เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storyhashine_miharu
รุ้ง
  • ฉันตื่นมาในโลกที่มีแต่สีขาวและดำ 
    ฉันกะพริบตาช้า ๆ ได้ยินเสียงหมอแว่วมาว่าแสดงความเสียใจ เขาไม่สามารถรักษาฉันให้หายได้ เสียงแม่ร้องไห้เบา ๆ
    ฉันเห็นทุกอย่างชัดเจน เพียงแต่ทุกอย่างไร้สีสัน 
    ... อยากให้นี่เป็นเพียงฝันร้าย 
    ฉันได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ พร้อมกับชีวิตใหม่อันไร้สีสันของฉัน

    สิ่งที่ฉันชอบทำที่สุดคือวาดรูประบายสีบนผืนผ้าใบ ฉันตั้งใจจะเข้าวิทยาลัยศิลปะแห่งหนึ่ง
    การวาดรูปคือชีวิตของฉัน การวาดรูปทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันยังมีตัวตนอยู่
    ตอนนี้สิ่งที่ฉันเห็นในห้องคือผืนผ้าใบที่ฉันวาดค้างไว้ ถึงจะเห็นเป็นขาวดำ แต่ฉันยังจำสีสันบนนั้นได้
    ฉันจำรูปทุกรูปที่ฉันวาดได้
    ฉันมองกล่องสี เห็นเพียงสีดำ เทา เทาอ่อน เทาเข้ม 
    ฉันสัมผัสกล่องสี หลอดสีทุกสีอย่างเบามือ
    น้ำตาค่อย ๆ รินไหล
    สีทุกสียังคงอยู่ในความทรงจำ แต่ในชีวิตของฉันตอนนี้มีแค่สีขาวและดำ ฉันกลัวเหลือเกินว่ามันจะกลืนกินความทรงจำของฉันที่มีต่อสีสันพวกนั้นไป
    ฉันหยิบสีหลอดหนึ่งขึ้นมา อ่านดูพบว่าเป็นสีแดง ฉันบีบมันใส่แก้วล้างแปรง ในนั้นมีน้ำอยู่จำนวนหนึ่ง
    ตาของฉันพร่าพรายไปด้วยม่านน้ำตา ฉันคนสีแดงให้เข้ากับน้ำ แล้วสาดลงไปบนผ้าใบที่ฉันวาดค้างไว้
    ฉันทรุดตัวลง นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลที่ฉันร้องไห้ออกมา

    .
    ฉันนอนเฉย ๆ อยู่บนเตียงมาสามวันแล้ว
    จะมีบางครั้งที่ลุกไปเข้าห้องน้ำ หรือไปกินข้าว แต่ชีวิตส่วนใหญ่ของฉันอยู่บนเตียง
    และเวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการจ้องมองเพดาน กินยานอนหลับ
    อยากหลับตลอดไป .. ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแบบนี้ทุกครั้ง จากนั้นฉันก็จะกินยานอนหลับเพื่อให้นอนหลับต่อไป วนอยู่อย่างนี้มาสามวันแล้ว
    ส่วนเครื่องเขียน พู่กััน หลอดสีและถาด ฉันเก็บมันไว้ในตู้ตั้งแต่วันแรกที่มาถึงบ้าน
    ฉันไม่ต้องการเห็นอะไรเกี่ยวกับการวาดรูปอีก
    ฉันไม่อยากยอมรับความจริงว่าฉันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
    ฉันไม่โทษใคร ไม่โทษรถคันนั้นที่ชนฉัน
    รถที่พรากเอาสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันไป

    .
    แม่เป็นห่วงฉันมาก ฉันจึงคิดว่าจะต้องเลิกนอนเป็นผักเสียที
    ฉันจึงแต่งตัวและออกไปเรียน ยิ้มและบอกแม่ว่าไม่เป็นไร ฉันดีขึ้นแล้ว
    ฉันนั่งรถประจำทาง มองไปข้างทาง ทิวทัศน์ที่คุ้นตา แต่ภาพทุกอย่างเหมือนฉายอยู่ในทีวีโบราณ
    และสะพานแห่งนั้น ที่ฉันเคยวาดลงบนผืนผ้าใบ รูปสุดท้ายของฉันก่อนที่โลกจะไร้สีสัน
    ฉันลงจากรถ ตรงนี้ มุมนี้เอง ที่ฉันวาดรูปสะพานไว้ 
    มันยังเหมือนเดิม ก็แค่ไม่มีสีเอง

    ก็แค่ไม่มีสีเอง ..

    ฝนโปรยปรายลงมา ฉันมองหาที่หลบฝน จึงเข้าไปหลบที่ป้ายรถเมล์
    ฉันคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ต่อจากนี้ฉันจะทำอะไร
    การคิดถึงอนาคตในระยะยาวเป็นเรื่องยากสำหรับฉัน
    เพราะแค่พอคิดว่าฉันจะวาดรูปต่อไปไม่ได้แล้ว ฉันก็ไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้เลย

    ฝนเบาลง
    ฉันเดินออกไป
    "ฟ้าหลังฝนมักแจ่มใสเสมอ" จู่ ๆ ฉันก็นึกถึงประโยคนี้
    คุ้น ๆ ว่าจะมีคนที่มาเยี่ยมที่โรงพยาบาลก็พูดกับฉัน ฉันแค่นหัวเราะ
    ไหนหรือความแจ่มใส ?
    ฉันหัวเราะไม่หยุด เงยหน้ามองฟ้า มีเส้นสีเทาโค้งพาดผ่าน
    นั่นคงเป็นความแจ่มใสของคนที่พูดประโยคพวกนั้นมั้ง
    แต่จะมีประโยชน์อะไร
    สำหรับฉันมันก็เป็นแค่เส้นสีเทา
    เส้นสีเทา เหมือนกับควันอะไรสักอย่างที่พร้อมจะสลายหายไปทุกเมื่อ
    ฉันเดินไปที่ราวสะพาน ปีนขึ้นไป เบื้องล่างเป็นแม่น้ำ
    ฉันกระโดดลงไป

    .
    ปีต่อมา ที่หอศิลป์ของเมืองจัดแสดงรูปสะพานแขวนรูปหนึ่ง
    แน่นอนว่ามันสวย แสดงถึงความใส่ใจของผู้วาดเป็นอย่างดี
    แต่ที่แปลกคือ ส่วนที่เป็นแม่น้ำภายในรูป ย้อมด้วยสีแดงฉาน ...
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in