“ก๊อกๆ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในคืนที่จวนเจียนจะสิ้นปี บากลุกขึ้นเดินออกไปจะเปิดประตู
แต่ก็ไม่ลืมที่จะมองช่องตาแมวก่อน
แล้วก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจนิดๆ
“ปีนี้ไม่ได้กลับบ้านเหรอ”
คำถามถูกยิงไปพร้อมกับจังหวะเปิดประตูพอดี ไม่ใช่ใครแต่เป็นเพื่อนผมแดงตัวใหญ่ที่นานๆจะมาหาซักที
ถึงเมื่อก่อนจะมาบ่อยก็เถอะ..
“ปีนี้ไม่กลับ มารตามันงานเยอะเลยขี้เกียจกลับคนเดียว”
“อ้าว อ๊อดล่ะ” บากชะโงกออกมานอกห้อง หันไปมองซ้ายทีขวาทีก็ไม่เจอหน้าแฟนเพื่อนที่มักจะตัวติดกันตลอด
อ๊อดมาเที่ยวห้องผมพร้อมกับทารคาบ่อยครั้ง
แต่นานๆทีทารคาก็จะมาคนเดียว
….
..
เหมือนอย่างเมื่อสามเดือนที่แล้วนั่น…
“อ๊อดมันก็กลับบ้านของมัน”
“เอ๊ะ แล้วมึงมาหากูทำไม”
แอบสงสัยขึ้นมายังงั้นจริงๆ เพราะเดี๋ยวนี้ถ้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับอ๊อด
พวกเราสองคนก็แทบจะไม่ได้เจอกันเลย
แต่ผมก็ไม่น่าปากไวถามไป...
“ทำไมวะ มาไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงปนโมโหนิดๆแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไร เห็นในมือถือถุงใหญ่ๆมาด้วย คงเป็นของกินล่ะมั้ง
พูดจบก็ถือวิสาสะถอดรองเท้าเดินเข้าห้องบากไปอย่างหน้าตาเฉย บากมองตามหลังไปพลางถอนหายใจก้มลงเก็บรองเท้าเข้ามาให้เรียบร้อย
“แล้วนี่อะไรวะ อยู่คนเดียวเงียบๆกับนกกับปลา ทีวีก็ไม่เปิด ไฟก็ไม่เปิด มึงเป็นฤาษีรึไง”
“จะให้กูฉลองอะไร อยู่ก็อยู่คนเดียว ปีใหม่มันก็แค่เลขปีเปลี่ยน หมดวันหยุดก็ทำงานเหมือนเดิม”
“โว้ยยยยมึงนี่ ถ้ากูไม่มามึงก็จะนั่งนิ่งๆจนจบปีใช่มะ
มานี่ มานั่งกินเบียร์เค้าท์ดาวกับกูนี่”
บากหรี่ตามองคนเจ้ากี้เจ้าการ..
แต่นี่ก็ถือว่ามันยังเกรงใจอยู่ เพราะอุตส่าห์ปล่อยห้องให้มืดเหมือนเดิม แล้วก็เดินไปนั่งพิงฟูกอยู่ข้างๆหน้าต่างเอง คงเพราะรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร
บากชอบที่จะเห็นทุกอย่างแค่สลัวๆจากในมุมมืด
มันช่วยให้ใจสงบมากกว่าที่จะอยู่ในที่โล่งแจ้งสว่างไสว
“นี่มึงเหงาที่อ๊อดมันไม่อยู่ทิ้งมึงกลับบ้านไปใช่มั้ยเนี่ย..
แล้วกูก็กินเบียร์กินเหล้าเฉพาะตอนมีงานเลี้ยงเท่านั้น กูไม่อยากเมา กูเมาแล้วทำตัวแย่”
เจ้าของห้องล้มตัวลงนั่งข้างๆกันแล้วก็เอนหัวพิงฟูกไป
“ไม่ได้เหงาอะไรทั้งนั้น”
โคตรปากแข็งเลยไอ้บ้านี่…
ไม่ได้สนใจว่าใครจะว่ายังไง เจ้าคนปากแข็งก็ยกกระป๋องเบียร์ที่ตัวเองซื้อมากระดกเข้าไปอึกใหญ่ พลางร้องออกมาอย่างชื่นใจ
“ฮ้าาาาา งั้นก็คิดซะว่าฉลองที่กูมาหามึงแล้วกัน”
“……”
ทารคายิ้มเย้ยอย่างรู้ทัน พลางยกกระป๋องเบียร์มาล่ออยู่ตรงหน้า
“ฉลองได้รึยัง”
..ผมต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
เพราะขนาดมันทำท่ายิ้มเย้ยใส่ยังมองว่ามันน่ารัก แล้วจะบอกว่าไม่ดีใจน่ะเหรอ..มันก็
เหมือนจะโกหกตัวเองไปนิดนึง
..แค่นิดนึงนะ
มือผอมสีม่วงคว้าเบียร์ที่เกือบจะแตะหน้าผากตัวเองมา
“..ถ้ากูเมาไม่รู้ด้วยนะ”
_________________
ผ่านไปได้ซักพักใหญ่…
เบียร์หมดไปคนละสองกระป๋องแล้ว แต่ทารคาก็ซื้อมาเยอะกว่านั้น
ไม่รู้ว่ากะจะกินทั้งคืนเลยรึไง
“ข้างล่างมันมีอะไรวะ เสียงดังกันจัง”
“ตึกข้างๆเขาจะมีจุดพลุทุกปีน่ะ”
“อ้อเออกูจำได้แล้ว เมื่อสองสามปีก่อนกูยังพูดว่าห้องมึงแม่งโคตรวีไอพี มีคนมาจุดพลุให้ดูถึงห้อง”
ไม่ทันขาดคำก็ได้ยินเสียงวี๊ดว้ายพร้อมกับควันขาวๆของพลุตัวเล็กที่ถูกจุดขึ้นมา แสงสว่างจากมันทำเอาห้องสว่างขึ้นนิดหน่อย
ตามมาด้วยดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ขึ้นตามลำดับ มันระเบิดกระจายบนท้องฟ้ากว้างสว่างจ้าและร่วงหล่นลงมาจนหายวับไปในระหว่างทาง
ช่องหน้าต่างที่ห้องของบากมองเห็นดอกไม้ไฟใหญ่นี้ได้ชัดเจนอย่างที่ทารคาว่าไว้
ห้องที่มีแสงสว่างแค่จากไฟตู้ปลานั้นมืดพอที่จะเห็นการแตกกระจายของสะเก็ดไฟได้ชัดๆ
บากเอี้ยวตัวหันไปจูบทารคาที่กำลังมองดอกไม้ไฟ
มันแค่ประมาณห้าวินาทีเท่านั้นที่เราทั้งคู่หลับตาโดยไม่ต้องบอกกัน
แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนมันนานกว่านั้นมาก
ทารคาหันมาทางบากที่เพิ่งผละริมฝีปากออกไป แสงจากดอกไม้ไฟที่กระทบบนผิวหน้ากำลังจะหายลับจนดับมืดลง
“นี่คือเมาแล้วรึยัง”
บากมองหน้าทารคาที่ถามนิ่งๆ ดอกไม้ไฟกำลังถูกจุดและพุ่งขึ้นไปเหมือนดังลูกก่อนๆ เงาและแสงของมันกระจายเป็นสีสรรพ์ไปทั่วห้อง มองแล้วคล้ายลอยอยู่ในอวกาศ คล้ายลอยเคว้างอยู่ใต้น้ำที่มีประกายระยิบระยับทาบทับกันไปมา
ทุกอย่างดูสวยเกินจริง แม้กระทั่งเรื่องที่ทารคามาหาเขาคืนนี้
มันช่างดูเกินจริง
บากขยับตัวเข้าไปใกล้อีกครั้งและใช้ลิ้นเปิดปากคนตรงหน้าขึ้นมา
“...เมาแล้ว”
เขาตอบแค่พอได้ยินเบาๆ ปลายลิ้นที่รุกเร้าได้รับการตอบกลับ ทารคาโน้มตัวกดน้ำหนักลงมาทางเขา เลยช่วยไม่ได้ที่เขาจะต้องทิ้งตัวลงไปบนฟูกด้านหลัง จูบที่เป็นแค่การลองเชิงกลับแนบแน่นขึ้น กระหายมากขึ้น
นิ้วมือปัดป่ายไปยังด้านล่างของแต่ละฝ่าย ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา แต่ทั้งคู่ก็เลื่อนมือกุมส่วนร้อนของกันและกัน มือเริ่มขยับไปพร้อมกับจูบที่ครุกกรุ่นไปด้วยอารมณ์ ไม่แค่ริมฝีปากแต่ยังประโคมจูบไปทุกส่วนที่ต้องการ
บากลืมตาพินิจมองอีกฝ่ายที่กำลังใช้ร่างกายของตนไต่ทะยานช่วงอารมณ์ไปให้ถึงจุด อยู่ๆความเสียวที่กลั้นไว้ก็แล่นขึ้นมาจากด้านล่างผ่านไปถึงหัวนมทั้งสองข้าง
ความวาบหวามนี้ทำเอามือไม้เขาอ่อนแรง รู้สึกได้ว่ามีความชุ่มชื้นบางอย่างที่ได้รับการปลดปล่อยจนตัวกระตุกเบาๆ เพียงแต่มันไม่ใช่ช่องทางที่คุ้นเคย เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ทารคาสังเกตุเห็นที่บากหยุดมือไป
“เป็นอะไร”
เขากระซิบถามที่ข้างหู แต่มือก็ยังปรนเปรอด้านล่างให้อีกฝ่ายไม่หยุด
“ไม่รู้… คงเมาจนหมดแรงมั้ง ไม่มีแรงแล้วเนี่ย”
บากพูดจบก็พยายามยกมือผอมเรียวขึ้นมาจับหน้าทารคาทั้งสองข้าง
“เนี่ย ตบหน้ามึงสุดแรงแล้ว…”
บากปล่อยมือลงไว้ข้างหัว เพราะไม่มีแม้แต่แรงจะยกแล้ว
“ไอ้บ้า ทิ้งกูไว้กลางทางเหรอวะ!”
“.....ฝากด้วย”
ทารคารวบความร้อนด้านล่างไว้ด้วยสองมือ ความลื่นของเจลทำให้ต้องจับมันไว้ให้แน่น บีบรูดและถูไถพวกมันเข้าด้วยกัน
เส้นผมสีแดงปรกลงมาที่หน้าของบาก เขางับมันไว้ด้วยใจอยากแล้วดึงมันลงมาด้วยปากจนทารคาโน้มหน้าลงมาจูบอย่างถาโถมและรุนแรง น้ำหนักตัวของคนตัวหนาเบียดบดเขาเข้ากับเตียงครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่นานอารมณ์ของทั้งคู่ก็ประทุออกมาภายนอกเป็นน้ำสีขาวขุ่นที่เลอะอยู่บนตัวของบากคนเดียว มันกระเซ็นไปไกลจนถึงหน้าอกและใต้คาง
เสียงผู้คนจากด้านล่างของตึกเงียบไปแล้ว
ไม่มีดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้นมาแล้ว บากเงยหน้ามองทารคาที่คร่อมเขาไว้กำลังหายใจถี่ เขามองตาสีเดียวกันที่มองกลับมาหาเขา
ไม่ว่าความรู้สึกของเราทั้งคู่จะเป็นยังไง
แต่ผมก็ได้รับการตอบรับจากจูบนั้นกลับมา
ทารคายิ้มปนหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี
“ตอนเมาก็ไม่ได้ทำตัวแย่เท่าไหร่นี่ แค่อย่าทิ้งกูไว้กลางทางก็พอ”
บากเอื้อมมือขึ้นไปจับผมแดงยาวนั่นดึงลงมาแล้วจูบเน้นๆไปหนึ่งที
“มึงก็เหมือนกัน”
ทารคาเบิกตากว้าง บากไม่เคยพูดเรื่องแบบนี้กับเขา ไม่เคยเรียกร้องหรือปฏิเสธอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่เคยคิดที่จะพูดถึงสถานะความสัมพันธ์หรือแสดงออกว่าอยากจะยื้ออะไรเลย
“..…”
มาคิดๆดู หรือมันจะเป็นการเอาเปรียบเพื่อนรักคนนี้มากเกินไปหน่อย..
จะว่าไปก่อนจะทำอะไรก็แทบไม่เคยถามหรือขออนุญาตอะไรอีกฝ่ายเลย
เหมือนทุกอย่างมันเกิดขึ้นเอง...
จะบอกว่ามันเป็นไปโดยธรรมชาติก็ดูจะผิดธรรมชาติไปหน่อย เขารู้ว่าเขาค่อนข้างเห็นแก่ตัว แต่ทำยังไงได้ เขาไม่เคยวางสถานะของเพื่อนคนนี้ซ้ำกับอ๊อดหรือซ้ำกับใครอื่น ไม่ใช่ว่ารักอ๊อดน้อยกว่าหรือรักมันมากกว่า
แค่มันไม่เหมือนกัน
ความรู้สึกที่มีให้ทั้งคู่มันไม่เหมือนกัน
ถ้าโดนถามว่าใครเป็นคนรัก มันแน่นอนที่จะต้องตอบว่า”อ๊อด”
เพราะทุกขั้นตอนในการเป็นคนรักกันมันเกิดขึ้นเมื่ออยู่กับอ๊อด
แต่กับบาก…..
เขาฟุบลงข้างซอกคอสีม่วง พลางปล่อยความคิดทุกอย่างทิ้งไป
บางทีเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่อยากใช้เหตุผลมาคิด อยากพูดแบบที่รู้สึกออกไปเลยมากกว่า..
เพราะคิดแบบนี้ บางทีคำพูดมันเลยทำร้ายใครโดยไม่รู้ตัว
“นี่ กับมึง..มันไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก
ไม่มีการคบ ไม่มีการทิ้งอะไรทั้งนั้น…
..แค่มึงยังอยู่ กูก็..”
เมื่อเห็นว่าคนที่โดนทับอยู่ทั้งเงียบทั้งนิ่งไป คนที่อยู่ด้านบนเลยชันตัวขึ้นมามามองหน้าอีกฝ่าย
“เฮ้ย มึงหลับเหรอวะ!
นี่มึงเมาจริงๆใช่มั้ยเนี่ย!
แล้วก็ปล่อยให้กูพูดคนเดียว!”
อยู่ๆเจ้านกแก้วสกุณเหราที่อยู่ในกรงก็ร้องขึ้นมาเพราะมีคนทำเสียงดัง
แต่ทารคาไม่สนใจแค่ส่งสายตาแบบยักษ์ไปให้เท่านั้น
“เฮ้ย มึงตื่น! ลุกขึ้นมาฟังกูให้จบ!
เหมือนจะได้ผล บากลืมตาขึ้นมาแบบหรี่ๆจากเสียงตะโกน
“มึง...”
เสียงงัวเงียมากพอๆกับที่ไม่ยอมเปิดตาเต็มที่
“เออ มึงฟังกู—”
“ฝากเปลี่ยนเสื้อ กับเช็ดตัวให้ด้วย…”
พูดจบก็พลิกตัวนอนต่อ แถมยกมือขึ้นมาปิดหูไว้
“ถ้ายังไม่หลับก็ลุกขึ้นมาทำเองซิวะะะะ!”
บากยังคงหลับตา ถึงจะเผลอหลับไปวูบนึงแต่ตอนได้ยินเสียงทารคาพูดใกล้ๆด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาก็อดไม่ได้ที่จะตื่นขึ้นมาฟังด้วยความอยากรู้
เขาพูดว่าอะไรนะ..
กำลังพูดถึงใคร
…แค่มึงยังอยู่ กูก็…
จะขอคิดว่าเขาพูดถึงผมได้มั้ย
ถ้าใช่
ผมคงฝันดี..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in