นานมาแล้วที่ผมเคยมีความฝันว่าอยากเป็นนักเขียน อันที่จริงมันเริ่มมาจากการอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนก่อน เป็นความฝันแบบเด็กๆ ที่บ้าการอ่านหนังสือการ์ตูน ผมอ่านทั้งของไทยและญี่ปุ่น ก็ตามสมัยนิยมละนะ ก่อนหน้าที่อินเทอร์เน็ตจะมีอิทธิพลกับชีวิตคนขนาดทุกวันนี้ สำหรับผมในวัยละอ่อนเตาะแตะ หนังสือการ์ตูนคือความบันเทิงที่โปรดปรานที่สุดเลยก็ว่าได้ อาจจะเพราะหนังสือฝึกอ่านของผมมันเริ่มมาจากหนังสือการ์ตูนเก็กอย่าง มหาสนุกและขายหัวเราะ ก่อนจะพัฒนาไปเป็นหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นโดยเฉพาะเรื่องยอดฮิตอย่าง นารูโตะ ฮันเตอร์xฮันเตอร์ ดราก้อนบอล วันพีช หรือแม้แต่การ์ตูนที่อาจไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักผมก็ยังหยิบมาอ่านอยู่เนืองๆ ไม่เว้นแต่ละวัน มันเป็นความสนุก เป็นแรงบันดาลใจ เป็นอะไรหลายๆ อย่างที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตในวัยเด็ก
เมื่อการอ่านพัฒนาไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่มีความรู้สึก "อยาก" จะเป็นนักเขียนขึ้นมาบาง ผมก็เริ่มที่เสาะแสวงหาว่าตัวเองจะเขียนอะไรและเขียนยังไง แรกเริ่มที่อยากเป็นนักเขียนการ์ตูนนั้นถูกพับเก็บไปเมื่อได้ลองทำขึ้นมาจริงๆ กลับพบว่าผมนั้นวาดรูปห่วยสิ้นดี และด้วยภาระทางการเรียนบวกกับสิ่งอื่นๆ ที่เริ่มเข้ามาดึงความสนใจทำให้ผมเริ่มห่างหายจากการฝึกฝน แต่ลึกๆ ก็ยังมีความรู้สึกที่อยากเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวในแบบของตัวเองให้คนอื่นไดรับรู้ อยู่ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ทุกครั้งที่ผมจะเริ่มพรมนิ้วลงบนคีบอร์ดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวอะไรสักอย่างให้ผู้อื่นได้อ่านนั้น มักจะมีหนึ่งคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวอยู่แทบทุกครั้งคือ "จะเขียนอะไรดี?" รับสารภาพตามตรงว่าหากไม่ใช่เรื่องราวที่เป็นคอนเซ็ปของงานในวิชาเรียน หรืองานที่ได้รับมอบหมาย หรืองานที่ทำร่วมกับผู้อื่น ผมจะเกิดอาการหมึกแห้ง เขียนไม่ออก ไม่รู้จะบอกเรื่องราวอะไรกับคนที่จะเข้ามาอ่านงานเขียนของผม เขียนแล้วใครจะเข้ามาอ่าน เขียนแล้วคนอ่านจะได้อะไร 1 2 3 4 นี่คือคำถามที่ตามมาเสมอ
ด้วยที่เคยอ่านงานเขียนของนักเขียนมาหลากหลาย ตั้งแต่นักเขียนติดอันดับยอดขายถล่มถลาย ไปจนถึงนักเขียนหน้าใหม่ที่แทบจะไม่มีใครรู้จัก สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ เขียนในสิ่งที่ตัวเองรู้จริงหรือไม่ก็สิ่งที่พวกเขาสนใจ แน่นอนว่าหนังสือหรือบทความ งานเขียน แทบทุกชิ้น มีต้นทุนทางความรู้สึกจากสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น (ยกเว้นแต่จะเป็นงานที่ถูกจ้างให้เขียนหรือจำใจเขียนละนะ)
ดูเหมือนจะได้คำตอบแล้วใช่ไหมละ ว่าผมควรจะต้องเขียนอะไร "เรื่องที่รู้จริงหรือเรื่องที่สนใจ" อืม... นั้นแหละคือปัญหา เพราะผมไม่มีทั้งสองอย่าง... แต่จะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เรื่องที่รู้จริงขนาดจะเอามาเขียนกันเป็นจริงเป็นจังนั้นก็อาจจะยังไม่มี ส่วนเรื่องที่สนใจก็มีมากมายจนไม่รู้จะหยิบจับตรงไหนมาเขียนดี (ให้ตายเถอะชีวิตช่างไม่สมดุลเอาซะเลย)
เอาละ เมื่อคุณอ่านมาจนถึงตรงนี้แล้วยังไม่รู้ว่าตัวหนังสือที่อ่านมาทั้งหมดนี้ผมกำลังจะสื่อถึงอะไร ขอแสดงความยินดีด้วยครับ คุณเป็นหนึ่งคนที่ตกหลุมพราง หึหึ (หัวเราะในลำคอ) ก็อย่างที่บอกในเมื่อผมไม่มีทั้งสองอย่างที่กล่าวมาและยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเขียนอะไร คุณ ! คุณ! คุณที่กำลังอ่านอยู่นี่แหละครับจะเป็นคำตอบที่บอกกับผมว่าคุณอยากจะให้ผมเขียนอะไร อะไรที่คุณอยากจะอ่านแต่ยังไม่เห็นมีใครเขียนหรือเขียนแล้วอาจไม่ถูกใจ ลองเสนอมาได้ว่าอยากให้ผมเขียนเรื่องอะไร หากผมตรองดูแล้วเห็นว่าผมสามารถเขียนขึ้นมาได้ ผมจะเขียนออกมาให้ได้อ่านโดยทั่วกัน ผมมีเพียงข้อตกลงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับเรื่องที่จะเขียน คือเรื่องราวที่ผมเขียนจากการเสนอนั้นไม่ได้ทำขึ้นเพื่อสร้างผลประโยชน์อื่นใดเป็นการส่วนตัวของผู้อ่าน นอกเสียจากเพื่อการอ่านร่วมกัน
สำหรับเรื่องต่อไปที่อยากให้ผมเขียนนั้นรบกวน comments ทิ้งไว้ใต้บทความนี้ เพื่อให้ผมได้มีโอกาสเลือกเรื่องที่จะเขียนต่อไป แล้วพบกันใหม่เมื่อมีคนอยากอ่าน สวัสดีครับ
มันจะมีแรงประหลาดทำให้ฝอยไปได้ไม่รู้จบ ฮ่าฮ่า