นวนิยายเรื่อง : ก่อนตะวันรอน
ตอนที่ 18 : จากกันเพื่ออนาคต
ตลอดระยะเวลาที่สาวน้อยเดอลาและเพื่อน ๆ ในแก๊งสาวส่าได้ก้าวเข้ามาเรียนในรั้วโรงเรียนบ้านดอนผักหวาน พวกเธอมีทั้งความสุขและความทุกข์ มีเรื่องด่าทอตบตีกันก็บ่อยโดยเฉพาะกับแก๊งสามเกลอ เรียกได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันเลยทีเดียว
แต่ทุก ๆ การเติบโตของเด็ก ๆ มันคือการเรียนรู้ พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างไรให้มีความสุข รู้จักการแบ่งปันรู้จักการให้อภัย เรียนรู้จักคำว่ามารยาทและการให้เกียรติกันมากขึ้น?
“บักเขียว!!!” เสียงกบร้องเรียกกรีนนี่ดังไปทั่วศาลาชื่นฤดี
“เอ๋าบักอันนี่! บักขงบักเขียวสิได๋อีกบักกอกโขกหัวจักบาดเดะหนิ”
“พอกันเลยสองคนหนิเรียนจนจบแล้วกะยังกัดกันอยู่ ครูสอนบ่จำบ่ให้ฮักกันแพงกันเว้าจากะให้ม่วน ๆ ” เดอลาพูดเสียงดุหวังจะให้เพื่อน ๆ สองแก๊งดีกัน เพราะทั้งรุ่นก็มีกันอยู่แค่ไม่กี่คน
“เออว่าแต่พวกโตฮู้บ่ว่าโรงเรียนใหญ่คะเจ้าสิมาเว้าหยังแน” แสงถามด้วยความสนใจ
“เห็นว่าสิมาแนะแนววิชาเรียนแมนบ่หญิงเดอลา? ”นกแก้วหันไปถามเดอลาต่อเพื่อความมั่นใจ
“ครูสมัยว่าจังสั่นหล่ะ นั่นเดะคุณครูมาพอดีถามครูแหมะ”
“พวกเธออยู่ที่นี่เองไปช่วยครูเตรียมน้ำไว้ต้อนรับคณะครูกับรุ่นพี่มัธยมกันหน่อยเร็ว อีกสักหน่อยคงมาถึงกันแล้ว” ครูสมัยกวักมือเรียกเด็ก ๆ ก่อนที่จะเดินนำออกไปยังหม้อต้มน้ำมะตูมที่เตรียมไว้กับบรรดาแม่บ้านที่อาสามาช่วยงานเมื่อช่วงเช้ามืด
“เสียดายจังเลยค่ะที่พวกหนูไม่ได้มาช่วยครูต้มน้ำมะตูมเมื่อเช้า” เดอลาแอบเสียดาย
“ครูอยากให้พวกหนูพักผ่อนเยอะ ๆ ลูก วันนี้จะได้ฟังคุณครูและรุ่นพี่มาแนะแนวได้เต็มที่ไงคะ”
“พวกหนูไม่เหนื่อยเลยค่ะขอให้บอกแก๊งสาวส่าพร้อมปฏิบัติการค่ะ”
“แก๊งพวกผมก็พร้อมปฏิบัติการนะครับคุณครู ไม่ยอมแพ้พวกนายเขียวหรอกครับ” กบรีบพูดเกทับกรีนนี่ทันที
“กรีนนี่! บักห่ากบ”
“โอ๊ยคุณกรีนนี่! กูละงึดนิ” กบยังล้อกรีนนี่ไม่หยุด
“พอ ๆ พอได้แล้ว! นี่ครูสอนไปเนี่ยจำกันบ้างไหมบอกให้รักกัน ต่อไปต้องไปเรียนที่อื่นมีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันเข้าใจไหม” ครูสมัยทำสีหน้าเหนื่อยอ่อน
“เมื่อกี้หนูก็ด่าไปรอบหนึ่งแล้วค่ะคุณครู” เดอลาเสริม
“เอาหล่ะรีบมาเตรียมแก้วน้ำไว้เดี๋ยวคณะคุณครูกับรุ่นพี่เขามาเราจะได้ช่วยกันเสิร์ฟ” ครูสมัยแบ่งหน้าที่ให้กับเด็ก ๆ ทุกคน ก่อนจะเดินไปดูของที่ระลึกที่ตาคำจัดทำไว้ให้ตามคำแนะนำของบรรดาคุณครูที่ลงมติเห็นพ้องต้องกันนั่นก็คือ กล่องใส่ปากกาตั้งโต๊ะที่ทำจากไม้ไผ่สานนั่นเอง
“คณะครูแนะแนวมาแล้วครับ!” แห้งวิ่งหน้าตั้งมาบอกครูและเพื่อน ๆ
ทุกคนที่อยู่บริเวณศาลาชื่นฤดีมองไปยังประตูทางเข้าโรงเรียนที่มีเพียงรั้วไม้ไผ่เป็นแผงยาวไปตามถนน สักพักก็มีรถกระบะโตโยต้าไฮลักซ์สีแดงเลี้ยวเข้ามา
ด้านหลังกระบะมีครูและนักเรียนทั้งหญิงและชายที่จะมาแนะแนวการเรียนให้รุ่นน้องที่โรงเรียนบ้านดอนผักหวานฟัง ทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มและดีใจที่จะได้มีโอกาสมาให้ความรู้ในวันนี้ แต่ที่ดีใจและตื่นเต้นเอามาก ๆ คงจะเป็นกลุ่มนักเรียนชั้น ป. 6 ที่กำลังจะไปเรียนต่อชั้นมัธยมนี่แหละ
“พี่เอก! หญิงพี่เอกกะมา” กรีนนี่เรียกเพื่อน ๆ มาดูว่ามีเอกลูกชายครูสมัยก็มาด้วย
“พี่อาร์ตไม่มาด้วยเหรอคะ? ” เดอลามองซ้ายมองขวาแต่ไม่เห็นว่าจะมีอาร์ตมาด้วย
“มาซินั่นไง” เอกชี้มือไปทางอาร์ตที่นั่งอยู่อีกฝั่งของรถกระบะ โดยมีเพื่อน ๆ นั่งอยู่ด้านหน้าทำให้เดอลาและเพื่อน ๆ มองไม่เห็น
สาวน้อยได้แต่พยักหน้าเป็นการรับรู้ก่อนที่จะถอยออกมาเพื่อเตรียมน้ำไปต้อนรับแขก
“หญิง! เป็นหยังหลายบ่หนิ? ” กรีนนี่เห็นท่าทางของเพื่อนสาวดูแปลกไปตั้งแต่เห็นหน้าอาร์ต
“บ่เป็นหยังเดะหล่ะ ฟ่าวเอาน้ำไปเสิร์ฟแขกเลยเดี๋ยวครูด่า” เดอลารีบตัดบท เอาจริง ๆ เธอก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกโหวงเหวงอะไรได้ขนาดนี้
“เดี๋ยวฉันไปเสิร์ฟน้ำทางนั้นเธอไปเสิร์ฟทางพุ้นเด้อ” กรีนนี่บอกเดอลาเพราะดูท่าทีแล้วเพื่อนคงไม่อยากไปเสิร์ฟฝั่งที่อาร์ตและเพื่อน ๆ นั่งอยู่เป็นแน่
“นกแก้วเธอไปซ่อยเดอลาส่วนฉันสิไปกับนายกบทางนี้” ว่าแล้วกรีนนี่ก็เรียกกบที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาไปช่วยเสิร์ฟน้ำคณะครูและรุ่นพี่ทางฝั่งที่อาร์ตนั่งอยู่
“เราไม่เคยมาหมู่บ้านนี้เลยอาร์ต ที่นี่เป็นโรงเรียนที่แม่อาร์ตสอนอยู่ใช่ไหม? ” จีหนึ่งในรุ่นพี่ที่จะมาแนะแนวในวันนี้เอ่ยปากถามอาร์ตที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นด้วย
“ใช่แม่เราสอนที่นี่หลายปีแล้วนะ นาน ๆ ทีเราถึงจะขอแม่มาเที่ยวที่นี่ด้วย” อาร์ตมองไปส่งยิ้มแป้นให้แม่
“งั้นอาร์ตก็รู้จักน้อง ๆ แล้วสิ ดีจังเลย” จีกวาดสายตาไปสำรวจรุ่นน้องและบริเวณรอบ ๆ
“เอาหล่ะเด็ก ๆ เดี๋ยวครูจะแนะนำคุณครูและรุ่นพี่ที่โรงเรียนมัธยมให้พวกเรารู้จักนะคะ แล้วเดี๋ยวเราจะได้ฟังรายละเอียดกันว่าสมัครเรียนยังไง มีวิชาไหนให้ลงเรียนบ้าง”
ครูใหญ่โรงเรียนบ้านดอกผักหวานกล่าวต้อนรับคณะครูและนักเรียนที่มาแนะแนวในบรรยากาศที่เป็นกันเอง หลังจากนั้นเอกก็เป็นตัวแทนของรุ่นพี่ทำหน้าที่แนะนำเพื่อน ๆ ที่เดินทางมาด้วยกันให้น้อง ๆ รู้จัก และแบ่งปันประสบการณ์การเรียน การเป็นตัวแทนไปแข่งขันวิชาการตามที่ต่าง ๆ อีกด้วย
“นักเรียนฟังพี่ ๆ พูดแล้วตัดสินใจกันได้หรือยังครับว่าจะเรียนต่อวิชาไหนดี? ” อาจารย์ระดาซึ่งเป็นตัวแทนของอาจารย์ภาษาต่างประเทศและอาจารย์แนะแนวส่งยิ้มหวานให้กับนักเรียนบ้านดอนผักหวานที่กำลังจะเรียนจบ
“หญิงครูระดาคือผู้งามแท้” กรีนนี่สะกิดเดอลาตาก็มองอาจารย์ระดาจนเคลิ้มเลย
“หนูคนนั้นชื่ออะไรลูก มีอะไรจะถามไหมคะ? ” ระดาชี้มาที่กรีนนี่ เพราะเห็นว่ากำลังซุบซิบกับเพื่อน
“ผมชื่อชัยยศครับชื่อเล่นกรีนนี่” กรีนนี่สวยเชิดแนะนำตัวเองกับทุกคนอย่างมั่นใจ ถึงแม้ว่าจะมีสายตาบางคนมองเธอแบบไม่ชอบใจนัก ที่เธอดูกระดี๊กระด๊าจนเกินงาม
“กรีนนี่ชื่อเพราะมากลูก เมื่อกี้เห็นคุยกันกับเพื่อน กรีนนี่มีอะไรสงสัยไหมคะ” คำชมและท่าทีที่เป็นมิตรของอาจารย์ระดาทำให้กรีนนี่รู้สึกอบอุ่นเป็นพิเศษถึงจะเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรกก็เถอะ
“อืม…ถ้าพวกผมจะสมัครเรียนวันนี้เลยได้ไหมครับ” กรีนนี่ยังไม่กล้าที่จะชมระดาไปตรง ๆ จึงเฉไฉถามถึงเรื่องการสมัครเรียนแทน
“ได้ไหมคะอาจารย์คงศักดิ์” ว่าแล้วอาจารย์ระดาก็หันหน้าไปถามอาจารย์คงศักดิ์หัวหน้าคณะอาจารย์ที่เดินทางมาในวันนี้
“ถ้าเอกสารเด็ก ๆ พร้อมก็สมัครได้เลยครับอาจารย์วุฒิการศึกษาสำเนาทะเบียนบ้าน” อาจารย์คงศักดิ์เอ่ยเสียงนุ่ม
“พวกหนูขอกลับไปเอาใบทะเบียนบ้านก่อนได้ไหมคะคุณครู” เดอลายกมือขึ้นถามแทนเพื่อน ๆ เพราะรู้ว่าไม่มีใครได้เตรียมทะเบียนบ้านมาด้วย ถ้าต้องไปสมัครเรียนที่โรงเรียนคงลำบากแน่ ๆ
“นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วเราพักทานข้าวกันก่อนดีไหมคะอาจารย์ แล้วเดี๋ยวให้เด็ก ๆ กลับไปเอาใบทะเบียนบ้านมาสมัครเรียนด้วยในช่วงบ่าย” ครูสมัยเชิญคณะครูและนักเรียนที่มาแนะแนวไปร่วมทานมื้อเที่ยงด้วยกันที่โต๊ะอาหารในศาลาชื่นฤดี ที่พวกเธอและนักเรียนบ้านดอนผักหวานได้จัดเตรียมไว้ในช่วงเช้า
หลังจากที่ครูสมัยบอกให้นักเรียนกลับบ้านเพื่อไปเอาทะเบียนบ้านมาสมัครเรียนต่อ จะมีบางกลุ่มที่ไม่ได้กลับบ้านแต่ขออาสาช่วยงานครูที่โรงเรียนคอยบริการชาวคณะที่มาแนะแนว เพราะคิดว่าหลังจากเรียนจบคงต้องช่วยพ่อกับแม่ทำงานหาเงินเพื่อมาจุนเจือครอบครัว คงไม่จำเป็นที่จะต้องกลับไปเอาเอกสารอะไร
แก๊งสาวส่าอดที่จะเป็นห่วงม่านฟ้าไม่ได้ ในวันสำคัญเช่นนี้ทำไมเธอถึงไม่มา หลัง ๆ มานี้เพื่อน ๆ ทุกคนก็สังเกตอาการของเธอ ว่าค่อนข้างจะเงียบและเก็บตัวกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่วี้ดว้ายกระตู้วู้เหมือนเช่นเคย แต่เพื่อน ๆ ก็อยากเห็นหน้าอยากจะเล่นกับเธอและที่สำคัญอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ด้วยความที่ร่วมหัวจมท้ายกันมาตลอด มีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้เพื่อน ๆ แก๊งสาวส่าพร้อมใจช่วยเหลือแน่นอน
ถึงจะเป็นกังวลเรื่องม่านฟ้า แต่วันนี้เดอลานกแก้วและกรีนนี่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เพราะได้รับการแนะแนวการศึกษาคณะโรงเรียนมัธยม โรงเรียนที่จะพาพวกเธอก้าวออกไปอีกสังคมหนึ่งที่กว้างใหญ่กว่าบ้านดอนผักหวาน และโรงเรียนมัธยมที่พวกเธอตั้งใจจะไปเรียนต่อนั้นอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านดอนผักหวานเพียงไม่กี่กิโลเมตรเอง แต่เส้นทางที่ต้องใช้เดินทางไปโรงเรียนค่อนข้างทุรกันดารมาก ที่สำคัญพวกเธอจะเดินทางไปโรงเรียนกันอย่างไร
“หญิงเฮาเมือไปเอาใบทะเบียนบ้านก่อนหรือว่าไปหาหญิงฟ้าก่อน? ” กรีนนี่ถามเพื่อน ๆ
“เฮาว่าไปเอาใบทะเบียนบ้านก่อนดีบ่ อย่างน้อยถ้าเฮาบ่พ้อหญิงฟ้าพวกเฮากะมีเอกสาร แล้วมาพ้อกันอยู่เดิ่นสามแยกทางฮอมข้างวัดเด้อ”
ทุกคนเห็นด้วยกับเดอลาก่อนที่จะแยกย้ายไปบ้านของแต่ละคน สักพักกรีนนี่และนกแก้วก็มาตามนัดแต่เดอลาผู้ออกความคิดเห็นยังไม่มีวี่แววว่าจะมาถึงสามแยกข้างวัดตามที่เธอนัดไว้เลย
“บ่แมนใบทะเบียนบ้านล้มทับแล้วหวาคือนานมาแท้” นกแก้วเริ่มบ่นเพราะกลัวว่าจะกลับไปไม่ทันคุณครูรับสมัครในช่วงบ่าย ไหนจะต้องแวะไปดูม่านฟ้าที่บ้านอีก
“แวไปเบิ่งนางอยู่เฮือนบ่หญิง ถ่าอยู่นี่ใจสิขาดสิหลูด”
“สิหลูดสิขาด หึย! เล่นบ่เป็นยามแท้”
“เอ๋า ซ้อมไว้ตั้วหญิงเผื่อตู้คำก้อนเอิ้นเข้าวง บ่ได้เป็นนางเอกหมอลำเป็นตลกกะยังดี” นกแก้วอดขำในกับความเจ้าคิดของกรีนนี่ไม่ได้
“หญิง! โทษหลาย ๆ เฮาคาปีนเอาใบทะเบียนบ้านอยู่ บ่มีไผอยู่เฮือนเลยเกือบบ่ได้สมัครเรียนกับหมู่”
“เอ๋า! ปีนจังได๋บ่เย็นจ้อย ๆ อยู่หวากระโปรงเธอนะ? ” กรีนนี่กับนกแก้วมองหน้ากันงง ๆ
“ฉันเอาลำไม้ไผ่อีพ่อมาปีน”
“ลำไม้ไผ่!” คราวนี้ทั้งสามสาวต่างก็หัวเราะคิกคักกับความกล้าบ้าบิ่นของเดอลา ถึงรู้ว่าเพื่อนถนัดการปีนป่ายก็จริง แต่การปีนลำไม้ไผ่ขึ้นบ้านนี่ก็ทรหดเอาเรื่องไม่น้อยเลย ซึ่งปรกติแล้วจะเห็นก็แต่เวลางานบุญหรืองานปีใหม่ที่พวกผู้ใหญ่เขาจะปีนแข่งขันกันเพื่อชิงเงินรางวัล ใครปีนถึงยอดก่อนก็ได้เงินไป
“ไปหาหญิงฟ้ากันเถาะมันสวยคักแล้ว” เดอลารีบชวนเพื่อนมุ่งหน้าไปยังบ้านม่านฟ้า
เส้นทางไปบ้านม่านฟ้ายังคงเป็นดินทราย เหมือนทุกซอยในหมู่บ้าน ส่วนหินลูกรังจะมีก็แต่ถนนเส้นกลางบ้านเท่านั้น โชคดีที่ช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็นทรายบนพื้นถนนเลยไม่ร้อนมากนัก แต่ถ้าเป็นหน้าร้อนเดินฝ่าดินทรายกลางแดดเปรี้ยง ๆ แบบนี้ ถึงเท้าจะหนาสักเพียงใดก็สัมผัสได้ถึงความร้อนของดวงอาทิตย์ที่แผดเผาผ่านเม็ดทรายได้ดีเชียวหล่ะ
เมื่อทั้งสามเดินทางมาถึงหน้าบ้านของม่านฟ้ากรีนนี่ผู้มีพลังเสียงดีกว่าเพื่อน ๆ ก็ทำหน้าที่ร้องเรียกม่านฟ้าทันที
“หญิงฟ้า! อยู่เฮือนบ่? ”
ทุกอย่างยังคงเงียบงันไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ สาว ๆ ต่างก็มองหน้ากันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ
“หญิงฟ้า!” เดอลาช่วยอีกแรงเผื่อว่าเพื่อนของเธอจะได้ยิน
ครืด! ครืด!
“ฟ้ามันบ่สำบายลูกหล่า!” ยายเผื่อนยายของม่านฟ้าค่อย ๆ เดินออกมาที่ชานบ้านเพื่อบอกกับทุกคน
“ลุกบ่ได้แต่มื้อคืนแล้วลูกหล่า พากันมาฮอดนี่มีหยังบ่? ” ยายเผื่อนดูท่าทางเหนื่อยอ่อนแต่ก็ยังฝืนยิ้มให้กับทั้งสามสาว
“มื้อนี้ครูโรงเรียนใหญ่มารับสมัครเรียนกับมาแนะแนวจ้ายาย พวกหนูเห็นว่าม่านฟ้าบ่ได้ไปโรงเรียนเลยมานำ” เดอลาตอบยายเผื่อนด้วยสีหน้าเป็นกังวลเพราะได้ยินว่าเพื่อนไม่สบาย
“พวกหนูขอไปเบิ่งม่านฟ้าได้บ่ยาย? ”
“มันสิบ่สวยบ่กรีนนี่” นกแก้วดึงแขนกรีนนี่มาถาม
“เอาไว้มื้ออื่นเด้อหล่า อีนางฟ้ามันยังเมื่อยอยู่ได้กินยาแล้วกะสิไคแนหล่ะ ขอบอกขอบใจเด้อลูกเด้อ” ยายเผื่อนเหลือบไปมองสีหน้าของหลานสาวที่นอนเหนื่อยหอบอยู่บนเสื่อในห้องนอนสลับกับเพื่อน ๆ ของเธอ
“เอาจังสั้นกะได้ยายมื้ออื่นวันเสาร์พอดี เดี๋ยวพวกหนูมาใหม่เด้อจ้า” พูดจบเดอลาก็ชวนกรีนนี่และนกแก้วเดินออกมา ทุกอย่างอยู่ในความเงียบโดยไม่มีใครพูดอะไรกันเลย จนกระทั่งเดินมาถึงสี่แยกหน้าวัด
“หญิงพวกเธอได้ยินเสียงคือฉันได้ยินบ่ตอนอยู่เฮือนหญิงฟ้าหน่ะแหมะ? ” นกแก้วทนไม่ไหวรีบออกปากถามเพื่อนก่อนใคร ๆ
“มะสิเหลือ เสียงครืด ๆ หนั่นบ่ บรึ๋ย! เว้าแล้วขนลุกวะ” กรีนนี่เสริม
“ฟ่าวไปเถาะ เดี๋ยวบ่ทันคุณครู” เดอลาตัดบทเพื่อน ๆ นอกจากความกลัวแล้วเดอลายังเป็นกังวลไม่น้อยเลย เพราะมีบางเรื่องที่กรีนนี่และนกแก้วไม่เคยรู้เกี่ยวกับม่านฟ้า แต่เธอมีระแคะระคายอยู่บ้างเพราะม่านฟ้าสนิทกับเธอมากที่สุด มีอะไรก็จะเล่าให้เดอลาฟัง
ที่ประตูทางเข้าโรงเรียนบ้านดอนผักหวาน
“ฟ่าวมา! พากันเฮ็ดหยังอยู่หมู่สมัครเรียนกันเหมิดแล้ว” แสงร้องตะโกนเรียกแก๊งสาวส่า หลังจากที่เทียววิ่งมาส่องทางที่ประตูทางเข้าโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นเพื่อนโผล่มาสักคนเดียว กรีนนี่อาศัยช่วงขาที่เรียวยาววิ่งนำหน้าเดอลาและนกแก้ว จนเข้ามาในเขตศาลาชื่นฤดีก่อนเพื่อน ๆ
“พี่นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” อาร์ตกระซิบถามในขณะที่ยื่นมือไปรับเอกสารกับเดอลามาตรวจสอบ ไม่ทันที่สาวน้อยจะได้ตอบก็มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาก่อน
“ให้เราช่วยนะอาร์ตของเราเสร็จพอดีเลย เห็นแม่อาร์ตตามหาอยู่หนิ”
จียื่นมือไปหยิบเอกสารจากอาร์ตมาตรวจดู
“อ้าวเหรอ งั้นเราฝากดูเอกสารให้น้องหน่อยนะเดี๋ยวเรามา”
“น้องใช่ไหมชื่อเดอลา? ” จีมองหน้าเดอลาก่อนที่จะหันหลังเอาเอกสารไปใส่ในกล่องรวมกับของคนอื่น โดยไม่ได้หันกลับมามองอีกฝ่ายอีกเลย
“อิหยังวะทันได้ตอบอยู่กะหย่างหนีแล้ว” เดอลาเกาหัวแกรก ๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่แนะแนวถึงทำแบบนี้ แล้วรู้จักชื่อในวงการของเธอได้อย่างไร ชื่อนี้ถ้าไม่สนิทหรือคุ้นเคยเธอจะไม่บอกด้วยซ้ำ
“เด็ก ๆ มานี่ลูก หนูช่วยครูเอาของที่ระลึกไปมอบให้พี่ ๆ ที่มาแนะแนวในวันนี้หน่อย” ครูสมัยกวักมือเรียกเด็ก ๆ ก่อนที่จะยื่นถาดที่บรรจุกล่องสำหรับใส่ดินสอที่สานจากไม้ไผ่ให้กับเด็กนักเรียนไปมอบให้รุ่นพี่อีกที
“สาโตบ่เรียนต่อบ่” เดอลาถามสาเพื่อนที่เรียนรุ่นเดียวกัน ตอนแรกเธอคิดว่าสาคงเรียนต่อเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ เพราะสาเองก็เรียนดีมาตลอด แต่พอมาวันนี้กลับไม่เป็นอย่างที่เดอลาคิด
“น้าเฮาหางานไว้ถ่าอยู่กรุงเทพฯ แล้ว” น้ำเสียงสาไม่ได้ดูตื่นเต้นเลยพอ ๆ กับสีหน้าของเธอ
“เฮ็ดงาน! จบ ป. 6 คะเจ้ารับเฮ็ดงานอยู่หวา? ”
“ไปเป็นลูกมือน้าเฮาอีกต่อหนึ่ง เรื่องเรียนพ่อเฮาบ่มีเงินส่งเฮาเรียนดอก เฮาดีใจนำพวกโตเด้อที่ได้เรียนต่อ” สาต้องข่มใจฝืนยิ้มให้กับเดอลา ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ใจหายอยู่ไม่น้อย ที่ชีวิตของเธอต้องลาขาดจากการเรียนไป
“เฮากะเป็นหมู่กันคือเก่าหนั่นหล่ะ ไปเป็นสาวกรุงเทพฯ หล่ะอาลืมหมู่บ้านนอกอย่างเฮาเด้อหล่ะ”
“หึย! ว่าไปไผสิลืมหมู่” สากลับมายิ้มได้อีกครั้งหลังจากที่เพื่อนสาวแซวว่าเธอจะได้เป็นสาวเมืองกรุงแล้ว
เพื่อนรุ่นเดียวกันกับเดอลาไม่ได้มีเพียงสาเท่านั้นที่ไม่ได้เรียนต่อ แต่ยังมีอีกห้าหกคนที่ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเหมือนกัน ผู้หญิงก็ลำบากหน่อยอายุยังน้อยตามโรงงานหรือสถานที่ต่าง ๆ เขาจะไม่รับเข้าทำงานเลยเพราะผิดกฎหมาย แต่ถ้าเป็นผู้ชายยังสามารถบวชเรียนได้ อย่างศักดิ์เองแม่ของเขาอยากให้บวชเรียนแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอเรียนจบครูและเพื่อน ๆ จึงไม่แปลกใจที่เขาจะไม่ไปเรียนโรงเรียนมัธยมกับเพื่อนคนอื่น ๆ
“สำหรับวันนี้ครูเห็นว่าลูก ๆ หลายคนมีความตั้งใจอยากจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นไป และก็มีอีกหลายคนที่หยุดการเรียนไว้เท่านี้ จะอย่างไรก็ตามครูก็ขอเป็นกำลังให้ลูก ๆ ทุกคน การเรียนรู้เราสามารถขวนขวายได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน ขอให้ลูก ๆ มีใจรักที่จะเรียนรู้และพัฒนาสิ่งที่รู้ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ต่อยอดจนเกิดประโยชน์ให้กับตัวเองและคนรอบข้าง ถ้าลูก ๆ มีปัญหาอะไรอยากจะขอคำแนะนำครูทุกคนพร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาให้กับลูก ๆ เสมอ สำหรับวันนี้เป็นวันที่ลูก ๆ ต้องแยกย้ายจากกันแล้ว แต่มันเป็นการจากกันเพื่ออนาคต ครูขอให้ทุกคนโชคดี”
สิ้นเสียงครูใหญ่ความรู้สึกเหงาเศร้าสุขก็วิ่งพล่านมาจับขั้วหัวใจของเด็ก ๆ อีกครั้ง และนี่มันเป็นเพียงแค่ก้าวแรกของพวกเขาเท่านั้น
จบตอนที่ 18 แล้วพบกันใหม่นะคะ
ด้วยฮัก งามดอกบัว
สงวนลิขสิทธิ์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in