็นการตอบรับ มือของเขาที่แต่เดิมกุมต้นแขนของผมไว้เพียงหลวม ๆ กำแน่นขึ้น
“เอพิเพ็นของผม... สารวัตร”
เขาถามหาอุปกรณ์ฉีดยาสำหรับชะลออาการฮีทออกไปชั่วคราว ผมจำได้ว่าเขาเก็บมันไว้ในกระเป๋ากางเกงข้างซ้าย แต่สิ่งที่ผมค้นพบมีเพียงความว่างเปล่า เป็นไปได้ว่า มันจะตกหายไปใต้ผืนน้ำของทะเลสาบในรีเจนท์สพาร์คระหว่างที่เขากระโดดลงไปช่วยผู้ตายขึ้นมาจากน้ำ หรือหล่นหายไประหว่างที่เขารีบร้อนเอาของสำคัญออกจากกระเป๋าก่อนช่วยชายคนนั้น
“มันไม่ได้อยู่ในกระเป๋า”
สายตาของเขาเมื่อรู้ว่าของใช้จำเป็นหายทำให้หัวใจของผมกระตุก และความสิ้นหวังในดวงตาสีเขียวคู่นั้นก็ฉายชัดมากขึ้น แต่ในดวงตาคู่เดียวกันก็เต็มไปด้วยความเข้าใจ เมื่อพบว่าไม่มีใครที่อยู่ในบริเวณนั้นพกเอพิเพ็นสำหรับโอเมก้าสำรองเอาไว้เลย แม้ว่าผมบอกว่าจะขอซื้อต่อก็ตาม แต่นั่นเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะเอพิเพ็นเป็นเวชภัณฑ์ราคาแพง ถูกจัดเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่เพดานภาษีสูงพอ ๆ กับยาเฉพาะอย่างอีกหลายชนิด และผ้าอนามัยสำหรับเบต้าหญิงที่มีรอบเดือน ทั้งที่เป็นของจำเป็นที่ขาดไม่ได้
สิ่งเดียวที่พอหาได้ คือ สเปรย์ที่ใช้สำหรับกลบกลิ่นฟีโรโมน ไม่ให้อัลฟ่าและเบต้าชายบางคนได้รับอิทธิพลจากแรงดึดดูดของฮอร์โมนจากโอเมก้าในช่วงฮีทเท่านั้น แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรสำหรับปกป้องเขาจากคนอื่นเลย
“ผมฝืนต่อไม่ไหวแล้ว...”
นั่นเป็นสัญญาณของฟางเส้นสุดท้ายของความอดทนของ ดร. ฟอล์กเนอร์ที่มีต่อธรรมชาติของตนเอง และถ้าหากไม่ย่ำแย่จนถึงขีดสุด เขาคงไม่ออกปากยอมแพ้ด้วยตนเองอย่างนี้
ผมพยุงเขาให้ยืนขึ้น ประคองร่างที่มีความสูงใกล้เคียงกันแต่เพรียวบางกว่าเอาไว้ ใช้ตัวเองเป็นหลักให้เขายึดเกาะระหว่างที่ผมเจรจากับจ่าสืบสวนจากสถานีตำรวจนครบาลเขตเวสต์มินสเตอร์ซึ่งมาถึงที่เกิดเหตุก่อนถึงความจำเป็นที่จะต้องพา ดร. ฟอล์กเนอร์ ซึ่งเป็นพยานปากหนึ่งในเรื่องที่กลายเป็นคดีขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด ดูเหมือนว่า เขาจะรู้จักและเข้าใจความจำเป็นนั้นดี และยืนยันว่าสามารถสืบค้นที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับ ดร. ฟอล์กเนอร์ได้ เพราะมีชื่ออยู่ในทำเนียบแพทย์นิติเวชและพยาธิแพทย์ของกระทรวงมหาดไทย เราจึงแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและสำคัญพอตัวไปได้เรื่องหนึ่ง
แม็กซ์ บาร์เทิลบี้ เบต้าชายคนแรกที่เข้ามาช่วยตั้งแต่นำตัวของเซบาสเตียนขึ้นจากน้ำ เสนอตัวช่วยพา ดร. ฟอล์กเนอร์ไปที่รถ เพื่อที่ผมซึ่งเป็นอัลฟ่าจะได้ไม่ต้องใกล้ชิดกับเขามากเกินไป และผมจะได้หอบหิ้วของใช้ของแพทย์นิติเวชไปที่รถได้สะดวกขึ้น ผมเกือบปฏิเสธความช่วยเหลือที่เขาหยิบยื่นให้ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจให้เขามาส่งถึงรถ ก่อนเขาจะลากลับไป
ผมยอมรับว่า ผมไม่เคยรับมือกับโอเมก้าอื่นนอกจากน้องสาวของตัวเองซึ่งฟีโรโมนของเธอไม่ส่งผลกับคนที่เป็นญาติสายเลือดเดียวกันมาก่อน แต่ผมเข้าใจความทุกข์และความทรมานของการที่สมอง หัวใจ และสัญชาตญาณขัดแย้งกันไปคนละทิศละทาง และการที่ผมไม่สามารถช่วยเหลือคนที่รักหรือผูกพันที่อยู่ตรงหน้าได้ก็เป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่งเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ผมไม่มีเวลาสำหรับการปลอบโยนหรือโอบกอดโอเมก้าที่นอนขดตัวอยู่บนเบาะหลังได้ เพราะผมต้องรีบพาเขากลับไปยังที่หมาย ก่อนที่ฤทธิ์ของสเปรย์กลบกลิ่นฟีโรโมนจะหมดไป ก่อนที่โทเบียส ฟอล์กเนอร์จะเข้าสู่ช่วงฮีทเต็มตัว หรือก่อนที่ผมจะกลายเป็นฝ่ายตกอยู่ภายใต้สัญชาตญาณของสัตว์เพศผู้ที่ได้กลิ่นเพศเมียที่กำลังติดสัดเสียเอง
ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ ใบหน้าของเขา ดวงตาของเขา กลิ่นประจำตัวของเขา ร่างกายของเขาที่อยู่ภายใต้เสื้อผ้าชุ่มน้ำทำให้ผมใจสั่นและลมหายใจสะดุดขึ้นมากะทันหันอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนที่จะทันหันกลับไป ผมถึงกับสะดุ้งสุดตัวกับสิ่งที่เห็น
ดร. ฟอล์กเนอร์กำลังถอดเสื้อผ้า
ผมตกใจและสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ แต่ไม่นานนัก ผมก็อดไม่ได้ที่จะถอนใจเฮือกด้วยความโล่งอก แม้ว่าความโล่งใจนั้นจะมีน้ำหนักของความเห็นใจและเข้าใจอยู่มากกว่าหลายเท่าก็ตาม
การแปลงจากร่างคนไปสู่ร่างสัตว์ไม่ใช่เรื่องสนุก และไม่ใช่สิ่งที่เชพชิฟเตอร์ส่วนใหญ่อยากทำ ถ้าไม่จำเป็นถึงที่สุด และเพื่อเราทั้งสองคน ดร. ฟอล์กเนอร์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแปลงกลับเป็นร่างสัตว์ของตนเอง
แม้จะสัมผัสฟีโรโมนจากโอเมก้าที่กำลังอยู่ในช่วงฮีทได้ แต่แรงดึงดูดของฟีโรโมนจากร่างสัตว์ส่งผลต่อเชปชิฟเตอร์ในร่างมนุษย์ตามปกติน้อยกว่าหลายเท่า ทว่าอาจมีผลต่อเชปชิฟเตอร์ที่อยู่ในร่างสัตว์จำพวกเดียวกัน และถึงแม้การอยู่ในร่างสัตว์จะทำให้ปลอดภัยมากขึ้นกว่าตอนอยู่ในร่างมนุษย์ แต่มีข้อเสียประการสำคัญ คือ สัญชาตญาณการสืบพันธุ์แบบสัตว์จะรุนแรงตามร่างที่เปลี่ยนไป สำนึกรู้แบบมนุษย์จะอ่อนกำลังลง และหากพบกับเชปชิฟเตอร์ในร่างสัตว์ชนิดเดียวกัน โอกาสที่จะเมทกันตามสัญชาตญาณย่อมเกิดขึ้นได้มากกว่า
แม้จะไม่ได้ส่งเสียงร้องอย่างแมวบ้านที่อยู่ในช่วงฮีท แต่โอเมก้าหนุ่มที่อยู่ในร่างแมวป่าขนสีเทาปนน้ำตาลตัวใหญ่ทำเสียงครางในลำคอ เดินไปมาอยู่บนเบาะหลังอย่างกระวนกระวาย หางยาวของเขาส่ายไปมาในอากาศ ในบางครั้งเขาก็ถูหน้าผาก หลัง และคางเข้ากับด้านหลังที่นั่งคนขับของผม และบางครั้งก็นอนลงกลิ้งตัวไปมาอยู่บนกองเสื้อผ้าของตนเองที่เขาถอดวางเอาไว้ตรงนั้น ดวงตาสีเขียวสว่างที่เคยคมกริบขุ่นมัวด้วยความปั่นป่วนที่ทำให้เขาแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง
สิ่งที่ผมรู้แน่แก่ใจ คือ คนที่ไม่มีวันยอมจำนนจนกว่าจะได้พยายามถึงที่สุดแล้วอย่างเขา กำลังพยายามควบคุมตัวเองในร่างนี้อย่างเต็มความสามารถเท่าที่สำนึกความเป็นมนุษย์ที่ยังหลงเหลือจะเอื้อให้ทำได้
ผมออกรถ ถึงจะไม่คุ้นมือกับรถเขาเท่าใดนัก แต่ผมก็พยายามขับไปตามทางลัดเพื่อให้ถึงที่อยู่ของ ดร. ฟอล์กเนอร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่แมวป่าที่อยู่บนเบาะหลังรถจะต้องทนทรมานอยู่ในร่างสัตว์ของตัวเองนานเกินกว่าความจำเป็น
ตลอดเวลาที่ขับรถจากรีเจนท์สพาร์คมายังบ้านของเขาในย่านฮอลบอร์น เป็นช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผม
เมื่อหาที่จอดได้เรียบร้อยแล้ว ผมต้องตั้งสติครู่หนึ่งเพื่อทบทวนรหัสสำหรับเปิดประตูบ้านของเขา จากนั้นก็รวบเอาตัวโทเบียส ฟอล์กเนอร์ที่ยังคงอยู่ในร่างแมวป่าพร้อมกับเสื้อผ้าและของใช้สำคัญอื่น ๆ ของเขาออกมาจากรถ ผมถลันตรงไปที่ประตูรั้วบอกตัวเองว่า อย่าลนลานจนควบคุมตัวเองไม่ได้และต้องมีสติทำทุกอย่างเพื่อให้เขาเข้าไปในบ้านให้ได้เร็วที่สุด
ทันทีที่ผมเปิดประตูห้องนอนของเขาให้ ดร. ฟอล์กเนอร์ในร่างแมวป่าก็กระโจนตรงเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่ร่างเล็กสีเทาสลับลายสีดำนั้นจะคืนกลับเป็นร่างเปลือยเปล่าของมนุษย์ที่เอื้อมมือออกไปเปิดฝักบัวใช้น้ำราดรดตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าเพื่อเรียกสติ เจือจางกลิ่นและชะล้างร่องรอยบนร่างกายที่แสดงให้เห็นว่าเขากำลังปรับตัวให้พร้อมรองรับการเมทกับอัลฟ่า
น้ำอาจช่วยได้บ้าง แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
กลิ่นประจำตัวของเขา ฟีโรโมนของโอเมก้า ไม่ได้เป็นแค่สองสิ่งที่ทำให้หัวใจของผมเต้นถี่ขึ้น แต่เป็นทุกอย่างที่ปรากฏต่อสายตาและทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในผัสสะต่าง ๆ ที่ผมมี
น้ำจากฝักบัวที่เปิดจนสุดไหลต้องใบหน้าที่สวยงามแทบไม่ต่างจากผู้หญิง หยาดหยดลงมาตามเส้นผมสีทรายที่เปียกลู่ รินไหลลงมาตามแขน ขา แผ่นหลัง ตลอดร่างสูงเพรียวแต่ไม่บอบบาง ทว่ามีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งอย่างที่ผู้ชายรูปร่างสมส่วนคนหนึ่งพึงมี และตกกระทบกับมือของเขาที่ลูบสัมผัสใบหน้า ต้นคอ และแผ่นอกที่สะท้อนขึ้นลงตามการหายใจหนักหน่วง
“ดร. ฟอล์กเนอร์....”
ผมเรียกชื่อของเขา แต่เจ้าของชื่อนั้นไม่ได้เอ่ยตอบ ทว่ารับรู้ และหันหน้ามาทางผมซึ่งอยู่ห่างจากเขาเพียงกระจกกั้น
เสียงหอบหายใจของเขา สายตาของเขาที่เหลือบมองมา เป็นเสียงที่กระตุ้นเตือนให้ผมนึกถึงเสียงและสายตาของเขายามที่ร่างกายของเราต่างแนบชิดกันในสภาพที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ ต่างกันเพียงแค่ ณ เวลานั้น หยาดน้ำบนผิวเนื้อของเขาเป็นหยาดเหงื่อจากความร้อนที่เกิดจากการเคลื่อนไหวตอบสนองความต้องการของกันและกัน และสิ่งที่สะท้อนในดวงตาของเขาเป็นความปรารถนาที่เกิดจากความเต็มใจ ไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสัญชาตญาณใดทั้งสิ้น
“ผมไม่เป็นไร...”
มีร่องรอยของความหวาดหวั่นแฝงอยู่ในดวงตาที่เริ่มแดงก่ำคู่นั้น เมื่อเห็นผมเลื่อนประตูกระจกของฉากกั้นที่อาบน้ำออก แต่ที่สุดแล้ว เขาก็ปิดฝักบัวและก้าวออกมาหา ยินยอมให้ผมใช้เสื้อคลุมอาบน้ำห่อหุ้มร่างและกอดรวบตัวของเขาเอาไว้ในอ้อมแขนครู่หนึ่ง จึงผละจากกัน ก่อนที่สัญชาตญาณของโอเมก้าของเขาจะต้องการผมไปมากกว่านี้ ก่อนที่สัญชาตญาณของอัลฟ่าจะทำให้ผมสร้างบาดแผลเพิ่มเติมให้กับเขา และก่อนที่เราจะต้องเสียใจกับสิ่งที่เรายังไม่พร้อมและไม่อยากให้เกิดขึ้น
“ไปเถอะครับ สารวัตร ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง” เขาฝืนยิ้ม “ไม่ต้องห่วง... เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมจะติดต่อกลับไปหาเอง”
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายของวันนั้นที่ผมได้พูดคุยและพบกับโทเบียส ฟอล์กเนอร์
To be continued....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in