เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
fictionscsinos99
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน sense #จ้านป๋อ
  • ป่าน - อี้ป๋อ
    พี่จ้าน - พี่จ้านนั่นแหละค่ะ
    นอกนั้นก็แล้วแต่จะเลือกคาแรกเตอร์มาใส่เลยค่ะ
    warning : slightly? omegaverse au, sexual content, cursing included

    *** เซฟลิงก์ไว้ก็ดีนะคะ เดี๋ยวเราก็ลบทวิตค่ะ






    ป่านเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติ
    กว่าจะรับรู้ต่อความผิดปกตินี้ก็ปาเข้าไปตอนที่ตัวเองอายุ 18 ปี



    เวลาพักเที่ยงของมหาลัยเป็นปกติที่โรงอาหารจะพลุกพล่านไปด้วยคน ป่านเองก็หนึ่งในคนที่ต้องฝ่าความวุ่นวายนี่เพื่อหาข้าวกินให้ทันคลาสบ่าย ยิ่งคลาสบ่ายนี่อาจารย์ดุอย่างกับอะไรดี เขาก็ต้องรีบหาข้าวกินให้เร็วที่สุด

    โรงอาหารที่ดูใหญ่กลับหาที่นั่งได้ยาก โชคยังดีที่เขาและกลุ่มเพื่อนมาทันจังหวะที่กลุ่มก่อนหน้าลุกพอดี ถึงได้มีที่นั่งกินรวมกันได้ 

    "ขออนุญาตค่ะ!!"

    เสียงเอ่ยขออนุญาตดังขึ้นกลางโรงอาหารทำให้เขาต้องหันไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ ภาพรุ่นน้องปีหนึ่งกำลังยกมือสุดแขนแนบหูตามระเบียบที่ถูกบรีฟมา เสียงอนุญาตดังจากเพื่อนในคณะของเขาที่นั่งอยู่โต๊ะตรงหน้าของน้องคนนั้นเป็นสัญญาณให้น้องเริ่มทำภารกิจที่ได้รับมา 

    เขาได้แต่ส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายต่อวัฒนธรรมบ้าบอนี่ แล้วหันกลับมาสนใจข้าวของตัวเองบนโต๊ะ

    ทั้งกลุ่มเขาไม่ค่อยสนับสนุนกิจกรรมแบบนี้เสียเท่าไหร่ แม้จะค้านไปแล้วแต่เสียงก็ไม่มากพอ ทั้งยังมีแรงกดดันจากรุ่นพี่และเพื่อนบางคนอีก ก็เลยเลี่ยงการทำหน้าที่ในการรับน้องใหม่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง โดยเลือกมาเป็นฝ่ายสถานที่คอยจัดการขออนุญาตและเตรียมสถานที่

    "วันนี้ต้องไปช่วยน้องเตรียมห้องประชุมที่ชั้นสามนี่หว่า"
    จั้วเอ่ยขึ้นเหมือนพึ่งนึกได้

    "เออดิ ต้องรีบสุดๆ เรียนเสร็จคือวิ่งไปเตรียมอ่ะ"
    ปินบ่นตามเคย

    "เรารีบไปที่ห้องเลคดีมั้ย" เขาเอ่ยเบี่ยงประเด็นก่อนที่เพื่อนจะบ่นยาวไปมากกว่านี้
    "เห็นบอกว่ามีควิซ"

    เมื่อเพื่อนทั้งสองคนของเขาได้ยินคำว่าควิซก็รีบหุบปากแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวทันที ทั้งยังเร่งรัดให้เขาที่จากตอนแรกเป็นคนเสนอความคิดกลับเป็นฝ่ายช้าเสียเอง



    กิจกรรมรับน้องวันนี้ดำเนินไปตามกำหนดการ กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาไปเกือบสองทุ่ม เขาที่ต้องเช็คสถานที่อีกรอบ เลิกจริงๆก็สองทุ่มครึ่ง ทันทีที่ปิดล็อกห้องเรียบร้อยก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายคนที่บอกว่าจะมารับ แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะติดงานด่วนถึงได้ถูกตัดไปเสียงอัตโนมัติให้เขาฝากข้อความเสียงไว้เสียอย่างนั้น

    "ป่าน กลับยังไงอ่ะ"
    จั้วที่โทรไปรายงานอาจารย์เสร็จหันมาถามเขา

    "เออ พี่เขามารับป้ะ"
    ปินถามอีกคน

    "ดูท่าจะติดงานด่วนมั้ง"

    "งั้นเดี๋ยวไปส่งที่คอนโดเอง กูเอารถยนต์มาวันนี้" ปินเสนอ
    "กูต้องไปส่งไอ้จั้วอยู่แล้ว ทางเดียวกัน"

    เขาพยักหน้ารับ ปินเห็นอย่างนั้นเลยเดินนำไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่ลานจอดรถร่วมกับรถไม่กี่คันที่เหลืออยู่



    ระหว่างทางกลับพวกเขาแวะกินอาหารเย็นอีกรอบ กว่าถึงห้องจริงๆก็เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ถึงอย่างนั้นคนที่ตั้งใจว่าจะมารับเขาก็ยังไม่ติดต่อกลับมาอยู่ดี เขานั่งชั่งใจสักพักว่าควรจะทำอะไรก่อนดีก่อนจะจบลงที่ตัดสินใจไปอาบน้ำก่อน แล้วจึงค่อยกลับมาทวนสไลด์ที่เรียนไปในวันนี้

    เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืน เสียงประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับร่างของคนที่เขารอปรากฎขึ้น ใบหน้าของอีกคนดูเหนื่อยล้า ทั้งยังเดินโงนเงนผิดไปจากมาดเจ้าระเบียบแบบปกติ

    "ขอโทษนะครับที่ไปรับไม่ได้" เสียงเหนื่อยล้าเอ่ยปากขอโทษเขาทันทีที่สบตากัน
    "ตัวหอมจังเลย"

    "ไปอาบน้ำเลยนะ"
    เขาดันหน้าคนที่เดินมาทิ้งตัวเอาหน้าซุกซอกคอเขา

    "กลิ่นแรงนะ"
    "เช็ครึยังครับ" พี่จ้านถาม 

    "น่าจะอาทิตย์หน้ามั้ง"
    เขาพึมพำแล้วหยิบโทรศัพท์มาเปิดเข้าแอพเตือนของตัวเองเพื่อความถูกต้อง

    "โอเค เดี๋ยวพี่ให้เลขาเคลียร์งานรอนะครับ"

    เขาพยักหน้าหงึกหงัก แล้วง้างมือไปตีต้นแขนอีกคนทันทีเมื่อเห็นว่ากำลังเริ่มทำตัวรุ่มร่ามใส่เขา พี่จ้านยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเองปอยๆ ก่อนจะยอมลุกไปอาบน้ำแต่โดยดี เขาเองที่เริ่มง่วงแล้วเลยตัดสินใจเดินตามเข้าห้องนอนไปเพื่อจะเตรียมตัวนอน

    พี่จ้านเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กบนหัว หยดน้ำจากปลายมหยดลงบนเสื้อยืดสีขาวที่สวมอยู่เป็นวง

    "ป่านจะนอนแล้วเหรอ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเป่าผมข้างนอกแล้วกัน"

    "ไม่ต้อง รีบเป่าพอ"

    พี่จ้านยิ้มให้เขาทีหนึ่งก่อนจะเดินไปทำตามคำสั่ง ใช้เวลาไม่นานก็เดินไปปิดไฟห้องแล้วมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงข้างๆเขา จัดการตัวเองเข้ามาชิดแผ่นหลังเขาแล้วกุมเขาไว้ในอ้อมแขน

    "ฝันดีครับ"
    สัมผัสเบาๆของริมฝีปากบนแก้มเขาทำให้เผยยิ้มบางๆออกมาอย่างช่วยไม่ได้



    แม้ว่าจะเป็นเวลาเกือบสิบโมง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความง่วงงุนที่มีอยู่หายไป เขาเดินอึนๆผ่านใต้คณะไปเพื่อไปหน้าลิฟต์ แต่กลับต้องชะงักไปเมื่อโดนเรียกด้วยเสียงที่ไม่คุ้นเคยนัก

    "พี่ป่านคะ!!"
    รุ่นน้องปีหนึ่งวิ่งเข้ามาทางเขาพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นเล็กที่มีภารกิจอยู่
    "ขออนุญาตค่ะ!!"
    เสียงขออนุญาตเสียงดังทำให้เขาเผลอขมวดคิ้ว ซึ่งนั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้รุ่นน้องมีท่าทีกลัวขึ้นมาเล็กน้อย

    "ไม่อนุญาตครับ" เขาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงปกติ
    "ไว้ทีหลังนะครับ พี่รีบ"

    "คือ พี่เลิกกี่โมงหรอคะ"

    เขานิ่งคิดไปสักพัก วันนี้กับพรุ่งนี้เขาเลิกค่ำเสียด้วยสิ 
    "ขอเป็นมะรืนได้มั้ยครับ ประมาณบ่ายสาม" 
    เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องพยักหน้าตอบจึงเอ่ยต่อ
    "เดี๋ยวพี่รออยู่คาเฟตรงนั้นนะครับ"

    "ขอบคุณค่ะ!"

    รุ่นน้องเอ่ยขอบคุณด้วยท่าทีดีใจก่อนจะเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อนที่รออยู่ไม่ห่าง

    'มึงได้พี่ป่านหรอวะ'
    'โชคดีจังวะ กลิ่นพี่เขาหอมป้ะ'

    เขาส่ายหัวเบาๆกับเสียงที่ได้ยินคล้อยหลังมา

    กลิ่นของแต่ละคนในโลกนี้มีความเฉพาะตัว และมักจะบ่งบอกถึงสถานภาพเพศรองของตนเอง แต่ป่านเกิดมาผิดปกติถึงได้ทำให้คนรอบข้างไม่สามารถรับรู้กลิ่นที่ปล่อยออกมา— เว้นก็แต่คนนึงอ่ะนะ

    เขาเดินไปยังโต๊ะเลคเชอร์ตัวประจำของตัวเองที่มีปินและจั้วนั่งอยู่ข้างๆอยู่ก่อนหน้าแล้ว

    "อ่าว เป็นไรอ่ะ ดูเหนื่อย"
    ปินเอ่ยถามเขาที่ฟุบลงกับโต๊ะทันที

    "ใกล้วันแล้ว"

    "เฮ้ย แล้วทำเรื่องลายัง"

    เขาพยักหน้าให้ทั้งๆที่ยังฟุบอยู่กับโต๊ะ 

    วันนี้เขามามหาวิทยาลัยตั้งแต่แปดโมง แม้จะมีเรียนจริงๆตอนสิบครึ่งเพื่อมาทำเรื่องขอลากับฝ่ายวิชาการของคณะ เรื่องมันค่อนข้างยุ่งยากหน่อยเพราะคนที่ควรจะมารับรองเรื่องขอลาอย่างพี่จ้านกลับโดนเรียกตัวให้กลับไปดูบริษัทที่จีนด่วน วันมะรืนถึงจะกลับ จะให้รอก็กลัวจะทำเรื่องไม่ทันถึงได้วุ่นไปหมด

    ถ้าไม่ซื้อขนมมาฝากนะ น่าดู



    วันนี้พี่จ้านสัญญาว่าจะมารับเขา และดูท่าจะว่างจริงๆถึงได้ส่งข้อความมาหาก่อนเวลาเลิกตั้งครึ่งชั่วโมงว่า 'ถึงแล้ว รอที่คาเฟ่เดิมนะครับ' เพราะอย่างนั้นทันทีที่อาจารย์เลิกคลาสเขาถึงได้รีบสับขามาหาอีกคนทันที 

    ด้วยใกล้ถึงเวลาเต็มที ร่างกายเขาถึงเหนื่อยล้าได้ง่าย วันสองวันมานี้ก็เลิกค่ำจึงทวีความเหนื่อยเข้าไปอีก จึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปฟุบกับโต๊ะในร้านคาเฟ่ มืออบอุ่นของอีกคนที่นั่งรออยู่ก่อนแล้วเอื้อมมาลูบผมเขาด้วยความเอ็นดู

    "เหนื่อยมากเลยหรอครับ"

    เขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อรู้สึกเคลิ้มไปกับสัมผัสนุ่มนวลบนศีรษะของตนเอง ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะอีกคนคงรู้อยู่แล้วว่าการที่เขาเลื้อยไปกับโต๊ะขนาดนี้คงเหนื่อยร่างจะขาดอยู่แล้ว

    "พี่ป่านคะ"

    หือ? อ่อ
    "น้องวันนั้น?"
    เขาเอ่ยถามรุ่นน้องที่ทำท่าละลักละเหลือใส่เขา ดวงตาที่เหล่มองพี่จ้านคงเพราะสงสัยว่าอีกคนเป็นใครกัน

    "ค่ะ"
    "พี่ป่านสะดวกมั้ยคะ"

    "ครับ แต่ไม่ต้องขออนุญาตนะครับ รบกวนคนอื่นเขา"

    รุ่นน้องพยักหน้ารับ ก่อนจะเริ่มทำภารกิจซึ่งก็คือการทำท่าใบ้คำให้เขาสามารถตอบให้ได้ และโชคร้ายหน่อยตรงที่เขาไม่มีความสามารถในเรื่องนี้ถึงทำให้กว่าจะสำเร็จน้องเขาก็ต้องทำท่าตลกอยู่อย่างนั้นเกือบสิบนาที ยามที่เสียงหัวเราะเบาๆดังมาจากอีกฝั่งของโต๊ะ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหันทำตาขวางใส่

    "ขอบคุณนะคะ"
    รุ่นน้องเอ่ยขอบคุณ แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินออกไปทำให้เขาเลิกคิ้วถาม
    "คือ พี่รันให้ภารกิจพิเศษมาน่ะค่ะ"

    เขาขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินชื่อ รัน ตัวปั่นประจำคณะ
    "ภารกิจอะไรครับ"

    "คือ พี่เขาให้หนูอัดเสียงตอนพี่พูดว่า รักนะครับ มาอ่ะค่ะ"

    "หือ?" พี่จ้านส่งเสียงในลำคอ

    ทำเอาเขาต้องหันไปพิจารณาปฏิกิริยาของอีกคน ดูท่าจะไม่ได้อะไรมาก แต่ก็ยังแฝงความไม่พอใจเล็กน้อยเอาไว้อยู่ แต่ถ้าเขาไม่ยอมทำน้องคนนี้ก็อาจโดนลงโทษให้ไปทำอะไรตลกอีก 

    "เอาโทรศัพท์มา"



    ป่านนั่งดูดโกโก้ที่ซื้อมาจากคาเฟ่พร้อมกับชมบรรยากาศภายนอกตัวรถที่กำลังเคลื่อนไป เมื่อสังเกตว่ารถกำลังขับเลยทางที่ไปคอนโดจึงได้เอ่ยทัก แต่กลับได้เพียงรอยยิ้มส่งกลับมาให้แค่นั้น เมื่อตัวรถมาจอดลงที่สนามบินจึงหันไปตีแขนคนที่ยังคงยิ้มอยู่ ผิดไปก็แต่กลายเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แทน

    "มาทำอะไรที่สนามบิน"
    "ป่านอยากกลับไปนอนแล้ว"

    "ครับ เดี๋ยวพาไปนอน"
    "แต่เป็นบ้านพี่ที่จีนนู่นนะ"

    ดูท่าอีกคนจะเตรียมการมาดิบดีเหลือเกิน เสื้อผ้าของเขา ตั๋วเครื่องบินกับพาสปอร์ตต่างๆก็เตรียมพร้อมหมดแล้ว สุดท้ายเขาก็ต้องมาจบลงที่การขึ้นเครื่องไปจีนอย่างงงๆ และมาถึงบ้านพี่จ้านที่ฉงชิ่งอย่างงงๆเช่นกัน เขาเดินหน้ามุ่ยเข้าไปหาคุณแม่พี่จ้านที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน แม้จะอยากกอดอ้อนแล้วฟ้องคุณแม่ แต่เพราะยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำตั้งแต่เมื่อวานเลยทำแค่กอดแปปเดียวแล้วผละออกมา

    "เดี๋ยวผมกับน้องขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ"
    คุณแม่พยักหน้าตอบ



    "ทำอะไรของพี่อีกเนี่ย"
    ป่านเอ่ยถามอีกคนในระหว่างที่เดินลงมาทานอาหารเช้าที่ข้างล่าง

    "แม่คิดถึงลูกสะใภ้เลยพามาหา"
    "โอ้ย พี่เจ็บนะ"
    พี่จ้านลูบแขนตัวเองปอยๆ 

    ก็ดันพูดอะไรก็รู้เองนี่ โดนฟาดเข้าให้จะได้สำนึก

    "มานั่งเร็วลูก"

    เขายกมือไหว้คุณพ่อที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หัวโต๊ะอาหาร คุณพ่อเหลือบขึ้นมามองแล้วทำแค่พยักหน้ารับ ด้วยความที่ลุคของคุณพ่อดูดุเลยเข้าหายาก แล้วยิ่งบวกกับนิสัยเขาที่มนุษยสัมพันธ์เบนไปทางแย่เลยยิ่งทำให้ยากเข้าไปใหญ่  ในตอนแรกเลยค่อนข้างเกร็งมากๆ แต่พอนานเข้าก็เริ่มชิน

    "อาป๋อ แม่ทำของโปรดให้หนูทานด้วยนะ กินเยอะๆเลย"

    อี้ป๋อเป็นชื่อภาษาจีนที่คุณแม่ของพี่จ้านเป็นคนตั้งให้เพราะถึงป่านจะไม่ได้ออกเสียงยาก แต่ก็ยังคงลำบากอยู่ดี แล้วอีกอย่างถึงเขาจะเป็นคนไทย แต่พี่จ้านก็เป็นคนจีน มีชื่อจีนเอาไว้ก็จะได้แนะนำให้คนอื่นๆที่พี่จ้านรู้จักได้ง่าย

    "จ้าน ปีนี้ยี่สิบแปดแล้วใช่มั้ย"
    คุณพ่อเอ่ยถาม

    "ครับ"

    "อาป๋อก็จะเรียนจบปีหน้าใช่มั้ย"

    "ครับ"

    "พ่อคุยกับอาป๋อ ไม่ใช่แก"

    เขาหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อคุณพ่อแหย่พี่จ้าน
    "ครับ เทอมหน้าก็จบครับ"

    "อืม แล้วอาจ้าน.."
    "วางแผนงานแต่งไว้รึยัง"

    พี่จ้านทำหน้าเลิ่กลั่กใส่คุณพ่อทันทีที่คำว่าแต่งงานหลุดออกมา หันหน้ามาทางเขาเหมือนจะหันมาขอความช่วยเหลือ เขาแกล้งยิ้มหวานกลับไปให้แทนคำตอบว่า "สู้ๆน้า" 

    "ผมไม่รีบ"

    "แต่พ่อรีบ"
    "ไม่งั้นแกจะมีเรือนหอตั้งแต่เรียนจบมหาลัยหรอ"
    "ไอ้บ้านนั่นมันก่อนแกคบกับอาป๋อด้วยซ้ำ"
    คุณพ่อเบนสายตามาทางเขาที่มองอยู่ก่อนแล้ว
    "แล้วอาป๋อเองด้วย จบแล้วพ่อก็อยากให้มีหลานนะ"

    "ครับ?"
    เหมือนคำว่าหลานตีหน้าเขาจนอึนไปหมด

    "อาป๋อทำงานก่อนสักปีก็ได้"
    "แต่รีบมีหลานเถอะ ไอ้จ้านมันไม่ใช่หนุ่มๆแล้วนะ"

    ไม่รู้ว่าจะขำที่พี่จ้านโดนด่าว่าแก่ หรือรู้สึกเครียดเรื่องลูกดีเลยทำแค่ยิ้มแห้งกลับไป พอจะหันไปหาคุณแม่เพื่อขอความช่วยเหลือก็เห็นแต่ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวังแบบเดียวกับคุณพ่อ

    "พ่อกับแม่ไม่ต้องมากดดันป่านเลยนะ"
    "เดี๋ยวเรื่องนี้พวกผมคุยกันเอง"
    "น้องอายุแค่ยี่สิบสองเอง ยังไม่ได้ทำงาน ใช้ชีวิตอะไรเลย"
    "แล้วผมก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นด้วย"

    คุณพ่อเบะปากใส่พี่จ้านจนหมดลุคดุไปทีหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเรื่องมาถามไถ่เขาเรื่องการเรียนและการวางแผนเรื่องการทำงานแทน 



    หลังจากทานอาหารเสร็จพี่จ้านก็ขับรถมาที่บ้านที่คุณพ่อซื้อไว้เป็นเรือนหอซึ่งห่างออกไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ด้วยความล้าเขาเลยผล็อยหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกอุ้มขึ้นมานอนบนห้องนอนข้างบนบ้าน ท้องฟ้าข้างนอกหน้าเปลี่ยนจากสีฟ้าใสเป็นสีดำสนิท บ่งบอกว่าตอนนี้คงจะค่ำแล้ว เขาบิดขี้เกียจยืดเส้นสายก่อนจะลุกไปล้างหน้าตา คว้าเอาโทรศัพท์ของเขาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาเช็คข้อความ

    รัน
    'ป่าน'
    'มึงตกน้องอีกแล้วอีเหี้ย'
    'นังหน้าตาดี มีแฟนแล้วก็เหลือพื้นที่ไว้ให้คนโสดอย่างกูเดินหน่อยจ้า'

    เขาหลุดยิ้มขำออกมาเมื่อจินตนาการท่าทางของรันเวลาบ่น ถึงจะไม่สนิทขนาดนั้น แต่รันที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักปั่นมักจะสถาปนาตัวเองว่าสนิทกับทุกคนหรือจะแคร์เวลาเขาบอกว่าไม่ได้สนิทขนาดนั้น 

    parn.
    'โอเค'

    ยังไม่ทันที่เขาจะกดออกจากห้องแชท ข้อความของเขาก็ขึ้น read ทันที

    รัน
    'โอเคไรจ้ะ'
    'เออ นี่วงวารอีน้องปีหนึ่ง'
    'แม่งถามกูด้วย'
    'พี่รันคะ คนที่อยู่กับพี่ป่านคือใครหรอคะ'
    'ถึงมึงจะเพื่อนน้อยแต่กูจะตรัสรู้หรอวะ'
    'แต่ดีนะกูเสือกเก่ง เลยตอบว่า อ๋อ นั่นแฟนมึง'
    'ถามกูต่อด้วยนะ อุ้ย พี่ป่านคบกับอัลฟ่าด้วยกันเองหรอคะ'
    'กู ถาม จริง'

    ป่านขมวดคิ้วแน่นอย่างหงุดหงิด 

    แม้การที่เขาเกิดมาผิดปกติจะทำให้เกิดข้อดีหลายอย่างตรงที่เขาสามารถรับรู้กลิ่นคนอื่นได้ปกติ แต่คนอื่นไม่สามารถรับรู้กลิ่นเขาได้ เวลาที่เข้าใกล้ช่วงฮีทถึงได้ป้องกันตัวเองและกันคนอื่นรู้ได้ง่าย แต่มันก็มีข้อเสียตรงที่คนอื่นมักจะมาสงสัยในสถานภาพเพศรองของเขา แล้วคิดไปเองต่างๆนานา

    parn.
    'แล้วรันบอกน้องว่ายังไง'

    รัน
    'หึ'
    'กูรัน นักปั่น'
    'กูเลยตอบแค่ ก็ไม่รู้สิน้าาาาา'
    'แล้วกูก็เดินหนีน้องแม่งเลย'
    'เอาไปคิดเอาเองนะนังพวกขี้เสือก'

    parn.
    'ขอบคุณนะรัน'

    รัน
    'ค่า กูรู้ว่ามึงไม่ชอบให้ใครมาเสือก'
    'กลับมาจากอยู่กับผัวก็อย่าลืมซื้อขนมมาฝากกูด้วยนะคะะ'

    parn.
    'รัน'

    รัน
    'กลับมาจากอยู่กันแฟนนนนก็อย่าลืมซื้อขนมมาฝากกูด้วยนะคะะ'
    'พอใจยัง'
    'พลาดมากูพร้อมเลี้ยงหลานนะคะะะ บายค่า'

    ป่านกดส่งสติ้กเกอร์หมีบราวน์โกรธให้รันแล้วกดออกจากแชท กลิ่นหอมอ่อนๆของอาหารเตะลอยเข้าจมูกทำให้เขาที่ตอนแรกเฉยๆกลับหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น จึงตัดสินใจเดินลงไปข้างล่างเพื่อดูว่าอีกคนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่

    "พี่จ้าน"

    "ป่าน"
    "ตักข้าวเร็ว เดี๋ยวกับข้าวก็เสร็จแล้ว"
    "พี่ซื้อยามาให้ด้วยอยู่บนโต๊ะ กลิ่นเราแรงมากกว่าปกติมากเลย"

    เขาเดินไปเปิดดูถุงยาที่วางอยู่เพื่อตรวจดูยาที่พี่จ้านซื้อมา
    ยาบรรเทาอาการฮีท
    ยาแก้ปวด—คงไว้กินหลังจาก.. โอเค
    แก้มขาวนวลร้อนขึ้นเล็กน้อยเมื่ออ่านฉลากยาซองสุดท้าย
    ยาคุม
    รู้ว่าผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาหลายรอบ แต่ก็ยังไม่ชินเสียที

    "ยาคุมเป็นแบบใหม่นะ พี่ถามเพื่อนที่ทำงานโรงงานยามา มันแนะนำอันนี้มาแทนอันเดิม"

    "อืม"

    อีกคนคงรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร จึงหันจากเตามายิ้มกว้างให้เขาทีนึง 

    จากตอนแรกที่กังวลอยู่กลับรู้สึกโล่งขึ้นมาเสียอย่างนั้น



    เซียวจ้านสะลืมสะลือตื่นขึ้นมาเพราะร่างในอ้อมกอดที่ขยับตัวขยุกขยิกไปมา ทั้งกลิ่นเฉพาะตัวของป่านที่แรงเสียจนตลบอบอวนไปทั่วห้องนี่อีก เขาลุกขึ้นพิงหัวเตียงพร้อมกับประคองน้องให้ลุกขึ้นมาพิงอกตัว เขากวาดสายตาสำรวจไปทั่วตัวน้อง หยาดเหงื่อผุดขึ้นเสียจนทั่วร่างของป่านชื้นเหงื่อไปหมด ใบหน้าของป่านบิดเบี้ยวไปด้วยความทรมาณ

    น้องกำลังเข้าฮีทช่วงที่สอง

    เซียวจ้านจัดท่าให้น้องนอนลงกับเตียงอีกครั้งแล้วจึงผละออกมาเพื่อหาผ้ามาเช็ดตัว และเตรียมน้ำเย็นในอ่างไว้สำหรับให้น้องแช่คลายความร้อนภายในตัว ทันทีที่เขาผละออกมาไม่วายได้ยินเสียงป่านเรียกหาเขาแผ่วเบา เล่นเอาร่างกายเขาร้อนลุ่มขึ้นมาด้วยความปราถนา แต่เขาจะไม่รังแกน้องตั้งแต่ตอนนี้หรอก มันอันตรายต่อตัวน้องเกินไป

    เขาจัดเตรียมผ้าขนหนูผื่นเล็กและกะละมังใส่น้ำเย็นมาเช็ดตัวให้น้องในระหว่างที่รอน้ำเต็มอ่าง 

    เขามักจะถูกสอนการดูแลโอเมก้าจากคุณแม่ตั้งแต่เด็กๆ ก่อนที่เขาจะรู้ตัวว่าเป็นอัลฟ่าตอนอายุสิบแปด เสียด้วยซ้ำ เวลาที่โอเมก้าเข้าสู่ช่วงฮีท ในบางครั้งเซ็กส์ก็ไม่ใช่ทางออกเสมอไป 

    ฮีทแบ่งออกเป็นสามขั้น ขั้นแรก ช่วงการเตรียมสู่ฮีท โอเมก้าที่อยู่ในขั้นนี้จะปล่อยกลิ่นที่รุนแรงกว่าปกติออกมา และร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลียกว่าปกติเพื่อบังคับให้โอเมก้าพักผ่อนให้มากที่สุด ขั้นที่สอง ช่วงฮีท โอเมก้าจะค่อยๆรู้สึกอยากมีเซ็กส์กับใครสักคนตามสัญชาตญาณ และจะทวีคูณความทรมาณมากขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาฮีทของแต่ละคน และฮีทขั้นที่สาม ช่วงคลายฮีท ความรู้สึกทรมาณจะค่อยๆทุเลาลงจนเป็นปกติ

    เมื่อนึกย้อนถึงช่วงฮีทของป่านแต่ละครั้งที่ผ่านมาก็อดไม่ได้ที่จะจูบหน้าผากน้อง หวังว่ามันจะปลอบโยนได้ สักนิดนึงก็ยังดี

    "พี่จ้าน ป่านเจ็บ"
    ผิวขาวนวลของน้องขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความร้อนจากในร่างกาย แม้ภายนอกจะอยู่ในน้ำเย็นก็ตาม 

    "shh"
    "พี่อยู่ตรงนี้ครับ"

    "พี่จ้าน ช่วยหน่อย"
    ดวงตาที่เคลือบด้วยน้ำตาหันมาอ้อนวอนให้เขาตอบสนองความต้องการที่มีอยู่

    "ยังไงก็ได้"
    เสียงหวานสั่นเครือด้วยความทรมาณ

    เขาเองก็มีสัญชาตญาณของอัลฟ่า การที่โอเมก้าของตัวเองที่ฮีทอยู่เอ่ยปากอ้อนวอนอย่างนี้ก็ย่อมมีความต้องการเช่นกัน แต่หากเขาจัดการน้องเสียตั้งแต่เริ่ม ถ้าความทรมาณเพิ่มขึ้นจากตอนนี้ อาจทำให้น้องปลดปล่อยได้ยากขึ้น เขาต้องเริ่มจากอะไรที่เบาๆเสียก่อน

    "ตรงนี้ หรือที่เตียง"

    เสียงหวานครางแผ่วเบา กลิ่นหวานฟุ้งกระจายจนเขาสามารถลิ้มรสได้ในปาก

    "ตรงนี้ เตียง"
    "ทุกที่"

    เป็นทีเขาที่ต้องครางออกมา

    เขาจัดการชันเข่าของน้องขึ้นมาพาดขอบอ่าง ริมฝีปากก้มลงประทับบนปากอิ่มที่เผยอเชื้อเชิญ มือข้างหนึ่งจับต้นคอน้องเพื่อจัดองศาการจูบให้ลึกซึ้งกว่าเดิม อีกข้างค่อยๆลูบไล้ผ่านแผ่นอก แวะทักทายยอดอกทั้งสองข้างจนได้ยินเสียงหวีดร้องในลำคอก่อนจะค่อยๆเลื่อนต่ำลงแล้วหยุดอยู่ที่แกนกายที่กำลังชูชัน รูดรั้งเป็นจังหวะได้เพียงครู่ ก็รู้สึกได้ถึงการปลดปล่อย

    "ไปที่เตียงกัน"

    ดวงตาของน้องดูล่องลอย เขาจัดการทำความสะอาดร่างกายน้องและปล่อยน้ำในอ่างให้ไหลออกไป ผละตัวไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เพื่อมาเช็ดตัวน้องให้แห้งแล้วจึงค่อยอุ้มกลับไปที่เตียง

    "ป่าน"
    เขาลองเรียกสติน้อง
    "ป่านครับ"

    "อือ.."
    "พี่จ้าน.. ป่าน.."
    ป่านดูเหมือนจะอยากพูดอะไร แต่ดูไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะขยับปากเป็นคำพูด

    "พักก่อนมั้ยครับ"
    ป่านส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับเอื้อมมือมาวางบนมือเขา

    "ช่วย..นะ"

    เขาลุกขึ้นคร่อมตัวของน้องพร้อมไปกับการฝังใบหน้าลงบนซอกคอขาวที่หลังจากนี้คงเต็มไปด้วยรอยแดง มือข้างที่น้องเคยวางอยู่เลื่อนมาบีบเค้นขาอ่อนที่อ้าเชื้อเชิญอยู่ก่อนแล้ว  

    "พี่!"
    น้องหวีดร้องออกมาเมื่อช่องทางของตนเองที่เคยว่างเปล่ากลับถูกนิ้วของเขาบุกรุกเข้าไปอย่างรวดเร็ว แม้การขยับเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ป่านรู้สึกได้ 

    ถึงจะสงสารที่น้องต้องทรมาณแบบนี้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนที่น้องขยับสะโพกเข้าหาเขานั้นดูฮ็อตเสียจนอยากจะรังแกแรงๆตั้งแต่ตอนนี้

    อา ให้ตาย



    เปลือกตาที่ซ่อนดวงตากลมค่อยๆเปิดออกเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสเย็นที่ลูบไล้อยู่ที่แขน เขาหันไปมองก่อนจะพบกับพี่จ้านที่กำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดตัวให้เขาอยู่ ป่านค่อยๆยันตัวเองเพื่อลุกขึ้นนั่งโดยมีพี่จ้านที่คอยประคองช่วย

    "เป็นไงบ้าง ปวดตัวมากมั้ย"
    "ป่าน?"

    "หอม"
    "ขอกอดหน่อย"
    พี่จ้านยิ้มกว้างให้เขาแล้วขยับตัวเข้ามาโอบร่างของเขาไว้ในอ้อมกอด

    เขาชอบกลิ่นของพี่จ้านที่สุด กลิ่นที่ทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย แค่เพียงได้กลิ่นนี้โอบอุ้มเอาไว้ก็เหมือนเขาไม่ต้องกลัวอะไร

    "รอแปปนึงนะ"
    พี่จ้านเดินไปหยิบเสื้อฮู้ดสีขาวมาให้เขาสวม ก่อนจะเดินหายออกไปจากห้องทิ้งให้เขานั่งดึงสติตัวเองบนเตียง แต่เพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับถาดอาหาร..เช้า? อา น่าจะเที่ยงมากกว่า 

    "กินข้าวก่อน"
    "ส่วนนี่ยานะ"

    "พี่ไม่กินหรอ"

    หอมแก้มเขาไปทีนึง "พี่กินแล้วครับ"

    เขาพยักหน้ารับแล้วก้มหน้าก้มตากิน 
    "งานเหรอ"
    เขาเอ่ยถามดูเมื่อเห็นอีกคนกดโทรศัพท์ยิกๆ ชื่อเจ้าของแชทที่สนทนาด้วยก็คือคุณเลขาสาวของเจ้าตัวนั่นแหละ

    "อือฮึ"
    "ป่าน หยุดอมข้าวได้แล้ว"
    "โอ้ย"

    ใครอมข้าวกันเล่า!



    โดยปกติแล้วฮีทขั้นที่สองของป่านจะมีระยะเวลาอยู่ประมาณสามวัน และเริ่มเข้าขั้นที่สามในวันที่สี่ หมายความว่าวันนี้คือช่วงที่ป่านจะทรมาณมากที่สุด ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำการสอดใส่ แต่ดูเหมือนวันนี้สิ่งที่คอยทำมาตลอดสองวันจะไม่ช่วยให้น้องสงบลงอย่างเช่นเคย

    สองมือที่ค้ำยันอยู่หน้าท้องของเขาสั่นเทายามที่ร่างขยับขึ้นลงตามจังหวะที่ตัวเองควบคุม ใบหน้าเชิดสูง ดวงตาปิดลงเพื่อให้รับรู้ความรู้สึกที่ส่งมาให้ได้มาที่สุด ริมฝีปากแดงเจ่อจากการจูบเมื่อครู่ถูกกัดเอาไว้เพื่อระบายความเสียวซ่าน

    พอมองจากข้างล่างนี่

    อา..

    สองมือเขาคอยลูบวนอยู่เอวและสะโพกของน้อง คอยประคองยามที่การควบคุมเสียจังหวะไปบ้าง เมื่อเห็นท่าทางของน้องเริ่มไม่ไหวจึงจับพลิกให้น้องลงไปนอนราบกับเตียงแทน สองขาเนียนขาวนั่นยกขึ้นล็อกเข้ากับเอวเขาทันทีราวกับกลัวว่าเขาถอยห่างไปไกล

    จังหวะที่อีกคนพยายามควบคุมในตอนแรกไม่สามารถเทียบได้เท่ากับจังหวะที่เขากำลังควบคุมในขณะนี้ ถึงแม้จะปลดปล่อยไปแล้วหลายครั้ง แต่เพราะฮีทกำลังอยู่ในช่วงที่ทรมาณที่สุดทำให้ความต้องการยังคงรอคอยการปะทุอีก เขาจัดการดูแลทั้งด้านหน้าและด้านหลังของน้องจนเพียงไม่นานป่านก็ปลดปล่อยออกมาครั้งสุดท้าย 

    แม้ว่ากลัวน้องจะเหนื่อยเกินแต่จะรับไหว แต่เขาในตอนนี้ก็ไม่อาจจะถอยออกมาจากภายในตัวน้องได้เช่นกัน เสียงกระทบของเนื้อดังขึ้นถี่รัวพร้อมกับเสียงครางหวานทุ้มสลับปนกันไปทำให้อุณหภูมิของห้องดูร้อนแรงขึ้นมา เวลาผ่านไปไม่นานนักเซียวจ้านเองก็ปลดปล่อยออกมาเสียจนเปรอะเปื้อนหว่างขาของน้องไปหมด

    "คนดี นอนนะครับ"
    สัมผัสที่หน้าผากผะแผ่ว
    "เดี๋ยวพี่จะดูแลป่านเอง"



    ป่านยืนพิงกำแพงนอกห้องประชุมของคณะด้วยความเบื่อหน่าย วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการรับน้องซึ่งรวมไปถึงการเฉลยสายรหัส เขาที่เป็นพี่ใหญ่ที่สุดในสายถึงต้องรับหน้าที่เลี้ยงน้องๆในสายอย่างเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่เขาทำตอนนี้ก็คือการรอให้น้องๆถ่ายรูปกันให้เสร็จเสียทีจะได้ไปที่ร้านที่จองเอาไว้

    "พี่ป่าน ไปกันพี่"
    น้องดาวเรียกเขาให้เดินตามไป

    "พี่ป่าน"
    "จบละพี่จะไปทำงานไหนวะ"
    เป็นดาวเจ้าเดิมที่เปิดบทสนทนาบนโต๊ะอาหารให้ไม่เงียบเกิน

    "ไม่รู้สิ อาจจะไปเรียนต่อที่จีนก่อน"

    "หูย พี่ป่านได้ทุนหรอคะ"
    น้องปีหนึ่งของสายรหัสของเขาที่เป็นรุ่นน้องที่มาทำภารกิจในวันนั้นเอ่ยถาม

    "โอ้ย อย่างพี่ป่านไม่ต้องขอทุนหรอกมั้ง"

    "นั่นดิ พี่จ้านเลี้ยงสบายเลยอ่ะจุ้นว่า"
    จุ้น สายรหัสปีสองของเขาเอ่ยแซว

    "พี่จ้านคือใครหรอคะ"

    "แฟนพี่เอง"
    เขาตอบ

    "ใช่อัลฟ่าที่อยู่กับพี่ที่คาเฟ่วันนั้นหรือเปล่าคะ"

    "ครับ"

    รุ่นน้องทำหน้าฉงน "พี่ป่านคบกับอัลฟ่าด้วยกันหรอคะ"
    "พี่จ้านเขาเท่สุดๆไปเลยนะคะ มองแวบแรกก็น่ารัก"
    "ทั้งน่ารักทั้งหล่อเลยค่ะ"

    ทั้งดาวและจุ้นหันมามองเขาพร้อมกับยิ้มแหยๆ

    "เปล่าครับ"
    เขาเบื่อจะอธิบายจริงๆ
    "พี่เป็นโอเมก้า ส่วนพี่จ้านเป็นอัลฟ่าของพี่"

    พอเจอคำตอบเขา น้องก็ยิ้มค้างทันที
    "อ่อค่ะ"
    "คือ.."
    "หนูขอโทษนะคะ" 

    หลังจากนั้นทั้งดาวและจุ้นก็เปลี่ยนเรื่องและช่วยสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นโดยที่มีเขาคอยตอบบ้างในบางครั้ง ส่วนน้องปีหนึ่งก็ดูจะระวังคำพูดมากขึ้น

    "อิ่มจัง"

    "แล้วนี่กลับยังไงอ่ะ"
    จุ้นหันไปถามน้องปีหนึ่ง

    "เดี๋ยวป๊ากำลังมารับค่ะ"
    "พวกพี่ล่ะคะ"

    "เดี๋ยวพี่กับดาวไปก๊งต่ออ่ะ"
    "พี่ป่านอ่ะ"

    "เดี๋ยวพี่จ้านใกล้ถึงแล้ว"
    ยังไม่ทันขาดคำเขาก็เห็นอีกคนเดินเข้าประตูร้านมาก่อนจะเดินตรงมาที่โต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่

    "ว่าไงเด็กๆ"
    ถึงปากและสายตาจะจดจ้องอยู่ที่รุ่นน้องของเขาทั้งสามคนแต่มือกลับวางแหมะลงบนหัวเขาแล้วโยกไปมาเบาๆ

    "พี่จ้าน ไปจ่ายเงิน"

    "โหย ป่าน"
    "พึ่งมาถึงเอง ไล่ให้ไปจ่ายเงินแล้วหรอ"

    เขาตีแขนอีกคนเบาๆให้เลิกเล่นเสียที 
    "ดึกแล้ว จะมานั่งเล่นอะไรเล่า"

    "ครับๆ"



    "วันนี้ขอบคุณพี่ๆมากเลยนะคะ กลับกันดีๆนะคะ"
    น้องปีหนึ่งไหว้ขอบคุณก่อนจะหันหลังไป แต่เหมือนจะนึกอะไรได้เสียก่อน
    "พี่ป่านคะ หนูขอโทษอีกทีนะคะ"

    "ไม่เป็นไรครับ"
    เขายิ้มบางๆเพื่อให้น้องสบายใจ

    "บ๊ายบายค่ะพี่ๆ"






    รัน
    'ป่าน'
    'อีเหี้ย เหลนรหัสมึงเป็นเหี้ยไร'
    'ไลน์มาแบบรูดแป้นใส่กู'
    'แล้วบอกว่ามึงคือพิกกี้บูบูที่น่ารักที่สุด แงแอ'
    'สายมึงปกติกันมั้ยเนี่ย นอกจากมึงเนี่ย'

    parn.
    'พิกกี้บูบู?'

    รัน
    'มึงไม่ได้ดูแพร วทานิกาหรอ'
    'ก็แบบไม่ว่าหนูจะตัวใหญ่ขนาดไหน หนูกะคือตะเร้กตะโน้ยของแม่'

    parn.
    '...'

    รัน
    'มึงไปแผลงฤทธิ์อะไรมา จากหวีดอินเนอร์ผัวขาๆ ถึงกลายเป็นพิกกี้บูบูได้'

    parn.
    'ก็แค่เลี้ยงชาบูปกตินะ กินเสร็จก็แยกย้าย'

    รัน
    'มึงอ้อแอ้อะไรผัวมึงป่าว'
    'โมเม้นมึงอ้อแอ้ผัวมึงคือพิกกี้บูบูที่สุดแล้ว'

    parn.
    '...'
    'อ่อ'
    'เค'

    รัน
    'เคไร มึงอธิบายให้กูเสือกด้วยสิ!!'

    "ป่าน นอนได้แล้ว"

    เขาละสายตาจากหน้าแชทของรันมาสนใจคนที่นอนอยู่ข้างๆแทน 
    "รู้แล้วๆ"

    เขาเสียบสายชาร์จโทรศัพท์แล้ววางมันไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะจัดท่านอนตัวเองให้สบายจนสุดท้ายตัวแทบจะเกยขึ้นไปนอนบนตัวของพี่จ้าน ถึงกลัวว่าพี่จ้านจะนอนไม่สบาย แต่เขาชอบท่านี้เพราะอย่างนั้นเขาไม่ขยับหรอกนะ

    "ฝันดีนะ"

    "ฝันดีครับ"



    talk มาแบบงงๆ จบแบบงงๆเช่นเคย 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
luckiest2be (@luckiest2be)
ง่อวววววว ผัวพี่จ้านหล่อมาก อยากได้สักคน
jajasuch (@jajasuch)
น่ารัก​มาก​กก​กก​กก​ เขินไปหมด