เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Book Book Booooo!gwynz
The Rosie Project
  • [เล่มที่ 8 ของปี 2017]
    Graeme Simsion : เขียน
    มัณฑุกา : แปล
    สำนักพิมพ์ เอิร์นเนส พับลิชชิ่ง จำกัด

    'ดอน ทิลล์แมน อยากแต่งงานแล้ว 
    เพียงแต่เขายังไม่เจอคนที่ใช่'

    The Rosie Project  เล่มนี้เพิ่งอ่านจบสดๆ ร้อนๆ เลยครับ ชอบมากกกก(ก.ไก่ล้านตัว) คือมันเป็นนิยายที่อ่านแล้วยิ้มตลอดเวลา อารมณ์อบอวลไปด้วยความสุขจริงๆ และให้ข้อคิดเยอะมากๆ ให้คะแนนเต็ม10 10 10ไปเลยจ้าาา

    ตัวเรื่องถูกเล่าผ่านมุมมองของสรรพนามบุรุษที่ 1  นั่นก็คือ   ดอน ทิลล์แมน  ศาสตราจารย์ภาควิชาพันธุศาสตร์  ผู้ที่ชีวิตเต็มไปด้วยระเบียบวินัยขั้นสูง  แต่ไร้ซึ่งทักษะการเข้าร่วมสังคมอย่างคนปกติธรรมดาโดยสิ้นเชิง จนกระทั่งดอนได้มาเจอกับ โรซี หญิงสาวบาร์เทนเดอร์ แต่มีดีกรีเป็นถึงนักศึกษาภาควิชาจิตวิทยา และแล้วชีวิตของเขาก็เจอแต่เรื่องวุ่นวายนับจากนั้นมา ทั้งตารางเวลาที่มั่วไปหมด การทำอะไรนอกกรอบจากที่เขาไม่เคยทำมาก่อนในชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อมีโรซีเข้ามาในชีวิต 

    ความรู้สึกแรกที่ตาสัมผัสตัวอักษรในนิยายเรื่องนี้คือ "เฮ้ย! ทำไมใช้ภาษาแปลกแบบนี้เนี่ย?!"  คือถ้าคนที่ไม่เคยอ่านแล้วมาอ่านก็น่าจะรู้สึกแบบเดียวกับผม คือ ด้วยเหตุว่าเรื่องนี้เล่าเรื่องในมุมมองของสรรพนามบุรุษที่ 1 นั่นก็คือ ดอน ทิลล์แมน ดังนั้นมันจึงเป็นเหมือนการอ่านความคิดของตัวละครนี้ ซึ่งภาษาที่ดอนใช้ในการคิดและพูดทั้งหมดเป็นระดับภาษาที่ค่อนไปทางระดับทางการ และมีกลิ่นอายของวิชาการมากๆ อ่านครั้งแรกนี่แบบ "เอางี้เลยใช่มั้ย"  มันเลยเป็นการสร้างความไม่ชินแต่กลับมีเสน่ห์ขึ้น

    พออ่านไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มเข้าใจในสิ่งที่นักเขียนต้องการจะสื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ ผมว่ามันเป็นขั้นตอนพื้นฐานของงานเขียนขั้นหนึ่งเลยนะ คือ การ Keep Character เพื่อจุดประสงค์ให้ผู้อ่านรู้สึกอินไปกับพฤติกรรม คำพูด และความคิดของตัวละครให้มากที่สุด สำหรับเรื่องนี้คือใช้การเขียนที่ใช้ภาษาเชิงเน้นย้ำถึงความไม่เหมือนใครของดอน  เพื่อสร้างให้เกิดความแตกต่างระหว่างตัวผู้อ่านกับดอนขึ้น พอเรารู้สึกแปลกแยกกับตัวละครปึ๊บ มันก็จะเหมือนเป็นการสร้างเซอร์ไพร์สให้ผู้อ่านไปในตัว ด้วยการทำให้เราพบเจอพฤติกรรมที่น่าทึ่งของดอนอยู่ตลอดเวลานั่นเอง อารมณ์แบบว่า "คนแบบนี้ก็มีด้วยหรอ"  นี่แหละที่ผมว่าเป็นจุดเด่นของนิยายเรื่องนี้ เพราะแต่ละพฤติกรรมของดอน แต่ละความคิดที่โผล่ออกมาคือทำให้เราอึ้งมากๆ ในความรอบคอบสุดๆ ความเก่งกาจสุดๆ คำพูดที่ตรงสุดๆ การวางแผนที่ดีมากๆ การรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ และที่สำคัญคือทักษะการเข้าสังคมที่ไม่มีเอาซะเลย   อ่านๆ ไปผมก็รู้สึกเอ็นดูศาสตราจารย์ทิลล์แมนเอามากๆ เพราะแต่ละอย่างมันไม่ได้สร้างแค่ความอึ้งอย่างเดียว  แต่มันคือความน่ารักน่าเอ็นดูของผู้ชายคนนี้แบบไม่เฟคเลยแม้แต่น้อย

    คือผมไม่รู้ว่าแต่ละคนเวลาอ่านนิยาย จะมีการจินตนาการหน้าใครให้เป็นพระเอก นางเอกบ้าง แต่เวลาผมอ่าน ผมจะเลือกนักแสดงที่ชอบมาใช้สร้างมโนในการอ่าน สำหรับเรื่องนี้ก็มี 2 คน พระ-นาง 
    สำหรับศาสตราจารย์ดอน ทิลล์แมน อายุ 39 ย่าง 40 ปีแล้ว แต่ผมก็ไม่สน ฮ่าๆ ผมเลือกพระเอกสุดหล่ออย่าง Dan Stevens มาเป็นตัวละครตัวนี้ แล้วต้องเป็นลุคที่ใส่แว่นด้วยนะ เพราะดอนใส่แว่นตา 

    ส่วนนางเอกอย่างโรซี ผมไม่รู้จะเลือกใครดีเหมือนกัน แต่ช่วงที่อ่านนั้น LA LA LAND กำลังเป็นกระแส เลยเลือก Emma Stone ซะเลย แล้วก็ต้องเป็นลุคที่ใส่แว่นเหมือนกันด้วยนะ 

    นี่เป็นวิธีมโนของผมครับ เพื่ออรรถรส ผมว่าหลายๆ คนก็น่าจะทำแบบนี้นะ ฮ่าๆ

    อย่างที่ผมพูดไปในย่อหน้าที่แล้วว่า นักเขียนสร้างเซอร์ไพร์สให้กับผู้อ่านด้วยความคิดและพฤติกรรมของศาสตราจารย์ทิลล์แมน แล้ววิธีการทำเซอร์ไพร์สคือยังไงกันล่ะ? ง่ายๆ เลยครับ ก็ โรซี ของเรานั่นไง เซอร์ไพร์ต่างๆ ที่เราจะได้เจอ มันอาจจะไม่เกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นไม่สมบูรณ์นัก ถ้าขาดโรซีไป เพราะอย่างที่ผมพูดไปว่าดอนนั้นมีความไม่เป็น Stereotype ของคนทั่วไปอยู่ มันจึงเกิดความแตกต่างขึ้น  แล้วตัวโรซีเองนี่แหละที่เป็นเหมือนจุดเชื่อมโยงดอนกับผู้อ่านให้มาเจอกันตรงกลาง แล้วเกิดเป็นเรื่องขำๆ ขึ้นในที่สุด เพราะบุคลิกของโรซีถูกสร้างมาให้ตรงตาม Stereotype ของคนส่วนใหญ่ในสังคม โรซีจึงกลายเป็นตัวแทนของผู้อ่านเองที่กำลังเดินท่องเข้าไปในชีิวิตของศาสตราจารย์ดอน ทิลล์แมนนั่นเอง เราก็เลยจะรู้สึกอินเป็นพิเศษ

    เรื่องนี้มีประเด็นหลากหลายให้พูดถึง มีคู่หลักอย่างดอนกับโรซีแล้ว เรื่องนี้ก็มีคู่รองด้วยเหมือนกัน ซึ่งสองคนนี้ก็ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเรื่องไม่น้อยเลย นั่นก็คือ จีน กับ คลอเดีย คู่สามีภรรยาที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของดอน ที่คอยให้คำปรึกษาและรับฟังทุกอย่าง พอพูดถึงสองคนนี้ก็มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่ คือ ความสัมพันธ์แบบเปิด คือการที่คู่รักทำข้อตกลงกันเองว่า ฉันจะสามารถไปมีเพศสัมพันธ์กันคนอื่นได้โดยปราศจากอารมณ์รักมาเกี่ยวพัน ซึ่งเป็นประเด็นที่อ่อนไหวเหมือนกันนะครับ และค่อนข้างจะใหม่สำหรับสังคมไทย ในเรื่องเราจะเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของจีนและคลอเดีย ซึ่งส่วนตัวผมรู้สึกว่า ถ้าทั้ง 2 ฝ่ายโอเคกับข้อตกลงนี้ ทุกอย่างจบ แต่ถ้าโอเคแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นความเห็นแก่ตัวขึ้นมาทันที ซึ่งประเด็นนี้จะจบยังไงก็ลองไปอ่านกันดูนะครับ ให้ข้อคิดดีมากๆ สำหรับประเด็นนี้

    โครงการหาพ่อ เป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่นำเราไปสู่ภาระกิจเจ๋งๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างดอนกับโรซี่มากมาย โครงการนี้เป็นเหมือนจุดที่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่คลิกกันเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราจะเห็นความน่ารักของดอนในการวางแผนแต่ละอย่าง จนสุดท้ายความลับที่โรซีอยากรู้มากที่สุดในชีิวิตก็เปิดเผยในท้ายเล่มอย่างอบอุ่นเหลือเกิน 

    ผมขอจบการรีวิวนิยายเล่มนี้ไปด้วยคำพูดของคลอเดียที่พูดกับดอน ซึ่งมันเป็นเหมือนบทสรุปทุกอย่างที่คุณจะได้จากเรื่องนี้ ทั้งประเด็นของดอนกับโรซี และประเด็นของจีนและคลอเดีย และน่าจะสร้างความตระหนักอะไรบางอย่างให้กับความรักของคุณได้อีกด้วย

    "ดอน ฉันประทับใจนะ แต่ว่า...การเปลี่ยนตัวเองให้ตรงกับความคาดหวังของคนอื่นอาจไม่ใช่ความคิดที่ดี  คุณอาจจะเกลียดมันในภายหลังก็ได้"

    "เวลาคุณรักใครสักคน" คลอเดียพูดต่อ "คุณต้องทำใจยอมรับสิ่งที่เขาเป็นด้วย โดยอาจจะหวังว่าสักวันหนึ่งคนคนนั้นจะรู้สึกตัวและลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงด้วยเหตุผลของตัวเอง"

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
สนุกจริงครับเรื่องนี้ ปล.มีเล่ม 2 เป็นภาคต่อด้วยนะครับ (แปลไทยแล้ว) ^^
gwynz (@kawinpoparm)
@fb1045515588796 กำลังอ่านอยู่เลยครับ 55