Coincidence
Couple : Jooheon x I.M
"มึง กูกลับก่อนนะเว้ย" ผู้ชายหน้าตี๋บอกกับเพื่อนของเขาก่อนจะลุกขึ้น
"รีบกลับจังวะกลัวห้องหายไง" เพื่อนของเขาพูดขึ้นมา
"เออ ไปละเจอกัน" พูดจบก็เดินออกจากที่ทำงานไป
เขาออกมารอรถที่ป้ายรถเมล์ ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายคนจึงไม่เยอะนักไม่ต้องไปแย่งที่นั่งกับใคร แต่ถ้าเป็นตอนเย็นหรอ หึ อย่าหวังจะได้นั่งเลยเบียดกันอย่างกับปลากระป๋องอัดกันแน่นยิ่งกว่าอะไร
นั่งรอไปสักพักสายรถเมล์ที่ต้องการก็เคลื่อนตัวมาจอดหน้าป้าย อ่าได้เวลากลับไปนอนสักที สองเท้าก้าวขึ้นไปอยู่บนรถพร้อมกับกวาดสายตาหาที่นั่งเหมาะๆก็ต้องสะดุดตากับผู้ชายตัวเล็กที่นั่งอยู่เบาะหลังสุดติดริมหน้าต่างในหูใส่แอร์พอตไว้ทั้งสองข้าง หน้าตาที่ดูหยิ่งๆผิวขาวอมชมพูนั้นดึงดูดให้เขาต้องมองอย่างละสายตาไม่ได้
"ไอหนู จะยืนอีกนานไหมมันเกะกะคนอื่นนะลูก" คุณป้ากระเป๋ารถเมล์พูดขึ้นทำให้เขาได้สติ
"ขอโทษครับ" เขาหันไปขอโทษและยิ้มบางๆให้ก่อนจะเดินไปยังเบาะหลังสุด
เขาเลือกที่นั่งติดริมหน้าต่างอีกฝั่งนึง ระยะห่างของเขากับคนข้างๆห่างกันแค่สองที่นั่งเท่านั้น คนตัวเล็กที่กำลังฟังเพลงอยู่อ้าปากเล็กๆพึมพำตามเพลงไปด้วยเป็นภาพที่น่ามองอะไรขนาดนี้นะ
เวลาผ่านไปสักพักคนตัวเล็กก็ทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปกดกริ่งก่อนที่จะถึงป้ายหน้า ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นไป มันน่าเสียดายอยู่หรอกที่เขาปล่อยให้คนตัวเล็กจากไปโดยไม่ได้ทำความรู้จักกันเลยแต่อยู่ๆจะให้เข้าไปทักทายเลยมันจะไม่ดูแปลกไปหน่อยหรอ คิดอย่างนั้นเขาก็ต้องถอนหายใจยาวๆ
รถเมล์ที่เคลื่อนตัวอยู่ก็จอดลงป้ายที่คนตัวเล็กจะลง ขาเล็กๆก้าวลงจากรถแล้วเดินตรงไปยังร้านกาแฟ เขาได้แต่คิดว่าจะลงตามไปดีไหมแต่เขาก็ง่วงเกินกว่าจะไปไหนในตอนนี้ แต่ดูเหมือนโชคชะจะเข้าข้างเขาเพราะคนตัวเล็กดันทำกระเป๋าตังค์ตกไว้ที่เบาะนั่ง แต่จะลงตามไปก็ไม่ทันสะแล้วเพราะรถเคลื่อนตัวออกจากป้ายสะก่อน
16:32 น.
ทันทีที่กลับมาถึงห้องเขาก็รีบหยิบกระเป๋าตังค์ของคนตัวเล็กที่เก็บมาจากบนรถเมล์ออกมาดู
"ขอเปิดดูหน่อยนะ" ว่าแล้วเขาก็ถือวิสาสะเปิดดูข้างในเผยให้เห็นรูปถ่ายใบเล็กๆซึ่งเป็นรูปของคนตัวเล็กที่เขาเพิ่งเจอ เดี๋ยวนี้ยังมีคนใส่รูปตัวเองในกระเป๋าตังค์อยู่อีกหรอเห็นแบบนี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้
"น่ารักจังวะ" เขานั่งยิ้มให้กับรูปถ่ายที่โครตน่ารัก ถ้าใครมาเห็นเขาตอนนี้ต้องคิดว่าเขาบ้าไปแล้วแน่ๆ
ก่อนจะบ้าไปกว่านี้เขาต้องหาทางติดต่อคนตัวเล็กให้ได้ก่อน ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้โดนล้างแก้วกาแฟแล้วมั้ง
เขาเปิดดูไปสักพักก็เจอนามบัตรแข็งสีขาวในบัตรระบุชื่อ-นามสกุล ชื่อเล่น ตำแหน่งงาน เบอร์โทรและที่ทำงานอย่างชัดเจน
"แอมป์" ชื่อของคนนั้นสินะ "ทำงานอยู่แถวนี้เอง หรือจะเอาไปให้ที่ทำงานดี" หลังจากเถียงกับตัวเองได้สักพักเขาก็คิดขึ้นได้ว่าควรโทรไปบอกเจ้าของกระเป๋าก่อน
'ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด'
"ฮัลโหลครับ" คนปลายสายกรอกเสียงนิ่งๆใส่โทรศัพท์
"เอ่อ...คุณแอมป์หรือเปล่าครับ"
"ใช่ครับ นั้นใครครับ"
"ผมเก็บกระเป๋าตังค์ของคุณได้ครับ"
"ขอบคุณนะครับ คุณว่างวันไหนครับ" คนปลายสายยังคงมีน้ำเสียงเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายอะไร
"เอ่อ พรุ่งนี้ก็ได้ครับ"
"'งั้นพรุ่งนี้สัก 5 โมงนะครับ เจอกันที่ร้านกาแฟละกัน"
"ครับ เจอกันครับ"
สิ้นสุดการสนทนาปลายสายก็ตัดสายไป เขาอยากจะกรี๊ดออกมาตั้งแต่คำแรกที่ปลายสายรับโทรศัพท์เสียงเล็กๆน่าฟังยิ่งกว่านักร้องดังๆสะอีก อยากจะสกิ๊ปไปวันพรุ่งนี้เร็วๆอยากเห็นใบหน้าน่ามองนั้นอีกครั้ง
15:45 น.
"เหม่ออะไรวะไอจี" เพื่อนสนิทหน้าตาดีทักขึ้นเมื่อเห็นคนตรงหน้าเหม่อลอย
"เปล่าๆ กูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย" เขาบอกปัดเพื่อนของเขาไป
"เลิกงานแล้วไปกินเหล้าห้องกูป่ะ ไอนนกับไอวินก็ไป"
"ขอบายวะ วันนี้กูมีนัดแล้ว"
"ได้ไงวะ มึงนัดกับใครเนี่ยมีหญิงแล้วไม่บอกเพื่อนนะ"
"ไม่ใช่ผู้หญิง" เขาหันไปมองปฎิกริยาของเพื่อนที่ตอนนี้ทำหน้างงๆเหมือนหมาขี้สงสัย
"เปลี่ยนรสนิยมแล้วหรอวะ" มันมองผมอย่างคาดคั้นคำตอบ
"up to you" เพื่อนของเขาคงอยากรู้เอามากๆแต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาชอบผู้ชายหรือยังไงรู้แค่ว่าอยากเจอ อยากเป็นส่วนนึงในชีวิตประจำวันของเขา แบบนี้เขาเรียกว่าเป็นข้อยกเว้นละมั้ง
17:00 น.
ผมยืนอยู่หน้าร้านที่เรานัดกันไว้ผมตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนลุ้นหวยสะอีก ใจผมมันเต้นเร็วกว่าเมื่อกี้อีกสองเท่าเมื่อพบหน้าเจ้าของกระเป๋า คนตัวเล็กนั่งอยู่ก่อนแล้วเขาเลือกที่นั่งติดริมหน้าต่าง ตากลมมองวิวนอกบานกระจกใหญ่ในหูยังคงมีแอร์พอตเหมือนเดิมแต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือใบหน้าที่ดูหยิ่งในตอนนั้นวันนี้กลับดูน่ารักและสดใสขึ้นมาก อ่าใจผมกระตุกรัวอีกแล้วหลังจากวันนี้ผมคงต้องไปหาหมอแล้วละ
"รอนานไหมครับ" ผมข่มใจตัวเองไม่ให้ตื่นเต้นไปมากกว่านี้
"ไม่เลยครับ" คนข้างหน้ามองมาพร้อมยิ้มให้ "สั่งอะไรไหมครับ"
"อ่า..อเมริกาโน่ละกันครับ" พอได้มองคนตัวเล็กตรงๆแบบนี้ผมแทบจะบ้าตาย ตากลม ผิวเนียนขาว แก้มใส ปากอมชมพูธรรมชาติ ผมสีดำที่รับกับใบหน้า ใจผมเหลวยิ่งกว่าน้ำแล้วครับ
"ขอบคุณมากนะครับที่เก็บกระเป๋าตังค์ไว้ให้ ถ้าไม่ได้คุณผมซวยแน่ๆเลยบัตรอะไรก็อยู่ในนั้นหมดเลย"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ"
"ลำบากคุณเอามาให้อีกเสียเวลาคุณอยู่กัับแฟนแน่ๆ"
"ไม่เลยครับผมเต็มใจ อีกอย่างผมยังไม่มีแฟนครับ"
"อ่าวหรอครับ" คนตัวเล็กยิ้มออกมานิดๆ
"ผมดูเหมือนคนมีแฟนหรอ" ผมถามคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดูอารมณ์ดีมากๆ
"ก็คุณหน้าตาดีผมเลยคิดว่าน่าจะมีแฟนแล้วแน่ๆเลย"
"แล้วคุณละครับมีแฟนหรือยัง" ผมกลับมาตื่นเต้นอีกครั้งมือเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา ขาผมก็อยู่ไม่สุขแล้วมันสั่นไปหมด
"คุณคิดว่ายังไงครับ" คนตัวเล็กถามเขากลับแถมยังทำหน้ากวนๆใส่อีก น่ารักเกินไปแล้วนะ
"ยังไม่มีใช่ไหมครับ" ขอเดาเข้าข้างตัวเองสักหน่อยละกันถือเป็นลางดี
"ไม่บอกครับ ฮ่าๆ" คนตรงหน้าพูดจบก็หัวเราะจนตาหยี
"อเมริกาโน่ได้แล้วค่ะ" พนักงานสาวนำกาแฟมาเสริฟ์ที่โต๊ะ
"ผมลืมถามชื่อคุณเลย คุณชื่ออะไรครับ"
"จีครับ จะเรียกพี่ก็ได้นะครับคุณเด็กกว่าผมตั้ง 2 ปีแหน่ะ"
"คุณรู้ได้ยังไง" คนตรงหน้าเอียงคอด้วยความสงสัย
"อ่า ขอโทษครับพอดีผมต้องหาว่าจะติดต่อคุณยังไงเลยไปเห็นบัตรประชาชนคุณเข้า" ผมบอกไปตามความจริงจะโดนเขาว่าไหมนะ
"อ่อ พี่จี" อยู่ๆเขาก็เรียกผมว่าพี่สะงั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้หน้าผมแดงขนาดไหน "พี่จีจะไปไหนต่อไหมครับ"
"ไม่นะครับ ผมคงกลับบ้านเลย" ผมทำตัวไม่ถูกเลยเมื่อคนตรงหน้าแอคแทคใส่ผมแบบนี้
"บอกให้ผมเรียกคุณว่าพี่แต่คุณกลับพูดผมเหมือนเดิมเนี่ยนะ"
"มันแปลกๆอะคุณ แล้วคุณจะไปไหนต่อหรอ"
"ผมคงกลับเลยเหมือนกัน" เขามองมาที่ผมพร้อมกับยิ้มบางๆให้ "ส่วนเรื่องค่ากาแฟผมขอเลี้ยงนะครับ"
"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมเลี้ยงเอง" ใครจะปล่อยให้แฟนในอนาคตเลี้ยงกันละ
"ให้ผมเลี้ยงเถอะครับถือเป็นค่าตอบแทนที่เก็บกระเป๋าให้แล้วยังกินเวลาคุณมาคืนให้ผมอีก"
"แต่ว่า..."
"นะครับ ไว้วันหลังคุณค่อยเลี้ยงผมคืนก็ได้" ยังพูดไม่จบคนตัวเล็กก็แทรกขึ้นมาพูดขนาดนี้จะทำยังไงได้ละ แถมมีโอกาสได้มาเจอกันครั้งหน้าอีกด้วย
"ก็ได้ครับ ผมเลี้ยงคุณคืนแน่"
"ผมจะรอนะ งั้นขอตัวก่อนนะครับ" คนตัวเล็กยิ้มให้แล้วเดินจากไป
ผมกำลังจะลุกออกจากโต๊ะแต่ต้องสะดุดตากับกระดาษโน๊ตใบเล็กๆที่มีปากกาทับไว้วางอยู่ตำแหน่งที่คนตัวเล็กนั่ง
"คราวนี้ลืมปากกาหรอ" ผมหยิบปากกากับกระดาษขึ้นมาดูมีข้อความเขียนบนกระดาษที่ทำให้ใจของผมเต้นแรงอีกครั้งและดูเหมือนจะเต้นแรงมากกว่าเดิมอีก
'ผมยังไม่มีแฟนครับ แล้วก็....ถ้าอยากเลี้ยงผมเมื่อไหร่ก็โทรมานะครับ ผมจะรอ:)'
07:09 น.
"พี่จีตื่นได้แล้ว เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก" คนตัวเล็กเขย่าตัวเขาให้ตื่นไปทำงานแต่ร่างกายของเขาไม่อยากตอบสนองเลย
"ขออีก 10 นาทีนะ" ว่าแล้วก็ฟุบหน้านอนต่อแต่คนตัวเล็กยอมที่ไหนกันกระโดดขึ้นทับตัวคนที่นอนอยู่แล้วเขย่าอีกครั้ง
“ทำแบบนี้พี่มีอารมณ์ขึ้นมาอย่าหาว่าไม่เตือนนะ” วิธีปลุกแบบนี้มันทำให้ตื่นง่ายจริงๆ
“งื้อ ไม่ได้นะพี่ต้องไปทำงาน” แอมป์ทำท่าจะลุกออกจากตัวเขาแต่มีหรอที่จีจะยอมปล่อยไปง่ายๆเข้าถ้ำเสื้อแล้วก็ต้องโดนเสือกินสิ
“พี่ไม่ให้หนูหนีไปหรอกมาให้พี่กินสะดีๆ” พูดจบจีก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมคนตัวเล็กไว้
“พี่จี ผมไม่เล่นนะลุกไปเลยๆ”
“อะๆ พี่ขอจุ๊บๆหนูก่อนละกัน Morning kiss นะที่รัก” ร่างหนาจูบไปที่ปากบางเบาๆ
“เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำเลย” คนตัวเล็กทำท่าไล่ให้เขาไปอาบน้ำสักที
“ไปแล้วครับ”
08:00 น.
“ตอนเย็นแต่งตัวดีๆนะเดี๋ยวพี่มารับ”
“อื้ม” แอมป์เดินเข้ามาหอมแก้มจีก่อนจะบอกให้คนตัวสูงไปทำงาน “ไปทำงานได้แล้วตั้งใจทำงานละ”
“ครับที่รัก เจอกันตอนเย็นนะ" ผมบอกลาแฟนตัวเล็กเสร็จจึงออกไปทำงาน
ตั้งแต่วันที่ผมเอากระเป๋าตังค์ไปคืนให้แอมป์หลังจากนั้นเราก็นัดเจอกันบ่อยๆจนตกลงเป็นแฟนกัน นี้ก็ผ่านมาได้ 2 ปีแล้วที่เราสองคนคบกัน ผมให้แอมป์ย้ายมาอยู่กับผมเพราะผมน่ะอยากเห็นหน้าเขาทุกวัน
ส่วนเย็นนี้ที่บอกให้แต่งตัวดีๆเพราะวันนี้เป็นวันครบรอบ 2 ปีพอดี ผมจะพาแอมป์ไปร้านๆนึงหวังว่าเขาจะชอบมันนะ
17:00 น.
เรามาถึงหน้าร้านที่คุ้นเคยดี ใช่ มันคือร้านกาแฟเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ๆทำให้ผมได้พูดคุยกับแอมป์ เราเดินมานั่งโต๊ะเดิม เวลาเดิม เปลี่ยนไปแค่ชุดกับสถานะของเราสองคน
“นี้มันร้านที่เราเคยมาเมื่อตอนนั้นนี่”
“ใช่ มันคือที่ที่ทำให้เราได้คบกันไง” ผมมองดวงตากลมโตที่กำลังมองมาที่ผมอยู่เช่นกัน
“พี่จำได้ด้วย” แอมป์ยิ้มจนตาหยีเหมือนตอนนั้นไม่มีผิด
“จำได้สิ ถ้าหนูไม่ทิ้งกระดาษโน๊ตนั้นไว้นะป่านนี้พี่คงยังโสดอยู่” พูดแล้วก็ขำถ้าวันนั้นแอมป์ไม่ทิ้งข้อความแบบนั้นไว้ผมคงป๊อดและเสียเขาไปให้คนอื่นแล้วละ
“ยังจะจำเรื่องแบบนั้นอีกนะ” หน้าของคนตรงหน้าขึ้นสีชมพูดอ่อนให้พอรู้ว่ากำลังเขิน
“ฮ่าๆ แต่จริงๆมันเกิดจากกระเป๋าตังหนูต่างหากถ้าหนูไม่ทำตกพี่คงไม่มีโอกาสมาทำความรู้จักหนูแน่ๆบังเอิญจังเนอะ” จีที่พอนึกเรื่องวันวานที่ยังดูเหมือนใหม่ก็อดยิ้มมีความสุขไม่ได้
“ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสักหน่อย” คนตัวเล็กยิ้มมีเลศนัย นี่มันหมายความว่ายังไงกัน
“พี่ไม่เข้าใจ หนูหมายความว่ายังไงคะ” คิ้วผมขมวดเป็นปมแล้วละผมไม่เข้าใจที่คนตรงหน้าพูดจริงๆ
“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หนูตั้งใจ”
[END]
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in