เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
fictionscsinos99
梦 #จ้านป๋อ
  • *****-เราเห็นพล็อตของคุณ @JIAYANsweets แล้วอยากลองแต่งดู ถ้าอยากให้ลบยังไงก็บอกมาได้เลยนะคะ ขอโทษที่ไม่ได้ไปขอโดยตรงนะคะ เราแบบว่า เขิน-


    หวังอี้ป๋อเป็นคนรับใช้ของธิดาบุญธรรมของท่านเซียนสวรรค์ ครั้นจะว่าเป็นคนรับใช้ที่ต้อยต่ำไร้ศักดิ์ไร้ศรีก็มิใช่นักเขาเองก็เป็นหนึ่งในลูกของท่านเซียน ผิดไปก็แต่เป็นลูกนอกสมรสที่ไม่ได้รับการยอมรับจึงได้รับแค่ตำแหน่งคนรับใช้ของธิดาบุญธรรม

     

    ด้วยความเอ็นดูและไว้ใจที่มีให้ เขาจึงเป็นดั่งศิษย์น้องคนสนิทคอยดูแลกระต่ายสวรรค์ที่ธิดาบุญธรรมเลี้ยงไว้ แต่ด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวในวันนี้จึงขอกลับมาพักผ่อนกายให้หายก่อนยามปกติ

     

    สองมือค่อยๆปลดเปลื้องอาภรณ์สีขาวที่คลุมอยู่จนเหลือเพียงอาภรณ์สีขาวบางๆชั้นในสุดเท่านั้น ก่อนที่ร่างอันเหนื่อยอ่อนจะเอนลงเพื่อพักผ่อนดั่งใจหวัง

     

    โชคร้ายนักแม้จะพักผ่อนไปทั้งคืนอาการกลับไม่ทุเลาลงเสียเท่าไหร่ หลังจากจัดการทำความสะอาดร่างกายแล้วจึงตั้งใจว่าจะไปที่โรงยาเพื่อขอยามาบำรุง

     

    แต่เสียงเคาะเรียกเชิญให้เขาไปพบธิดาบุญธรรมอย่างเร่งด่วนทำให้เขาต้องละความตั้งใจแรกไว้เสียก่อน

     

    สองเท้าเดินตามทางโขดหินด้วยท่าทางสุขุมและสง่าก่อนย่อลงเพื่อเก็บดอกไม้ริมทางที่ธิดาบุญธรรมโปรดอย่างเช่นทุกวันที่เข้าพบ

     

    ยามที่ประตูตำหนักเปิดออกเขาเดินเข้าไปเคารพธิดาบุญธรรมด้วยความนอบน้อม ก่อนจะนำดอกไม้ที่นำมาไปวางในโหลที่เก็บดอกไม้แห้งไว้ แต่กลับถูกขัดเสียก่อนด้วยฝ่ามืออ่อนโยนที่เคยปลอบโอนบัดนี้กลับตบลงแก้มเขาเสียเต็มแรง

     

    เขารีบทรุดเข่าลงเพื่อขอการอภัยและถามถึงสาเหตุที่ไม่ทราบ

     

    ศิษย์พี่หญิงข้าขอโทษและขอบังอาจถามท่านถึงเหตุ

     

    สายตาเกรี้ยวกราดของศิษย์พี่หญิงคลอเคล้าไปด้วยน้ำตาและความโกรธ

     

    เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือ

    ข้ามอบหน้าที่ให้เจ้าดูแลกระต่ายของข้าหาได้ต้องทำงานหนักเยี่ยงข้ารับใช้คนอื่น

    เจ้ากลับตอบแทนข้าเช่นนี้

     

    อี้ป๋อไม่เข้าใจถึงเหตุที่ศิษย์พี่หญิงแดกดันเขา

     

    ข้าทำอันใดหรือ

     

    นิ้วชี้เรียวที่ประดับด้วยเล็บสีแดงสดที่เขามักจะชื่นชมถึงความงามของมันเสมอยกขึ้นชี้หน้าด้วยมันสั่นไปหมดด้วยความโกรธที่ส่งผ่านมา

     

    เจ้าเอากระต่ายของข้าไปทำยาวิเศษหวังให้ตนมีพลังเพิ่มขึ้น

    เจ้ากล้าดีอย่างไร!!

     

    ดวงตาของเขาคลอด้วยน้ำใสที่ปริ่มจะรินไหลเต็มทน ใบหน้าสะบัดปฏิเสธเสียจนเส้นผมเงาขลับไหวไปตามการเคลื่อนไหว

     

    ข้ามิกล้าข้าไม่ได้ทำจริงๆ

    เมื่อวานข้าเพียงเข้าไปดูแลกระต่ายอย่างปกติเพียงแต่รู้สึกไม่สบายกาย จึงขอตัวกลับไปพักก่อนเวลา

     

    แล้วใครมันช่างกล้า!! หากไม่ใช่เจ้าที่คุ้นเคยกับพวกมันดี และรู้ที่เก็บรักษา

     

    เสียงประตูของตำหนักถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมนักพรตของตระกูล น้ำเสียงกระซิบกระซาบเบาแผ่วทำให้อี้ป๋อไม่อาจเข้าใจในบทสนทนา แต่ทันทีที่นักพรตผู้นั้นพูดเสร็จธิดาบุญธรรมก็ส่งเสียงกรีดร้องด้วยความกริ้วอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

     

    พวกเจ้านำมันผู้นี้ไปโยนลงโลกมนุษย์ อย่าให้มันได้ขึ้นมาบนสวรรค์นี้อีกหากข้าพบเห็นแม้แต่ไรผมของมันในสวรรค์นี้อีก พวกเจ้าทั้งหมดจะโดนลงโทษ

     

    สองแก้มนวลเต็มไปด้วยน้ำตาตารีทั้งสองข้างเบิกขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้

     

    เขามิได้ทำการอันใดจริงๆ เหตุใดธิดาบุญธรรมไม่ฟังความเขาเลยสักนิด

     

    ริมฝีปากสั่นเครือก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำด้วยความเคารพที่มีอยู่ท่วมล้น

     

    ข้ามิอาจแก้ตัวด้วยคำใดอีกหากศิษย์พ-

    ข้ามิใช่ศิษย์พี่ของเจ้า!!

    ได้เพียงแต่กล้ำกลืน หากธิดาบุญธรรมเห็นควรว่าข้าควรโดนลงโทษสถานนี้ข้าก็ขอกล่าวลาท่าน และขอให้ท่านอภัยข้าอีกครั้ง

    ขอท่านจงรักษาตัวด้วย

     

    ศีรษะก้มลงเคารพเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินตามนักพรตออกไปด้วยใจที่เจ็บปวด

     

     

    อา

    ดูท่าเขาจะสลบไปด้วยความเหนื่อยล้า

     

    เสียงลำธารที่ไหลทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจนเผลอหลับใต้ต้นไม้ไป เมื่อลองสังเกตท้องฟ้าก็พบว่าจวนจะมืดแล้ว อี้ป๋อกัดริมฝีปากด้วยความกังวล

     

    เขาอยู่บนสวรรค์หาได้มีโอกาสลงมาโลกมนุษย์บ่อยไม่และหาได้มีครั้งไหนที่ต้องมาอาศัยอยู่กลางดงป่าไพรเช่นนี้ การก่อไฟเองจึงเป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถ แต่ค่ำคืนนี้ต้องหนาวเย็นเป็นแน่เขาตัดสินใจเดินตามลำธารไปเรื่อยๆอีกครั้ง หวังเพียงจะมีชาวบ้านมาปักหลักอยู่ข้างริมธาร



     

    ดั่งโชคเข้าข้าง

     

    หลังจากเดินมาจนสองขาเหนื่อยล้าเต็มทนก็พบเข้ากับกระโจมของคณะล่าสัตว์สองเท้าเดินเข้าไปหาทหารที่ประจำเฝ้ายามด้วยท่าทีสุขุม

     

    ข้าขอรบกวนพวกท่านสักนิดได้หรือไม่

     

    ทหารทั้งสองหันมองหน้ากันด้วยท่าทีครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าแล้วเข้าคุมตัวเขาด้วยความรวดเร็ว

     

    ฟังข้าก่อน

    เขาพยายามเอ่ยห้ามแต่กลับไม่มีผู้ใดฟัง

     

    เขาโดนลากมาก่อนจะโดนผลักให้ทรุดเข่าลงและกดหัวเอาไว้

     

    พวกเจ้าพาใครมากัน

     

    พวกข้าสองคนเห็นท่านผู้นี้เดินลับๆล่อๆจึงคุมตัวเข้ามาให้ท่านอ๋องพิจารณา

     

    ข้ามิได้ทำตัว-

     

    เงียบซะ!

     

    เลิกไร้มารยาทต่อท่านผู้นี้เสียที

    เนื้อตัวถึงจะมอมไปบ้าง แต่ก็ยังดูสะอาดสะอ้าน เสื้อผ้าดูมีราคาและสง่าเยี่ยงนี้ ดูไม่เหมาะมาเดินในพงป่าอันตรายคนเดียว

    ภายใต้ใบหน้าที่ยังถูกกดให้ก้มอยู่ปรากฎรองเท้าหนึ่งคู่มาหยุดต่อหน้า ก่อนที่ร่างของท่านอ๋องจะทรุดตัวลงเสมอเขาใบหน้างามของอี้ป๋อถูกเชยขึ้นให้สบตากับท่านอ๋อง พลันตาสบกัน แม้เพียงชั่ววิแต่เขามั่นใจว่าสายตาของท่านอ๋องเบิกขึ้นเล็กน้อย

     

    ข้า ข้าโดนลงโทษ

    ข้ามิได้มีเจตนาร้ายใดๆเพียงแค่หวังขออาหารสักมื้อแล้วจะขอตัวทันที

     

    ลงโทษ?”

    ร้ายแรงขนาดใดหรือ

     

    ดวงตาของเขาสั่นไหวยามนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าตรู่

     

    ข้าโดนไล่ให้มาอยู่ที่นี่

     

    โดนไล่ออกจากตระกูลอย่างนั้นสินะ

    แม้จะมีรอยยิ้มอ่อนโยนมอบให้แต่คำพูดกลับบาดใจเขาในเมื่อเป็นความจริง เขาก็ทำได้แต่พยักหน้ายอมรับ

     

    คืนนี้ท่านพักกับเราก่อนเดินทางในป่าตอนกลางคืนนั้นอันตราย

     

    ท่านอ๋องประคองตัวเขาก่อนดึงข้อมือให้เขาเดินตาม แม้จะพยายามเอ่ยปฏิเสธแต่ดูท่าท่านอ๋องผู้นี้จะไม่ฟังคำใดๆเลยสักนิด

     

    หากท่านให้ข้าพักในกระโจมนี้แล้วเจ้าของกระโจมนี้เล่าจะพักที่ใด

     

    ท่านไม่ต้องห่วงสิ่งใดนี่กระโจมของข้าเอง

    และ

    ข้าก็จะพักกระโจมนี้เช่นกัน

     

    สายตากวาดรอบกระโจมด้วยความฉงนเขาตั้งคำถามอีกครั้ง

     

    งั้นข้านอนที่พื้นแล้-

     

    ยังไม่ทันที่จะเอ่ยเสร็จเสียงหัวเราะของท่านอ๋องก็ขัดขึ้นเสียก่อน

     

    เตียงนั่นใหญ่พอที่ทั้งข้าและท่านจะนอนด้วยกันแน่นอนว่าหากท่านไม่รังเกียจ

     

    ข้ามิบังอาจท่านเสียมากกว—“

     

    อีกครั้งที่เขาถูกขัดจังหวะหาทางเอาตัวรอด

     

    ข้าไม่รังเกียจ

     

    สอบมือของท่านอ๋องปลดอาภรณ์ที่คลุมอยู่ออกก่อนจะเหลือเพียงอาภรณ์สีดำ

     

    เขากัดปากด้วยความลังเลก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงบนเบาะรองนั่นที่ตั้งอยู่พร้อมกับโต๊ะตรงกลางของกระโจม

     

    ข้าไม่อยากรบกวนท่านขอพักผ่อนตรงนี้ เชิญท่านตามสบาย

     

    อาตามแต่ใจท่านปราถนาเถิด

    แม้จะไม่ได้หันไปมองหน้า แต่เขาก็พอเดาได้จากน้ำเสียงปนขำนั่นว่าท่านอ๋องผู้นี้กำลังแกล้งให้เขาขุ่นใจ

     

     

    ท่านตื่นแล้วหรือ

    ข้าได้ยินจากทหารว่าเมื่อคืนมีคุณชายหลงทางในป่า

     

    อี้ป๋อพยักหน้ารับด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างปกติ แต่ในใจกลับอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณชายผู้นี้คือใคร ดูท่าทางเยาว์วัยและดูมีชาติตระกูล

     

    ทหารเล่าว่าท่านเนื้อตัวมอมแมม ข้าว่าทหารของข้าดูท่าทางจะเลอะเลือนแล้วนี่

     

    ทหารของท่านไม่ได้เลอะเลือนข้าเดินในป่าทั้งวันเนื้อตัวย่อมมอมเป็นธรรมดา

     

    ใครว่าใบหน้าของท่านไร้ซึ่งดินเปื้อนสักเม็ด

     

    หืม?

    เขายกมือขึ้นลูบแก้มของตนเองที่เคยรู้สึกได้ว่าเปื้อนดินโคลนบัดนี้กลับรู้สึกสบายหน้า

     

    ข้าขอถามท่านสักคำถามได้หรือไม่

     

    จะกี่คำถามท่านก็ถามมาเถอะถ้าข้าตอบได้ก็จะตอบ

     

    เสื้อคลุมนี่ของใครกันข้าตื่นมาพร้อมกับเสื้อคลุมนี้คลุมกายอยู่

     

    แม้เมื่อคืนจะพยายามฝืนตัวไม่ให้เผลอหลับ แต่เพราะอาการไข้ที่ยังไม่หายดีทบกับความเหนื่อยล้าจากการเดินสุดท้ายจึงเผลอเอนตัวลงหลับกับโต๊ะไป ตื่นมาก็พบกับเสื้อคลุมสีดำคลุมไหล่ไว้บรรเทาความหนาว ทั้งยังที่คุณชายผู้นี้ทักว่าใบหน้าของเขาไร้คราบเปื้อนอีก

     

    อา น่าจะของพี่จ้าน

     

    พี่จ้าน?”

    ข้าขออภัยแต่ข้าไม่ทรา—“

     

    ข้ารู้สึกน้อยใจนักอุตส่าห์ให้ที่พักพิง แต่ท่านกลับไม่รู้จักชื่อข้า

     

    เขาหันไปมองตามเสียงใบหน้าเปื้อนยิ้มทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งพูดเล่นหาได้ใส่ใจ

     

    ข้าต้องขอโทษท่านอ๋องด้วย

    ไหนๆข้าก็พบท่านแล้วข้าขอตัวลาก่อน

     

    ท่านจะรีบไปไหนเมื่อคืนท่านยังไม่ได้ทานอาหารตามที่หวังเลย ท่านรอสักพักก่อนเถอะ

     

    แม้จะอยากขัดความตั้งใจแต่ก็พอรู้ขีดจำกัดตนว่าหากไม่ได้รับสารอาหารคงได้ล้มป้วยจริงๆแน่

     

    ขอบคุณท่านอ๋อง

     

    เจ้าสองคนนำทางคุณชายท่านนี้ไป

     

     

     

    พี่ถูกใจคุณชายผู้นั้น

     

    อืม

    แม้จะตะขิดตะขวงใจที่คุณชายคนนี้โดนไล่ออกจากตระกูลแต่กลับดูท่าไม่มีพิษภัยอันใด

    แต่ข้าถูกใจคุณชายคนนี้

     

    ตามแต่ใจท่านพี่เถอะ

    ข้าเองก็ไม่คิดว่าคุณชายคนนี้จะมีพิษภัยอันใดเพียงแต่.. ผ้าคาดหน้าผากนั่น

     

    อืม

     

     


    หลังจากเวลาผ่านไปอาหารที่ถูกนำมาให้ก็ถูกเขาทานจนหมด แม้จะหิวแค่ไหนแต่ท่าทางของเขาก็ยังคงไว้ซึ่งความสง่าดั่งที่เคยสอนมา เขานั่งพักเพียงไม่นานท่านอ๋องก็เดินมาหาพร้อมกับเชิญให้เขาเดินไปสถานที่หนึ่งพร้อมกันแม้จะกลัวและระแวงใจ แต่เขาก็ยอมเดินตามไปตามคำเชิญ

     

    ม้า...

    ท่านอ๋องคงไม่ได้จะยกม้าให้ข้า

     

    เปล่า

    เพียงแต่..

     

    ท่านอ๋องเหยียบขึ้นไปนั่งบนอานม้าก่อนจะส่งสัญญาณให้ทหารที่เดินตามมาจัดการอุ้มคุณชายขึ้นหลังม้า ก่อนที่สองข้างเขาจะจัดการกักตัวคุณชายไว้ในอ้อมกอดเพียงแต่ทำเป็นจับเชือกม้าแทนการประคองเอว

     

    ท่านทำอะไร

     

    ดวงตารีหันมองเขาด้วยอารมณ์กรุ่น

     

    ข้าต้องขออภัยท่านด้วย

    เขากระตุกเชือกส่งสัญญาณให้ม้าค่อยๆเคลื่อน

     

    แต่ถ้าข้าไม่ทำเช่นนี้ท่านคงปฏิเสธหัวชนฝาไม่กลับไปกับข้า

    ระหว่างทางนี้หากท่านหาเหตุผลให้ข้าปล่อยท่านไปได้ ข้าก็จะปล่อย แต่ถ้าหากไม่..

    ท่านอ๋องเพียงยิ้มให้แทนการจบประโยค

     

    ท่าน! ปล่อยเราลงเดี๋ยวนี้

    เราจะลง!

     

    อยากจะตบปากตัวเองที่เผลอหลุดสรรพนามที่มักจะใช้ยามศิษย์พี่หญิงแกล้ง

    เจ้าพูดว่าเราอย่างนู่นเราอย่างนี้เช่นนี้ไง พี่ถึงได้ชอบแกล้งเจ้า

    ดูท่าทางท่านอ๋องก็ถูกใจกับการแกล้งเขาไม่ต่างจากศิษย์พี่หญิง

     

    เจ้าจะลงงั้นหรือ

    แต่พี่ไม่อยากให้เจ้าลงเลย

     

    เรา เรา!

    ท่านมิได้สนิทชิดเชื่อกับเราและเราก็ไม่ได้สนิทชิดเชื่อกับท่าน เหตุใดจึงคิดพาเรากลับไปกับท่าน

     

    ท่านพี่

     

    เขามองหน้าของท่านอ๋องด้วยความฉงน ท่านอ๋องดูจะสามารถรับรู้ถึงความสงสัยที่มีถึงได้ละสายตาจากทางข้างหน้าก้มลงมองเขาที่อยู่ในอ้อมแขน

     

    เจ้าเรียกพี่ว่าท่านพี่สิ

    พี่อาจจะใจอ่อนหากเจ้าอ้อนพี่

     

    เขาอ้าปากอย่างเสียอาการขยับพะงาบหวังหาคำมาบรรยาย

     

    ข้าไม่อ้อนใครทั้งนั้น

     

    เจ้าดูนั่น

     

    เขาหันไปมองดังที่ท่านอ๋องบอกก่อนจะสบกับตากลมโตของเจ้ากวางตัวใหญ่ เขาเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความไม่รู้ตัวก่อนจะชะงักไปเมื่อโดนทัก

     

    รอยยิ้มเจ้าช่างงาม

    ยิ้มบ่อยๆเถอะ

     

    ท่านเซียนบนสวรรค์กลั่นแกล้งเขาหรืออย่างไรกัน

     

     

     

    บรรยากาศของรอบข้างยังเต็มไปด้วยป่าไพรเพียงแต่เริ่มสามารถเห็นบ้านของนายพรานได้ประปราย แสดงสัญญาณว่าเริ่มไกลจากกลางป่าออกมาเรื่อยๆ เขานั่งเงียบมาตั้งแต่เจอกับกวางตัวนั้นพยายามหาข้อแก้ตัวหนีสถานการณ์นี้แต่จะให้พูดปดก็ไม่อาจ ด้วยตัวเขาไม่เคยโกหกใคร

     

    ข้าโดนไล่ลงมาโลกมนุษย์

     

    อืม

    เสียงตอบรับในลำคอดูท่าไม่ได้ตกใจอันใด

     

    ท่านรู้

     

    แน่นอนคุณชายรูปงามสวมอาภรณ์สีขาวสง่า และผ้าคาดหน้าผากประดับด้วยหยกแกะสลักนั่น

    ลดใบหน้ามองเข้าในตาของเขา

    เจ้าต้องมาจากสวรรค์แน่นอน

     

    แล้วเหตุใดท่านถึงไม่ถามถึงสาเหตุ

     

    ในเมื่อเจ้าอยากให้ถามพี่ก็จะถาม

    เหตุใดบุรุษรูปงามจากสวรรค์เยี่ยงเจ้าจึงถูกไล่ลงมาอยู่บนดินเล่า

     

    ข้าทำเรื่องผิดมหันต์

    เรื่องที่ไม่ดีมากๆ

    ทีนี้ ท่านก็ทราบแล้วท่านจะปล่อยเราได้หรือยัง

     

    หึ

    ไหนกันที่ทำให้พี่ทราบเจ้ายังไม่ได้เอ่ยอะไรเลย

     

    เขากัดริมฝีปากอย่างครุ่นคิดหากบอกไปว่าเขาโดนไล่ลงมาด้วยว่าดูแลกระต่ายสวรรค์ของธิดาบุญธรรมไม่ดีก็คงไม่อาจทำให้เขาหลุดพ้นไปได้อยู่ดี

     

    ทำไมท่านอ๋องผู้นี้ถึงได้หน้าด้านอย่างนี้นะ

     

    ข้า ข้า..

     

    เจ้าโกหกไม่เป็นสินะ

     

    ข้า!

    ได้แค่จิ๊ปากอย่างเสียอารมณ์

     

    อีกไม่กี่ชั่วยามก็จะถึงแล้วรีบคิดเสียเถอะ

     

     

     

    เสียงเจื้อยแจ้วดังแว่วมาหากให้เขาลองคาดการณ์ แถวนี้คงใกล้กับตลาดของเมือง

     

    ถึงแม้จะคิดมาตลอดทางแต่ก็ไม่สามารถหาเหตุมาทำให้เขาหลุดพ้นไปได้ไม่ว่าจะหยิบยกเหตุใดมาท่านอ๋องก็ดูจะไม่สะเทือน ทั้งยังยิ้มเยาะกลับมาอีก

     

    ภรรยาท่านไม่ว่าหรือ ประพฤติเช่นนี้

     

    เช่นไรหรือ

     

    มือหนึ่งเลื่อนมาโอบเอวเขาส่วนอีกมือยังคงคุมม้าอย่างคล่องแคล่ว

     

    ท่าน!

     

    พี่เองๆ

     

    เฮ้อแล้วคุณชายอีกคนเล่า ทหารของท่านอีก

     

    เดี๋ยวจั๋วเฉิงก็ตามมา

    เจ้าถูกชะตากับเขาหรือ

     

    เขาไม่ได้ตอบอะไรและที่ถามก็เป็นเพราะอยากเปลี่ยนเรื่องก็เพียงเท่านั้นดูท่าท่านอ๋องจะแพรวพราวไม่เบาเขาพยายามจะลองถามถึงเรื่องส่วนตัวอย่างแนบเนียนยามเอ่ยพูดด้วย แต่ก็โดนเบี่ยงตลอด

     

    แล้วใครคือจั๋วเฉิงกัน

    คงจะเป็นคุณชายท่านนั้นกระมัง

     

    ว่าอย่างไร

    เจ้าถูกชะตากับเขาหรือ

     

    มากกว่าท่าน

     

    ท่านอ๋องหัวเราะลั่นออกมาเสียจนเขาหันไปมองค้อนใส่ แม้อีกคนจะไม่ได้มองหน้าเขาอยู่แต่หวังว่าอารมณ์คุกรุ่นนี้จะส่งไปถึง

     

    ถึงเมืองข้าแล้ว

     

    ท่านอ๋องคุมม้าผ่านตลาดของเมืองไป ไม่วายโดนสายตาสงสัยคอยสอดส่องมองมาอี้ป๋อทำได้เพียงก้มหน้าเล็กน้อยด้วยไม่อยากสบตากับใครเข้า

     

    เพียงไม่กี่อึดใจท่านอ๋องก็มาหยุดลงที่หน้าจวนหนึ่ง ก่อนจะลงจากม้าแล้วยื่นมือมารับเขาที่พยายามลงจากม้าด้วยท่าทีที่ไม่เชี่ยวชาญนัก

     

    อาจ้าน

    เจ้าพาใครมาด้วย

     

    เขาหันไปมองตามเสียงหวานของหญิงสาวเธอมีรูปร่างหน้าตาที่สละสลวย กิริยาดูงาม ยิ้มนั้นหวานไม่ต่างจากเสียงของเธอ

     

    ข้าว่าเราเข้าไปข้างในก่อนดีกว่า

     

    เขาจำใจเดินตามทั้งสองคนไปแม้ว่าใจจะอยากเดินหนีไปก็ตาม แต่ดูท่าแม้เขาจะลองวิ่งหนีดู คนในเมืองก็คงจับเขากลับมาให้ท่านอ๋องเป็นแน่

     

    เขาเดินตามไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดหน้าเรือนหนึ่งด้วยความไม่กล้าเข้าไปก่อนได้รับอนุญาต

     

    เหตุใดท่านไม่เข้ามาเล่า

    แม่หญิงหันมาถาม

     

    ข้าไม่อยากบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของพวกท่าน

    ขอรอข้างนอกนี้

     

    แม่หญิงหันไปมองท่านอ๋องที่กำลังยิ้มให้เขาอยู่ก่อนจะหัวเราะออกมา

     

    ข้าคิดไว้แล้วว่าคนอย่างเจ้าต้องพาคนที่พิเศษมากๆมา

    เชิญท่านมาดื่มน้ำชากับเราเถอะ

     

    ข้าไม่อาจรบกวน

     

    หรือท่านอยากจะชำระร่างกายก่อน

    เจ้าสองคนนำทางคุณชายไปที่เรือนเล็ก จัดเสื้อผ้าให้คุณชาย

     

    ท่านไม่—“

     

    พี่ว่าเจ้าอย่าขัดนางเลยอีกอย่าง เราเดินทางมาค่อนวันเจ้าเองก็คงอยากจะชำระร่างกาย

     

    ในเมื่อไม่อาจหาคำมาต่อรองได้ เขาจึงได้แต่เดินตามสาวรับใช้ไปเรือนเล็กอย่างที่แม่หญิงสั่ง

     

    แม้จะชื่อเรือนเล็กแต่ก็ไม่ได้เล็กดังชื่อเสียเท่าไหร่ ภายในสะอาดสะอ้านตกแต่งด้วยของประดับเรือนสีขาวสะอาดร่วมกับสีฟ้าอ่อนทำให้ย้อนนึกถึงห้องของเขาที่เรือนรับใช้บนสวรรค์

     

    เชิญคุณชาย

     

    สาวรับใช้ยื่นชุดสีฟ้าอ่อนมาให้เขาพร้อมกับผายมือไปที่อ่างน้ำ

     

    ขอบคุณท่านทั้งสองมาก

     

    สาวรับใช้ก้มโค้งก่อนจะเดินออกจากเรือนไปรอที่หน้าประตูแทน

     

    เขาถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะเปลื้องชุดของตนออก รัดเกล้าอันน้อยที่ประดับบนหัวถูกถอดวางอย่างบรรจงก่อนจะหย่อนร่างลงในอ่าง น้ำอุ่นและกลิ่นเทียนหอมชวนให้ร่างกายผ่อนคลายเหลือเกิน

     

    แต่ถึงกระนั้นเขาก็หาได้เพลิดเพลินกับมันด้วยความกังวลที่ผุดมา หากท่านอ๋องผู้นี้มิใช่คนดีเล่า เขาจะทำเยี่ยงไรจะส่งสัญญาณหาสวรรค์ให้ใครช่วยก็คงไม่มีทาง แม้จะฝึกปรนวิชาบ้างแต่ก็มิได้เก่งกล้าขนาดไปต่อสู้กับใครได้

     

    เมื่อเสร็จสิ้นเขาตัดสวมชุดสีฟ้าเข้าทับร่างอีกครั้ง ตรวจดูโดยรอบว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงหยิบเอาชุดที่ถูกวางพับไว้เดินไปที่ประตูก่อนจะเปิดออกเพื่อให้สาวรับใช้รู้ว่าเขาเสร็จกิจแล้ว

     

    แม่หญิงเชิญท่านไปร่วมรับประทานอาหารเย็น

    สาวรับใช้บอกเขาพร้อมกับเดินเข้ามารับเสื้อผ้าของเขาไปโค้งให้อีกครั้ง ก่อนจะหายไปพร้อมกับทิ้งหน้าที่นำทางให้สาวใช้อีกคน

     

     

     

    คุณชายมาแล้วหรือ

    เชิญท่านนั่งก่อน

     

    ขอบคุณแม่หญิง

     

    เจ้าขอบคุณนาง แต่ไม่แม้จะเอ่ยขอบคุณพี่สักคำ

    มันน่าน้อยใจนัก

     

    เขาหันไปมองค้อน

    เหตุใดเราจำเป็นต้องขอบคุณท่านที่ลักพาตัวเรามา

     

    ลักพาตัว?”

     

    เอาล่ะๆ อาจ้าน คุณชาย

    ทานอาหารก่อนเถอะ เรื่องประลองฝีปากไว้คอยภายหลัง

     

    เขาก้มหัวเป็นการขออภัยเล็กน้อยก่อนจะลงมือทานอาหารบนโต๊ะ ด้วยรสที่จัดจ้านไปสักหน่อยเขาจึงไม่เจริญอาหารเท่าไหร่นักดีเสียหน่อยตรงที่ยังมีซุปให้ได้ทานบ้างจึงยังทำให้อิ่มอยู่

     

    เจ้าไม่โปรดอาหารรสเผ็ด

     

    ข้าเปล่า

    เขารีบปฏิเสธทันควัน

     

    หรือท่านทำอาหารไม่ถูกปาก

    ท่านอ๋องหันไปคุยกับแม่หญิงด้วยยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    อาหารพวกนี้อร่อยเพียงแต่ข้าไม่สามารถทนความเผ็—“

    เขารีบหุบปากทันทีที่รู้ว่าเผลอเผยความจริงออกมา

     

    เจ้าโกหกไม่เป็นจริงๆเสียด้วย

     

    ขออภัยแม่หญิงที่ข้าเสียมารยาท

    เขาเตรียมลุกเพื่อโค้งขออภัยเพียงแต่มือทั้งสองข้างของแม่หญิงยั้งแขนไว้เสียก่อน

     

    ข้าไม่ได้ถือสาอันใดคุณชายโปรดวางใจ

    หากท่านไม่โปรดอาหารรสจัด วันหลังข้าจะทำอาหารอย่างอื่นไว้ให้ท่าน

     

    แม่หญิงไม่จำเป็นต้องลำบากอีกอย่าง ข้าไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่—“

     

    อาจ้าน!!

    เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆแม่หญิงก็หันไปตีแขนท่านอ๋องเสียเต็มแรง ท่านอ๋องเมื่อถูกตีก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ยเป็นเด็กแล้วลูบแขนปอยๆ

     

    ท่านพี่หญิง เหตุใดท่านต้องดุข้า

     

    เจ้านี่มันจริงๆเลย

    เจ้าพาคุณชายมาแบบนี้ ทั้งยังไม่อธิบายอันใดอีก

    คุณชาย หากท่านไม่อยู่ที่นี่แล้วท่านจะไปอยู่ที่ใด

     

    เขาหลุบตาต่ำ

    คงจะร่อนเร่ไปเสียก่อน

     

    ดังนั้นท่านยังไม่มีที่ไปหากไม่รังเกียจก็อยู่ที่นี่เถอะ ทั้งข้าและอาจ้านอยู่กันสองพี่น้องบ้านหลังนี้กว้างขวางนัก ท่านสามารถอยู่ที่นี่ได้สบายๆ

     

    ข้าไม่อยากรบกวนพวกท่านจริงๆ

    แม้จะร่อนเร่แต่ตัวข้าก็ไม่หวาดหวั่นหรอกแม่หญิง

     

    พี่ไม่ได้พาเจ้ามาเพื่อให้เจ้าคิดว่าเป็นภาระ

    ท่านอ๋องส่ายหน้าไปมาพร้อมทำหน้าเหนื่อยใจ

    เอาล่ะ ท่านพี่หญิงข้าต้องไปตรวจดูงานที่คั่งค้าง เชิญท่านพี่หญิงกับ..

    ยิ้มอ่อนโยน

    ข้ายังไม่ได้ถามชื่อแซ่เจ้าเลย

     

    ข้า..

    หวัง อี้ป๋อ

     

    หวัง อี้ป๋อ

    พี่ขออภัยเช่นกัน พี่เซียวจ้าน

    ข้าขอตัวก่อนเชิญพี่หญิงและน้องอี้ตามสบาย

     

    ว่าไว้เพียงนั้นก่อนเดินหายไปทิ้งไว้เพียงแม่หญิงและหวัง อี้ป๋อที่ใจสั่นไหวดังไม่เคยเป็นมาก่อน

     

     

     

    หลังจากแม่หญิงแม่นางเซวียนลู่ก็ชวนเขาคุยถึงเรื่องราวต่างๆในเมืองทั้งยังหมายมั่นสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวที่ท่าเรือของเมือง และนัดแนะให้สาวใช้พาเขามาหาในตอนเช้าหวังว่าจะได้เพื่อนในการฝึกปรนทำอาหารรสชาติดั่งชาวสวรรค์

     

    เขาเดินตามสาวรับใช้กลับมาที่เรือนเล็กอีกครั้งครั้นลับสายตาก็ทรุดลงกับเก้าอี้กลางเรือนด้วยใจเหนื่อยอ่อน สองวันมานี้มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นชวนให้งุนงงนัก จากโดนใส่ร้ายให้ลงมาโลกมนุษย์จนมาตอนนี้ได้เจอท่านอ๋อง รู้หน้าหาได้รู้ใจ เขาได้แต่หวังว่าท่านทั้งสองจะเป็นคนดี และมีใจเมตตาอย่างตาเห็น

     

     

     

    หลายวันผ่านไปจนกลายเป็นเดือนทั้งท่านอ๋องและแม่หญิงต่างเป็นดั่งครอบครัวใหม่ของเขาคุณชายจั๋วเฉิงที่อยู่จวนไม่ห่างไกลนักก็มักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเขานำของฝากเล็กน้อยมาติดมือจนเขาที่ตอนอยู่สวรรค์มีเพื่อนเพียงหยิบมือรู้สึกอุ่นใจ

     

    พี่หญิง

    เขายิ้มให้พี่หญิงที่กำลังนั่งปักผ้าอยู่ศาลากลางสระบัวพลันเห็นยิ้มสดใสที่ส่งมาพี่หญิงก็รีบยิ้มรับและกวักมือเรียกทันที

     

    ท่านปักผ้านี้ไปให้ใครกัน

    ผ้าขาวสะอาด ด้ายฟ้าสวยงามลวดลายดูทั้งสดใสและสุขุม

     

    พี่หญิงยิ้มขำให้เขาเสียจนอี้ป๋อทำหน้ายู่ใส่

    เจ้าคิดว่าเยี่ยงไรเล่าผ้าขาวสะอาด ด้ายฟ้าสวยงาม ลวดลายสดใสและสุขุม

    คล้ายผู้ใดกัน

     

    ข้าไม่อาจทราบได้ ข้ามิได้รู้จักสหายของพี่หญิง

     

    เจ้า

    เจ้าที่บริสุทธิ์ดังผ้าขาว สวยงามดังด้ายฟ้า สดใสและสุขุมดังลวดลายนี้

     

    แก้มนวลขึ้นสีแดงปรั่งเมื่อได้ยินคำชม

    ข้าเปล่าเป็นดังท่านว่าเสียหน่อย

     

    ใครว่ากัน

    เขาหันไปข้างหลังก่อนจะพบจั้วเฉิงที่เดินกอดคอหยอกล้อมากับท่านอ๋อง

    พี่หญิง ไหนขอข้าดูผ้าที่ท่านปัก

    โห อี้ป๋อนี่ช่างเหมาะกับเจ้านัก

     

    อืม งดงามสมน้องอี้

     

    ข้าเป็นบุรุษไม่เหมาะกับคำว่างดงาม

     

    งั้นหรือแล้วน้องอี้เห็นว่าคำใดเหมาะ

     

    จั๋วเฉิงส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่าย

    เอาอีกแล้วพี่จ้าน

    ดูแก้มของอี้ป๋อสิเห่อแดงไปหมดแล้ว

     

    ข้าเปล่า!

    พี่หญิง ข้าขอตัว

    แว่วเสียงดุเตือนของพี่หญิงให้ได้ยินได้หลัง

     

    สองเท้าของอี้ป๋อเดินผ่านเรือนต่างๆจนมาถึงส่วนบริเวณเก็บสัตว์เลี้ยงต่างๆของจวน เอ่ยทักทายเหล้าข้าใช้ดังเช่นทุกวัน ก่อนจะแปลกใจเมื่อเนินกอไผ่ที่ปกติไร้ซึ่งสิ่งใดกลับมีกลุ่มขนขาวปุยกระโดดเล่นไปมาอยู่นับสิบตัว

     

    กระต่ายน้อย

     

    แม้จะชวนให้นึกถึงความทรงจำอันขมขื่น แต่ด้วยความรักต่อเจ้ากระต่ายน้อยที่มีอยู่จึงหักห้ามใจไม่ให้ไปทิ้งตัวลงกลางหมู่ขนปุยแล้วอุ้มขึ้นมาเล่นดูไม่ได้

     

    กระต่ายน้อยสีขาวดวงตากลมสีแดงนั่นช่างน่าเอ็นดูไปหมด เขาอุ้มขึ้นในอ้อมแขนจับชายผ้าเพื่อประคองเจ้ากระต่ายน้อยอย่างมั่นคง แม้นขนปุกปุยนี่จะไม่นุ่มและทอแสงดังกระต่ายสวรรค์แต่พวกมันก็ช่างน่ารักน่าเอ็นดูในแบบของพวกมัน

     

    เหมือนเขาจะเล่นกับพวกมันเพลินไปเสียจนอาเฟยที่ถูกรับหน้าที่ให้รับใช้เขาเรียกหา

     

    คุณชายหวังท่านอยู่นี่เอง

    ข้าตามหาท่านไปเสียท่ัวจวน

     

    เขายิ้มบางๆให้

    ข้าขอโทษ

     

    เอ๊ะ กระต่ายพวกนี้

    คุณชายดูจะชอบพวกมันมาก

    อาเฟยยิ้มให้เขาก่อนยื่นมือมาลูบหูกระต่ายในอ้อมแขนของเขา

     

    อืม

    เจ้าว่า..หากข้านำกลับไปที่เรือน ท่านอ๋องจะว่าหรือไม่

     

    อาเฟยปิดปากขำเขาราวกลับคำถามนั่นเป็นมุกตลก

    ท่านอ๋องหรือจะว่าท่าน

     

    อาเฟย..

    เขาก้มหน้าซบลงกับเจ้ากระต่ายหวังปิดแก้มปรั่งที่ขึ้นสี

     

    หากท่านประสงค์จะเอามันไปเล่นที่เรือนก็เอาไปเถอะ แต่ตอนนี้ใกล้มืดแล้ว เราควรกลับที่เรือนได้แล้วนะคุณชาย

     

    เขาพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้นจากโขดหินอันน้อย

    ข้าคงทำชุดเปื้อนอีกแล้วยายของเจ้าต้องบ่นอีกแน่

     

    อาเฟยยิ้มออกมาเมื่อเอ่ยถึงยายของตนที่ทำหน้าที่ซักล้างภายในจวน ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเบาๆ เป็นการปฏิเสธ

     

     

     

    หลังรับประทานอาหารเย็นกับพี่หญิงเสร็จอี้ป๋อก็กลับมาเรือน หวังว่าจะได้พักผ่อนเพียงแต่ว่าคืนนี้ดูท่าแล้วความนึกคิดในหัวจะทำให้เขานอนไม่หลับเสียเท่าไหร่จึงลุกขึ้นมาเล่นกับเจ้ากระต่ายน้อยแทน

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงอาเฟยที่เรียกขออนุญาต

    คุณชาย เฟยขออนุญาต

    อาเฟยเปิดประตูเข้ามา

    ท่านอ๋องเรียกท่านไปพบ

     

    ท่านอ๋อง?

    ในยามวิกาลเช่นนี้ท่านอ๋องเรียกเขาไปพบด้วยเหตุอันใดกัน

     

     

     

    ประตูเรือนของท่านอ๋องเปิดออกเผยให้เห็นร่างของชายชาตรีที่กำลังก้มหน้าดูเอกสารต่างๆบนโต๊ะอย่างตั้งใจ

     

    เจ้ามาแล้วหรือ

    มานี่มา

     

    มือข้างที่ไร้พู่กันกวักเชิญให้เขาเข้าไปใกล้ ก่อนจะตบลงที่เบาะข้างๆโต๊ะทำงานเขาเดินเข้าไปนั่งด้วยความฉงน

     

    ท่านเรียกข้ามาด้วยเหตุใด

     

    หวังว่าข้าจะไม่ได้รบกวนเจ้า

     

    เขาส่ายหน้าก่อนจะปรายตามองกองกระดาษบนโต๊ะ

     

    แลดูช่วงนี้ท่านมีงานล้นมือเมื่อเย็นก็มิได้มาทานอาหารร่วมกัน

     

    อืม

    เจ้าถามข้าว่าเรียกเจ้ามาด้วยเหตุใด

    หากพี่ตอบว่า พี่เหงา เจ้าจะยอมอยู่หรือไม่

     

    ตารีหันไปสบเข้ากับตาท่านอ๋องก่อนจะรีบหลบในพลัน

     

    ท่านมีอะไรให้ข้าช่วย

     

    ท่านอ๋องหัวเราะในลำคอเบาๆ

    เจ้าช่วยฝนหมึกให้พี่ที

     

    มือเรียวลงมือทำอย่างขะมักเขม้นพวกเขานั่งเงียบๆไร้ซึ่งบทสนทนามีเพียงเสียงกระดาษเสียดกันยามท่านอ๋องค้นหาเอกสารในกองเขาหันไปมองอีกฝั่งข้างท่านอ๋องก่อนจะพบกับกองกระดาษวางระเกะระกะ

     

    ให้ข้าจัดกระดาษให้ท่านดีไหม

     

    อา

    อืม ก็ดีนะ เจ้าช่วยแบ่งพวกที่เร่งด่วนออกมาวางให้พี่ด้วยก็ดี

     

    เขาลุกจากเบาะไปยังกองกระดาษยกขึ้นพิจารณาทีละแผ่นก่อนจะแบ่งออกมาดังที่ท่านอ๋องสั่ง พลันเมื่อเขาจัดเสร็จเสียงฝนกระทบพื้นก็ดังให้ได้ยิน

     

    แย่แล้ว

     

    ดูท่าฝนจะไม่อยากให้เจ้ากลับเรือนเสียเท่าไหร่

     

    อีกสักพักคงซาลง

     

    พี่ไม่อยากให้เจ้าโดนละอองฝน

    อีกอย่างงานวันนี้ก็เสร็จแล้ว

    พี่จะดับเทียนนอนแล้ว

     

    ข้าไม่อยากรบกวนท่าน

    อี้ป๋อปฏิเสธจากใจจริงแม้ท่านอ๋องจะบอกเสมอว่าไม่มีอะไรต้องเกรงใจ แต่เขาก็ไม่วายคิดมากอยู่ดี

     

    น้องอี้

    นอนกับพี่ที่นี่เถอะ

     

    เขาผ่อนหายใจมองไปยังหน้าต่างที่เห็นเงาฝนที่ยังโปรยปรายอยู่ไม่มีทีท่าจะเบาลงจึงทำได้แค่พยักหน้า

     

    ท่านอ๋องจับมือเขาประคองลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินเคียงกันไปที่เตียงนอนละมือออกจากเขาท่านอ๋องจัดการถอดเสื้อคลุมสีม่วงของตนเองออกก่อนจะเดินไปทิ้งตัวที่เตียง

     

    ยามที่เขาหันหลังเพื่อปลดปมเชือกเสื้อคลุมตัวนอกออกสายตาท่านอ๋องก็ยังคงจับจ้องเขาอยู่เสียจนเขาที่แม้ไม่ได้มองก็รู้สึกได้ พลันหันมาก็สบเข้ากับตาสีดำมืดของท่านอ๋อง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกร้อนแก้มด้วยความเคอะเขิน

     

    มาเถอะ

    "ข้าคิดถึงร่างกายเจ้าที่นอนเคียงข้างพี่เหลือเกิน"

     



     

     

    “อี้ป๋อครับ”

    “อี้ป๋อ”

    แม้ว่าจะเปิดม่านเพื่อรับแสงเข้ามาในห้องแต่ดูท่าแล้วมันจะไม่ส่งผลต่ออี้ป๋อที่นอนขดอยู่บนเตียงเสียเท่าไหร่นัก แต่เสียงทุ้มของใครอีกคนกำลังรบกวนกานอนของเขาเขาส่งเสียงในลำคอพร้อมพยักหน้าเหมือนตอบรับว่ารับรู้แล้วว่าถึงเวลาที่ตื่น แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะลืมตาตื่นจริงๆ

     

    “ลุกขึ้นมาได้แล้ว”

     

    “จ้านเกอ!!

    เขาร้องแหวออกมาทันทีที่อีกคนจัดการอุ้มเขาจากกองผ้าห่มที่พันอยู่รอบตัว

    “ปล่อย จะนอน”

     

    “จะเที่ยงอยู่แล้วไปกินข้าวได้แล้ว”

    ไม่ว่าเปล่าเซียวจ้านที่อุ้มเขาก่อนหน้าจัดการเอาตัวเขาพาดบ่าห้อยหัวต่องแต่งเดินออกจากห้องนอนไปที่ห้องครัวของคอนโดทันที

     

     

     

    “ไม่อร่อยหรอ”

     

    “อร่อย”

    เขาตอบ

    “เมื่อกี้นี้ฝันด้วย เหมือนจริงมากๆเลย”

     

    “ฝัน?”

     

    เขาพยักหน้ารับแต่ไม่ได้เอ่ยอธิบายเพิ่มเติมใดๆก็ไอ้ที่ฝันมันดูหวานเลี่ยนอย่างกับละครซีรีส์อย่างไงอย่างงั้น ขืนบอกไปจ้านเกอคงล้อแย่

              “สงสัยจะดูซีรีส์เยอะไปหน่อยมั้ง”

     

              “เมื่อคืนก็หลับคาโทรศัพท์อีกแล้วนี่”

              จ้านเกอทำเสียงดุ

     

              “ไม่ต้องบ่นเลยนะ”

              เขาทำหน้ามู่ออกมาด้วยความเคยชินก่อนจะเลือกหาเรื่องอื่นมาคุยแทน

              ทิ้งความฝันไว้ในนิทรา

     




    talk เธองงป้ะ ว่าเอ๊ะ ทำไมจบแบบนี้ อ๋อ เราคิดไม่ออกอ่าา จริงๆก็มีอ่ะ แต่แบบเอ๊ะ อธิบายยังไงดีหว่า ถ้าส่วนไหนมีคำแปลกๆก็คือไม่ต้องสงสัยนะคะ ไม่เคยแต่งไรแบบนี้จริงๆ คำเรียกบางอันก็อาจจะไม่ถูก คือแบบ นะ มีความสามารถเท่านี้แล บายจ้า 

     

     

     

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in