ฝนตกหนัก
ฝนเทลงมาระหว่างที่เราเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งเฮเธอร์ของนอร์ทยอร์กเชียร์ บ้านเกิดของผม
เสื้อกันฝนที่เตรียมมาช่วยไม่ได้มากนัก โดยเฉพาะเมื่อมีลมแรงพัดฝนให้สาดเข้าหาเราจากทุกทิศทาง
ผมเอื้อมมือไปหาโทบี้ เขาเองก็ทำเช่นเดียวกัน มือของเราคว้าจับมือของกันและกันเอาไว้
โชคยังดีที่เส้นทางที่เราใช้เดินเป็นเส้นทางที่เรามักใช้อยู่ประจำ เป็นเส้นทางโปรดสำหรับเดินระยะไกล
การฝ่าฝนกลับที่พักหรือหาผับสักที่พักหลบฝนเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าการยืนตากฝนอยู่กลางทุ่ง
เมื่อเดินไปได้ระยะหนึ่ง ฝนก็ซาลงจนพอจะเดินได้ แต่หนทางชื้นแฉะก็ทำให้เดินลำบากพอตัว
ถึงจะมีไม้เท้าสำหรับเดินทางไกลคนละอัน แต่เราก็เลือกจับมือกันเอาไว้ตลอดทางจนกระทั่งถึงที่พัก
“คุณไปอาบน้ำก่อนเลย”
โทบี้ที่เป็นคนถือกุญแจห้องและเปิดประตูห้องพักเราเข้าไปเป็นคนแรกบอก โยนผ้าเช็ดตัวให้ผม
จากนั้นก็ควานหาผ้าเช็ดแว่นตาที่พราวไปด้วยเม็ดฝนสำหรับตัวเองเป็นอย่างแรก
แต่ผมก็สังเกตเห็นว่า ไม่ได้มีแค่ผมที่หนาวจากความชื้นจนมือสั่น ปากสั่น
“อาบพร้อมกันดีกว่า” ผมเสนอ “คุณต้องการน้ำอุ่นเหมือนผมนั่นแหละ”
เขาสวมแว่นสายตากลับเข้าที่และเงยหน้าขึ้นมองผม
“โอเค”
การอาบน้ำพร้อมกันเป็นไอเดียที่ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ ผมยอมรับ
โดยเฉพาะเมื่อมีผู้ชายตัวสูงสองคนที่สูงจนหัวเกือบชนฝักบัวสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน
ตัวของเราเบียดชิดกัน กลิ่นประจำตัวจากร่างกายของเขาหอมเหมือนกลิ่นเฮเธอร์ต้องฝน
“โอ๊ย”
ทั้งผมและเขาต่างยกมือขึ้นกุมศีรษะหลังจากที่ต่างคนต่างใจตรงกันจะหันไปหยิบสบู่
เป็นจังหวะนั้นเองที่ศีรษะของเราชนกันเข้าพอดี จากนั้นเราก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะ
“ผมว่าเรารีบจัดการธุระเรื่องนี้ให้เสร็จกันดีกว่า...” ผมว่า
โทบี้ฟังแล้วก็มองผมกลับมาอย่างรู้กัน
“รีบอาบน้ำแล้วออกไปเถอะ”
ไม่มีอะไรยอดเยี่ยมไปกว่านี้อีกแล้ว
การกินอาหารกับไวน์หลังจากเปียกโชกและหิวโซกลับมาจากการเดินตากฝนยอดเยี่ยมที่สุด
เราอาบน้ำแล้วรีบแต่งตัวออกไปที่ร้านอาหารใกล้กับเบดแอนด์เบรกฟาสต์ที่เราพักอยู่
จากนั้นเรายังคงใช้เวลาอ้อยอิ่งอยู่ในเมืองด้วยการลงไปเดินในตัวเมืองหลังฝนตก
และเดินกลับที่พักอย่างไม่รีบร้อน คุยเรื่องสัพเพเหระที่ไม่ได้คุยกันในวันทำงานไปเรื่อย
เราอยากให้วันหยุดของเราสมเป็นวันหยุดอย่างแท้จริงโดยไม่มีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้อง
ไม่น่าเชื่อเลยว่า ผมจะมีช่วงเวลาอย่างนี้ในชีวิตอีกครั้ง
ตั้งแต่ภรรยาเสียชีวิต ชีวิตของผมมีแค่งาน ไม่มีใครผ่านมาในชีวิตอย่างจริงจัง
จนกระทั่งผมได้พบกับโทบี้ ฟอล์กเนอร์ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุดในการทำความรู้จักกัน
แต่เวลาก็ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ผมที่ไม่คิดเรื่องจะเริ่มต้นใหม่กับใครแล้ว ยังมีเขาอยู่ข้างกาย
“คุณเงียบไป คิดอะไรอยู่”
แพทย์นิติเวชถามขึ้นเมื่อถึงห้อง หลังจากเราต่างคนต่างเงียบไป เมื่อเดินกลับถึงที่พัก
“หลายเรื่องเลยละ” ผมตอบตามตรง “เรื่องแมรี่ เรื่องตัวเอง เรื่องคุณ แล้วก็เรื่องของเรา”
โทบี้มองผมนิ่งอยู่ ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่มเติม เพียงแต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“จนถึงวันนี้ ผมก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่า จะได้เจอคุณ”
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม สอดปลายนิ้วแทรกเส้นผมของผมอย่างนุ่มนวล
ประคองใบหน้าของผมที่นั่งอยู่บนขอบเตียงให้เงยขึ้น และก้มหน้าลงมาหาผม
แนบริมฝีปากของเขาเหนือริมฝีปากของผม สัมผัสแรกเกิดขึ้นเพียงแผ่วผ่าน
แต่ความรู้สึกที่ถูกถ่ายทอดมาถึงผมกลับลึกซึ้งกว่านั้นหลายเท่า
เขาแนบหน้าผากของเขาเหนือหน้าผากของผมและถูเบา ๆ เมื่อเราผละจากกัน
ไม่นานนัก เขาก็แนบริมฝีปากของเขาเหนือริมฝีปากของผมอีกครั้ง
คราวนี้ เนิ่นนานกว่าคราวก่อน แต่ยังคงนุ่มนวลและอ่อนโยนดังเดิม
ผมหลับตาลง และตอบสนองสัมผัสจากริมฝีปากของเขา
มีใครสักคนกล่าวว่า จูบเป็นการสื่อสารที่ดีที่สุดเมื่อมีคำพูดมากมายเกินจะเอ่ย
ผมเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น
โดยเฉพาะเมื่อเวลาที่ปากพูดในสิ่งที่จะต้องรู้สึกว่าไม่เข้าท่าและเสียใจที่พูดมันออกมา
“เรารู้จักกันมานานเท่าไหร่แล้วนะ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอย่างนั้นออกมาทำไม
ผมเพียงแต่อยากให้เราอยู่กับไปอย่างนี้ให้นานที่สุด แต่คำพูดกลับไม่เป็นใจ
“ไม่นาน” โทบี้เอ่ยกลั้วหัวเราะ “แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก จริงไหม”
เขาสรุปทุกอย่างที่ผมอยากจะพูดไปหมดแล้ว
ผมจูบเขา และเขาไม่ว่าอะไร เมื่อผมดึงเขาลงไปนอนด้วยกันบนเตียง
เขาถอดแว่นสายตาออกวางบนโต๊ะข้างเตียง
รั้งตัวผมให้เข้าไปหา เมื่อผมก้มลงจูบเขาอีกครั้งขณะเบียดตัวแทรกระหว่างต้นขาของเขา
จูบของเราในคราวนี้แนบแน่น ลึกซึ้งกว่าครั้งที่ผ่านมา และมีรสชาติของความรู้สึกที่ต่างออกไป
เมื่อบทสนทนาที่ปราศจากคำพูดของเราเปลี่ยนสถานที่จากริมฝีปากเป็นลิ้นที่ซอนไซ้หากัน
สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ทำให้ผมอดคิดถึงครั้งแรกที่เราพบหน้ากันไม่ได้
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และส่วนหนึ่งเกิดขึ้นเพราะฤทธิ์แรงดึงดูดระหว่างอัลฟ่ากับโอเมก้า
แต่ในเวลานี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่แท้จริง ที่เราต่างรู้แน่แก่ใจของตัวเองว่า ‘ต้องการ’
เป็นความต้องการที่เกิดจากความรับรู้ร่วมกัน ความมีสติสัมปชัญญะ และความพึงพอใจในกันและกัน
ในเวลานี้ เรายังไม่สามารถมีความสัมพันธ์ในแบบที่โอเมก้าและอัลฟ่าคู่อื่นมีได้
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะอย่างน้อยสิ่งที่เราทำให้กันก็เป็นกระทำที่เสมอภาคกันดี
ปัญหาของเราในตอนนี้ คือ เราต่างปรารถนาในกันเกินกว่าจะเสียเวลาถอดเสื้อผ้าออกมากกว่า
ผมดีงเสื้อไหมพรมคอปิดของเขาขึ้นเหนือหน้าท้อง ปลดซิปกางเกงของเขาแล้วดึงลงมา
โทบี้ช่วยทำอย่างเดียวกัน เมื่อผมยืดตัวขึ้น และถอดเสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อยืดที่สวมอยู่ออก
มีคำกล่าวว่ามือของแพทย์นุ่มนวล มือของโทบี้ก็เป็นเช่นนั้น... นุ่มนวลและรู้จังหวะ
แต่ในไม่ช้า เขาก็ปล่อยมือ และใช้สองแขนโอบรอบคำผมไว้เมื่อร่างกายเราเบียดชิดกัน
เราต่างคนต่างตอบสนองความต้องการของกันและกันด้วยความเคลื่อนไหวที่สอดคล้อง
เหมือนยามที่เราก้าวเดินไปพร้อมกันบนทางเดินกลางทุ่งเฮเธอร์ และลงเอยด้วยการเปียกปอนทั้งคู่
แต่สิ่งที่ตกต้องร่างกายของเขาเมื่อถึงที่หมายไม่ใช่สายฝนที่เย็นยะเยือก ทว่าอบอุ่นกว่านั้นหลายเท่า
ฝนที่หยุดไปกลับมาตกใหม่อีกครั้งเมื่อเราผละจากกัน
ผมให้โทบี้เข้าไปใช้ห้องน้ำก่อน เพราะสรีระของอัลฟ่ามีเรื่องที่น่ารำคาญบางอย่าง
และนั่นทำให้ผมไม่สามารถลุกไปไหนมาไหนได้สะดวกมากนักหลังจากที่มีอะไรกันแล้ว
ไม่นาน โทบี้ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ สวมเสื้อยืดกับกางเกงนอนขายาว ก่อนนั่งลงบนขอบเตียง
“ผมใช้ห้องน้ำเสร็จแล้ว คุณโอเคหรือยัง” เขาถาม ยื่นมือให้ผมจับแล้วดึงผมให้ลุกขึ้นนั่ง
“เกือบ ๆ แต่อาบน้ำแล้วน่าจะโอเค” ผมตอบตามตรง การมีน็อตไม่ควรเป็นปมเขื่องได้เลย
เมื่อผมลุกขึ้นแล้ว โทบี้ก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแทนที่
“ผมไม่เคยคิดว่าการมา hiking จะใช้พลังงานเยอะขนาดนี้”
ผมไม่แน่ใจว่าเขาตั้งใจจะพูดเล่นหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดหัวเราะไม่ได้
“ถ้าผมชวนมา จะมาอีกไหม” ผมถาม
คำถามนั้นทำให้เขาหัวเราะออกมา ก่อนจะทำเสียงอืมยาวในลำคอเหมือนคิดหนัก
“ถ้าคนชวนเป็นคุณ และถ้าผมจัดเวลาตัวเองได้ ก็ไม่มีผลที่จะต้องปฏิเสธนี่นะ”
“แล้วพรุ่งนี้ล่ะ”
“พิพิธภัณฑ์ เที่ยวเมืองข้าง ๆ หรือเดินในทุ่งเฮเธอร์อีก ผมก็ไม่เกี่ยง”
"ผมชอบและอยากใช้เวลาอยู่กับคุณ..." โทบี้เอ่ยด้วยท่าทางขัดเขินเล็กน้อย
“แต่ตอนนี้ผมคิดว่า คุณควรเลิกยืนแก้ผ้าคุยกับผมได้แล้ว ไมเคิล ไปอาบน้ำ ไป”
============= The End =============
หมายเหตุ:
มีที่มาจาก Love Scene Challenge ที่ไม่คิดว่าจะมีคนจิ้มเยอะ
ตอนแรกว่าจะตัด 50 likes เที่ยงคืน เขียนแค่ gentle kiss
แต่ตอนนี้ มัน 200 likes เข้าไปแล้ว สองร้อยก็สองร้อย แต่ไม่มากกว่านี้แล้วนะคะ ><
ประโยคนี้สวยจังงง เป็นเขินๆ