Title : Allergy
Pairing : Lin Yuzhi x Ye Ziming [Youth EnergyF] #เกื้อมิ่ง #จื๋อหมิง
Fandom : Qing Chun You Ni
Genre : One Shot
Note : เหตุเกิดจากที่พี่ในด้อมแปลโพสต์ว่าเย่จึแพ้ขนแมวค่ะ uwu
ในเรื่องนี้ พี่หลินอวี๋จื๋อชื่อเกื้อนะคะ ส่วนเย่จึชื่อ มิ่ง/หมิง แต่งแยกจาก AU ออฟฟิศที่เราและพี่ๆเพื่อนๆในด้อมกาวกันไว้ ไปอ่านขำๆได้ที่โมเม้นนี้ในทวิตค่ะ ////
เกื้อมิ่ง1 เกื้อมิ่ง2 ซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่มีก็แร้วแต่พวกเราจะกาวเลยค่ะ เปนเอยูร่วมด้วยช่วยกันชง จะไปเรือไหนก็ตามใจได้เลย555555555 โคตรไม่เกี่ยว เอาเป็นว่าคู่ชิปชื่อเกื้อมิ่งค่ะ
---------------------------------------------------------
"มิ่ง! ทำไมมึงเอาแมวมาเลี้ยงในห้อง!" เสียงตะโกนดังมาจากห้องนั่งเล่น ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็ดูหัวเสียไม่น้อย
นั่นเป็นเสียงของเกื้อ เพื่อนสนิทที่เข้าออกห้องของมิ่งเมืองเป็นว่าเล่นราวกับว่านี่เป็นบ้านของตัวเอง
มิ่งเมืองกำลังวุ่นวายกับการเอาของที่เพิ่งซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตใส่ตู้เย็น เก็บข้าวเก็บของในครัวและเจ้าคนโวยวายนอกห้องเรื่องแมวก็เป็นคนไปซื้อของช่วยแล้วก็หิ้วขึ้นมานั่นแหละ
มิ่งเมืองไม่ได้ตอบประโยคที่อีกคนตะโกนถามอย่างเกรี้ยวกราดเมื่อสักครู่นี้ เขาเก็บของต่ออีกนิดหน่อยเมื่อเสร็จแล้วจึงเดินกลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น
เกื้อนั่งกอดอกมองเขาอย่างคาดโทษ ส่วนแมวเหมียวสีเทาก็ยังเดินไปรอบๆห้อง
"ก็มันหลงมา สงสารมันก็เลยเอามาเลี้ยง มึงทิ้งแมวได้เหรอวะเกื้อ"
"มึง! ลืม! เหรอ! ว่า ! มึง! แพ้! ขน! แมว!" คนหน้ามุ่ยพูดย้ำๆทีละคำอย่างชัดๆราวกับจะเตือนทาสแมวผู้ลืมตนคนนี้
"ก็..."
"ความทาสแมวทาสหมาของเจ้ากำลังจะทำให้เจ้าฉิบหาย"
"..."
"เจ้าควรต่อต้าน ไม่ใช่เข้าร่วม! แมวกำลังจะครองโลก!"
"ดีแล้วป่ะที่กูไม่เอางูมาเลี้ยง"
"มึงเคยเลี้ยง กูจำได้"
นายมิ่งเมืองจะเลี้ยงทุกอย่างที่เลี้ยงได้ กลัวใจเหลือเกินว่าสักวันจะเห็นลูกสิงโตเดินในบ้าน
จิรัฐกลัวเหลือเกิน
"...."
"แล้วมึงแพ้ขนแมวมึงจะเลี้ยงมันได้ไง เผื่อมึงตายกุจะไปรู้ไหมว่ามึงตายไปแล้วกี่วัน เจอทีมึงขึ้นอืดงี้ รักสัตว์อะไรนักหนา มึงเป็นพ่อนักบุญเหรอ" นายจิรัฐบ่นมิ่งเมืองเสียยาวเหยียดและรัวเป็นชุดไม่ให้อีกฝ่ายได้พูดแทรก
"ปากดีนักนะมึงไอ้เหี้ยเกื้อ ไอ้คนบาป โลกใบนี้มีสิ่งทีเรียกว่ายาแก้แ-- ฮัดชิ้ว"
แมวน้อยสีเทาเดินมาคลอเคลียมิ่งเมืองอีกแล้ว จมูกแดงๆของเขาก็คงจะทนไม่ไหวแต่ใจมันรักเสียเหลือเกิน ถึงจะจาม ทาสแมวอย่างมิ่งเมืองก็คงยอมอย่างไม่ต้องสงสัย
"อ่ะ เนี่ย พูดไม่ทันขาดคำดิ จามละ"
"เออ กูกินยาแก้แพ้ได้น่า"
'มึงรู้ป่ะ...ว่ากินยาแก้แพ้เยอะๆแล้วสมรรถภาพทางเพศเสื่อมได้นะ หมอเขาบอกมา" จิรัฐแกล้งทำเป็นใช้สายตาโลมเลียแล้วมองลงไปที่กางเกงของอีกคน
"มึงสิเสื่อม ไอ้เหี้ย" มิ่งเมืองหน้าร้อนขึ้นมาแต่ปากก็ยังไม่วายจะด่าคนปากเสียที่นั่งอยู่บนโซฟา
"กูรอดูเลยน้าตอนเช้าแปดโมงตรงอ่ะ"
"มาดูไรของกู ดูของมึงไปดิ!"
"คิกค้ากครับผม อ่ะ ว่าแต่ว่า ไหนอะ ยาแก้แพ้มึง มีด้วยเหรอ"
"อยู่ในตู้เล็กตรงนู้นอะ ไปหยิบให้หน่อย" มิ่งเมืองตอบระหว่างย่อลงมาเล่นกับเจ้าแมวสีเทา
'เอาแต่สนใจแมว ตู้ไหนยังไม่หันมาชี้เลย' จิรัฐบ่นในใจแต่ยังไงก็ามเขารู้ว่าตู้ไหนเพราะเขาแทบจะรู้จักทุกซอกทุกมุมของที่นี่แล้ว เจ้าคนที่มัวแต่เล่นแมวอยู่ตรงนั้นจะรู้ได้เท่าเขารึเปล่าก็ไม่รู้
เขาก็รู้ทุกอย่างที่เป็นของมิ่งเมือง
อันที่จริงต้องบอกว่า แม้แต่ใจของมิ่งเมืองเขาก็รู้
.
.
.
.
.
.
.
มิ่งเมืองคงจะเพิ่งนึกออกว่ายาแก้แพ้เม็ดสุดท้ายกินหมดไปเมื่อวาน ในตู้เหลือแค่ยากับพลาสเตอร์แปะง่อยๆ จิรัฐจึงอาสา (ปากบอกอาสา ทั้งๆที่ในใจของจิรัฐก็ทำทุกอย่างเพื่อมิ่งเมืองชัดๆ ใครๆที่ออฟฟิศก็รู้ ไม่รู้แค่มิ่งเมืองคนเดียวนี่แหละ) เดินออกมาซื้อให้
ระหว่างทางไปร้านขายยาที่อีกไม่กี่สิบเมตรก็จะถึง หางตาก็ดันไปเห็นป้ายกระดาษอะไรบางอย่างแปะอยู่ที่เสาไฟฟ้า
ประกาศแมวหาย แมวสีเทา...
หน้าตาเหมือนกับเจ้าตัวที่บ้านมิ่งเมืองเปี๊ยบยังกับเลขสิบเอ็ด
เขาเก็บป้ายประกาศตามหาแมวใส่กระเป๋ากางเกงแล้วแวะซื้อยาแก้แพ้แล้วจึงกลับไปหาคุณทาสแมวที่คงไม่ได้รอให้เขาซื้อยามาให้ แต่กำลังเล่นแมวอย่างมีความสุข
.
.
.
.
.
"อ้ามเจ้าแมวว อ้ามม"
สิ่งที่นายจิรัฐเห็นก็คือแมวอ้วนกำลังนอนทับอกคนตัวเล็กที่นอนอยู่บนโซฟาอีกทีแล้วก็ถือขนมอะไรสักอย่างล่อแมว แล้วก็ขำคิกคักกับแมวทั้งๆที่คนแพ้แมวไม่ควรจะทำแบบนั้น
แต่คนอย่างมิ่งเมืองห้ามได้ที่ไหนกัน
"ซื้อยามาให้แล้ว อย่าเล่นกับมันขนาดนั้น เดี๋ยวมึงก็ป่วยหรอก มันจะติดมึงนะ"
"มันก็ต้องติดกูสิ กูเป็นเจ้านายมันแล้วนะ" คนตัวเล็กลูบหัวแมวเบาๆ
จิรัฐส่ายหัวแล้วยื่นกระดาษที่เก็บมาจากด้านล่างให้กับมิ่งเมือง
"กูว่าเจ้าของเขาคิดถึงมันแย่แล้วนะ"
"พระเอกเลยนะมึงจุดนี้"
"เปล่า กูแค่กลัวมึงเป็นผู้บ่าวกินแมว"
"สัส"
.
.
.
.
.
วันนี้มิ่งเมืองกับจิรัฐมารออยู่ที่คาเฟ่แห่งหนึ่งใกล้บ้านเพื่อรอให้เจ้าของตัวจริงมารับเจ้าก้อนขนฟูกลับบ้าน มิ่งเมืองบอกจิรัฐว่าไม่ต้องมาด้วยก็ได้ ก็แค่คืนแมว แต่จิรัฐยังคงยืนกรานที่จะมาด้วย โดยให้เหตุผลว่าอยากกินกาแฟร้านที่จะเอาแมวไปคืน ไม่ได้อยากมาเป็นเพื่อนมิ่งเมืองสักนิด
มิ่งเมืองจึงเออออห่อหมกไปตามเรื่อง
แต่ทว่า
มิ่งเมืองช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่ มันแฝงอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น
นายเกื้อจิรัฐแค่รู้สึกอยากมาด้วยเพราะแค่หงุดหงิดใจที่ได้ยินมิ่งเมืองโทรหาเจ้าของแมวแล้วหัวร่อต่อกระซิก
อะไรกันขนาดนั้น..
แค่คืนแมว ต้องคุยกันนานขนาดนั้นเลย
ไม่ได้ เขาจะต้องมาดูสักหน่อย
ไม่นานนักคุณผู้หญิงสวมเดรสสีเหลืองอ่อนเดินเข้ามาในร้าน เธอมองซ้ายมองขวาและสายตามาหยุดอยู่ที่โต๊ะของชายฉกรรจ์-สองคนที่กำลังอุ้มแมวของเธออยู่ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆชัดเจนขึ้นเมื่อเธอใกล้เข้ามาที่โต๊ะ เธอส่งรอยยิ้มที่สดใสราวกับดวงอาทิตย์ในยามฤดูใบไม้ผลิยังไงอย่างนั้น
'แค่เสียงก็สวยแล้ว ตัวจริงสวยกว่าอีกนะเนี่ย' ยอมรับกันตรงๆว่ามิ่งเมืองก็อดที่จะชมในใจไม่ได้
"สวัสดีค่ะ เราเป็นเจ้าของแมว ขอบคุณมากเลยนะคะที่อุตส่าห์เจอน้องแล้วก็ดูแลให้ตั้งหลายวัน"
"ไม่เป็นไรเลยครับ น้องน่ารักมากๆ ไม่ดื้อไม่ซนเลย" มิ่งเมืองตอบเธอกลับด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน
เขาอุ้มแมวแล้วส่งให้กับคุณผู้หญิงเดรสสีเหลืองตรงหน้า
"ทานอะไรรึยังคะ เดี๋ยวเราเลี้ยงก็ได้"
"อ๋อ ไม่เป็นไรครับๆ สั่งไปแล้ว ไม่รบกวนดีกว่าครับ"
"ไม่รบกวนเลยนะคะ เรานี่แหละค่ะรบกวนคุณ เกรงใจจัง งั้นถ้าไม่เลี้ยงมื้อนี้ ขอทักไปชวนคุยมื้อหน้าได้ไหมคะ"
"เอาไงดีละครับ ฮ่าๆๆ" เขาเกาคอแก้เก้อ
"ไม่น่าจะได้สินะคะ คนแถวนี้ตาขวางใหญ่แล้ว" เธอออกปากเอ่ยแซวบุรุษที่นั่งเงียบๆข้างมิ่งเมืองที่ไม่พูดไม่จามาสักพักแล้ว
"มันไม่ใช่แฟนผมนะครับ ไอ้นี่อะ!" มิ่งสั่นหัวดิกๆ
"อ้าวเหรอคะ ขอโทษด้วยค่ะ- ดูเหมือนมากๆเลย ถ้าไม่สบายใจขอโทษด้วยนะคะ แต่ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ทั้งสองคนเลย ขอบคุณอีกครั้งจริงๆค่ะ คิดซะว่าน้องไปเป็นลูกเลี้ยงของคุณสองคนละกันนะคะ ฮ่าๆ" เธอพูดกลั้วหัวเราะอีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนักคุณผู้หญิงคนนั้นก็ขอตัวออกไปก่อน เธอกล่าวขอบคุณมิ่งเมืองครั้งที่เท่าไหร่แล้วเขาเองก็ไม่ได้นับ
ในร้านเหลือลูกค้าแค่ไม่กี่คน มีแค่เสียงดนตรีคลาสสิคเบาๆประกอบเพื่อไม่ให้ร้านเงียบจนเกินไป
"เขาน่ารักเนอะมึง" มิ่งเปิดประเด็นขึ้นอีกรอบ
"เอาใหญ่เลยนะครับผม"
"อย่ามา เมื่อก่อนมึงก็ขี้หลีเหอะ อะไรทำให้หยุดวะ"
"มึงไง"
เสียงเครื่องปั่นดังกลบคำเมื่อสักครู่ที่หลุดออกจากปากของเกื้อ
"อะไรนะ"
"เปล่า มึงอยากเลี้ยงแมวขนาดนั้นเลยเหรอ ตอนเขาอุ้มแมวออกไปหงอเลย"
"ทำเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง"
"ตกลงอยากเลี้ยงจริงๆปะ ถ้าไม่ใช่ตัวนี้จะอยากเลี้ยงไหม"
"อือ อยากเลี้ยง อยากกลับมาบ้านแล้วมีแมวให้น้วย ตัวไหนกูก็รักหมดแหละ ความสบายใจ มีมันแล้วบ้านจะได้ไม่เหงา อยู่กับแมวไปเรื่อยๆจะหายภูมิแพ้ไหมวะมึง แบบมีภูมิต้านทานงี้"
"ไม่รู้โว้ย ไม่ใช่หมอ"
"สัส เราแม่งไม่เคยคุยกันดีๆได้เลย เป็นเพื่อนอะไรวะ" มิ่งเมืองพูดติดตลก
"เออนั่นดิ ชอบมึงแล้วให้กูเป็นเพื่อนอ่ะนะ เพื่อนพ่อมึงดิ"
"อะไรนะ"
เสียงเครื่องปั่นดังอีกแล้ว
.
.
.
.
.
เช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสเช่นนี้ อากาศก็แสนดี แต่ทำไมเขารู้สึกหนักอกแปลกๆก็ไม่รู้แต่ก็ง่วงเกินกว่าที่จะลืมตา หากผีอำในยามเช้าตรู่แบบนี้มิ่งเมืองก็ขอเลือกที่จะนอนต่อ ไม่ขอสู้รบปรบมือกับผีตนใดอีกแล้ว
"ตื่นไอ้สัส ให้แมวข่วนหน้าก่อนปะถึงจะตื่น" เสียงมนุษย์ที่คุ้นเคยพูดอยู่เหนือเตียง
อา....นี่มนุษย์ นี่คือความรู้สึกจริงๆ
มิ่งเมืองลืมตาขึ้นมาแล้วกระพริบตาถี่ๆสองสามครั้งให้ชินกับแสงแดดที่ทะลุผ่านม่านโปร่งเข้ามาภายในห้อง ตอนนี้บนตัวเขามีแมวสีดำกำลังนั่งทับอยู่
ส่วนมนุษย์ที่เพิ่งปลุกเขาก็ยืนจังก้าอยู่ข้างๆเตียง
ตาพลันสว่างทันที
"เกื้อ! มึงเอาแมวมาจากไหน! น่ารักมากเลย"
คนที่เพิ่งตื่นนอนอย่างซึมเซาเมื่อกี้ บัดนี้ตาสว่างแถมยังลูบหัวแมวพลางหันไปเงยหน้าถามเพื่อนของเขา
"กูเห็นเขาประกาศหาบ้านให้แมวจรบนทวิต ก็เลยทักเขาไป ถ้ามึงกลัวไม่ไหวกูเลี้ยงเองก็ได้ กูก็อยากจะเลี้ยงแมวบ้างแล้ว "
"หูย พี่เกื้อทาสแมว"
"ทาสมึงเหอะ--"
"โอ๊ยยยย เสียงใครมาเลื่อยไม้ อ๊อกเหล็กแต่เช้าวะ" มิ่งเมืองพูดขัดขึ้นมา "ว่าแต่มึงพูดอะไรนะ"
"เปล่า กูว่าแมวมันก็น่ารักดี แสบๆซนๆ" เหมือนมึง
คำขยายด้านหลังเขาต่อเองในใจ
"--ลองเลี้ยงดูก็คงแปลกใหม่ กูก็ไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงในบ้านอ่ะ"
"ตั้งชื่อให้มันกันมั้ยมึง เราเลี้ยงด้วยกันก็ได้นะ"
มิ่งเมืองผมขอร้อง คุณอย่าทำเหมือนว่าเราตั้งชื่อลูก จิรัฐไม่ทน
"ตั้งว่าไงดี"
"จ๋องมั้ย"
"จ๋องไรของมึงไอ้มิ่ง"
"ไม่รู้ มึงดูดิ น้องทำหน้าจ๋อง กุว่าจ๋องเหมือนมึง ชื่อมึงก็จ.จาน จิรัฐ ชื่อกูก็มี ง.งู ไม่รู้อะ กุว่าจ๋องน่ารัก"
"ตรรกะตั้งชื่อไรของมึง"
"จ๋องลูกพ่อ!"
"เออๆ จ๋องก็จ๋อง.."
เกื้อปล่อยให้มิ่งเมืองเล่นกับลูกแมวตัวใหม่ที่เขารับเลี้ยงมาให้ เขาเลยเดินออกไปนอกห้องแล้วเลื่อนเครื่องฟอกอากาศเข้ามาในห้องนอนของมิ่งเมือง
"ละทำไมต้องเป็นตัวนี้" มิ่งเมืองหันไปถามคนที่ทำเสียงกุกกักๆอยู่ด้านนอก
จิรัฐกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเครื่องสี่เหลี่ยมขาวๆ
"อันนี้เครื่องฟอกอากาศ มันจะช่วยลดสารก่อภูมิแพ้ แล้วก็มึงก็น่าจะรู้ว่าภูมิแพ้มันรักษาให้หายขาดไม่ได้ แต่มันก็ไปฉีดภูมิคุ้มกันทีละนิดให้ร่างกายปรับตัวได้ มึงก็ไปลองดูเอานะ ถ้าจะเล่นกะมันก็กินยาแก้แพ้ด้วย ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ ส่วนจ๋องกูพาไปฉีดยาครบแล้ว ถ้าโดนจ๋องข่วนมึงก็ไม่ตายแน่นอน การันตี"
"รู้ดีไปหมด เก่งจริงๆเพื่อนผม"
"เปล่า กูก็แค่เคยได้ยินมา" เขาตอบปัดๆ
"ตอบคำถามมึงเมื่อกี้-"
"ว่ามา"
"กูว่าแมวบ้านแมวจรมันอาจจะไม่ได้น่ารักขนปุยอะไร แต่กูสงสาร มันโดนทิ้งมา กูก็อยากให้มันมีบ้านดีๆมีคนเอาใจใส่แบบมึงอะ เพราะมึงบอกว่าอยากมีแมวเพราะมึงเหงา"
"...."
"กูก็เลยคิดว่าแมวจรมันก็เหงา มันก็คงอยากมีบ้านเหมือนกันกับมึงแหละ"
"โหยยยย ใครกินจิรัฐเข้าไปครับเนี่ย!"
"สัด กูจริงจัง"
"เออผมรู้ครับ ผมแซวเฉยๆ"
"กูว่าแมวสีดำน่ารักดีด้วยแหละ ทำไมคนชอบว่ามันไม่ดีก็ไม่รู้"
"แต่มึงก็บอกว่ามันดีนี่ แค่มึงคิดว่าแมวดำตัวนี้น่ารักมึงก็ช่วยน้องได้แล้ว เห็นมั้ย จ๋องมีบ้านแล้วนะพี่เกื้อ" มิ่งเมืองอุ้มแมวมายกขาหน้าแล้วโบกให้คนที่อยู่ตรงหน้า
พระเจ้า มิ่งเมือง หยุดก่อน กระผมนายจิรัฐชักจะไม่ไหวแล้ว วอนจ๋องข่วนหน้าพี่ให้ได้สติ
"เออละเครื่องฟอกอากาศแพงอะ กูผ่อนกับมึงก่อนได้มั้ย" มิ่งเมืองพูดขึ้นมาทำลายภวังค์ความคิดของเกื้อ
"ผ่อนเผิ่นไร ที่บ้านกูมีเยอะ นี่กูเอามาให้มึงเฉยๆ อย่าไปซีเรียส"
"เกื้อ กูถามจริง ทำไมมึงมีทุกอย่างเผื่อกูตลอดเลยวะ"
"กูรวย จบปะ"
"โว้ย ไม่ถามก็ได้ ไอ้เหี้ย" มิ่งเมืองหันกลับไปเล่นกับลูกชายคนใหม่อีกครั้ง
อันที่จริงจิรัฐไปซื้อเครื่องฟอกอากาศมาให้มิ่งเมืองตั้งแต่วันที่รับแมวมาเลี้ยง พร้อมกับหาข้อมูลเรื่องทีเขาพูดยาวเหยียดเมื่อสักครู่นี้ ถึงไม่อยากให้เลี้ยงเพราะกลัวอีกคนจะแพ้ จะไม่สบาย จะหายใจลำบาก แต่มิ่งเมืองอยากเลี้ยงเขาก็จะหาให้ แล้วก็จะหาวิธีที่ไม่ทำให้ป่วยไปมากกว่านี้
ก็เหมือนอย่างที่ทวิตนึงเขาบอก "หากแมวคิดจะครองโลกก็ปล่อยให้แมวครองไป เวลานี้ข้าพเจ้าสนใจอยู่เพียงเรื่องเดียวคือทำอย่างไรจึงจะได้ครองใจแมว"
(cs_janiform)
แต่เพียงแค่ว่าของจิรัฐอาจจะยากกว่านั้นสักหน่อย เพราะเวลานี้เขาสนใจอยู่เพียงเรื่องเดียวว่าทำอย่างไรเขาจึงจะได้ครองใจทาสแมว.
--------------------------------------------------------
กรี๊ด แพ้แมวกันหมดนี่แหระะ ความจริงพี่หลินอวี๋จื๋อก็เหมือนจะแพ้แมวค่ะ 555 พี่ในด้อมอีกคนก็บอกมา แต่บทสนทนาเยอะมากๆเลยอะ ทีแรกก็ว่าจะไปเขียนแบบรีดอะไรท์ แต่ก็กลัวปะแล่ม เลยเขียนลงมินิมอร์ละกัน ไหนๆก็สะสมฟิคตัวเองไว้ที่นี่หมดแล้วอะนะ ชอบไม่ชอบยังไงก็หวีดได้ที่แท็ก #เกื้อมิ่ง เลยนะคะ หรือหวีดบนทล.ก็ได้ แต่จริงๆแค่เข้ามาอ่านก็ดีใจมากๆแล้ว y--y
หวังว่าจะชอบเรื่อง Allergy แพ้แมวนี่นะคะ นี่ก็ทวิตพลอตทิ้งไว้ ไม่คิดว่าจะได้เขียนเหมือนกัน ถ้าทำให้ผิดหวังก็ขออภัย แต่มั่ยแค เพราะชั้นจะเขียนแบบนี้ /โดนรุมปาเกิบ ขอบคุณเจ้าของทวิตเรื่องแมวในประโยคสุดท้ายนี่ด้วย นึกนานมากจะลงยังไง จู่ๆก็นึกถึงทวิตคุณเขา 55555
อนึ่ง คงไม่มีฟิคเรื่องนี้ ถ้าไม่ได้ขอบคุณพี่ไรเทียที่แปลโพสต์จื่อหมิงวอแวแมวแล้วบอกว่า จับแมวไม่ได้เลย ถ่ายแมวอาบแดดตั่งต่าง ทาสแมวมากๆ... น่ารักโคดๆแงงงง ส่วนพี่เกื้อก็แพ้เหมือนกัน แต่เรามีโลกจินตนาการและคีย์บอร์ด คนนึงไม่แพ้ก็ย่อมได้ 55555555555
ก็น้า.. พี่เกื้ออาจจะแพ้แมวก็ได้ แมวที่ชื่อมิ่งนี่แหละ *แค่ก*
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ส่วนกู่ฉือเราดองไว้อยู่ พลอตอันนี้มันมาตัดหน้า คิดตอนจบได้ก่อนกู่ฉือน่ะเลยรีบเผา 55555
แวะมาคุยกันได้ที่ @OnlyYouYueyue สวัสดีจ่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in