พอเราขึ้นเครื่องต่อจากไต้หวันไปอเมริกา ระหว่างเที่ยวบินสิบกว่าชั่วโมงนี้สิ่งที่เราทำส่วนใหญ่คือนอนและตื่นมากินอาหารเท่านั้นซึ่งเราโชคดีมากที่ได้ที่นั่งแถวกลางซึ่งเป็นสามที่นั่งโดยเราได้ที่นั่งขวาสุดส่วนที่นั่งตรงกลางไม่มีคนนั่ง และดูเหมือนว่าเราจะนอนท่าที่ดูไม่สบายมากๆคุณป้าที่นั่งฝั่งซ้ายเลยถามเราว่าจะยกขาขึ้นมาไว้ที่นั่งตรงกลางก็ได้นะจะได้นอนสบายๆ ตอนแรกเราก็ปฏิเสธไปเพราะเกรงใจแถมดูไม่ค่อยสุภาพด้วย แต่พอผ่านไปสักพักเราเริ่มทนไม่ไหวสุดท้ายเลยยกขาขึ้นมาวางไว้ที่นั่งตรงกลางเลยซึ่งทำให้เรานอนสบายขึ้นจริงๆ
ทุกคนอาจคิดว่าการอดนอนมาเป็นเวลานานจะทำให้เราหลับตลอดเที่ยวบินแต่จริงๆแล้วการนอนบนเครื่องบินให้สนิทตลอดเที่ยวเป็นเรื่องยากมากเพราะท้องฟ้าที่เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างซึ่งตอนแรกเราก็ตื่นเต้นนะที่ได้ดูท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปมาแต่สักพักเริ่มจะไม่ตื่นเต้นแล้วเพราะต้องนอนให้หลับจะได้ไม่เจตแลกเมื่อถึงอเมริกา สุดท้ายเมื่อนับเวลาการนอนแบบหลับๆตื่นไปได้สักแปดชั่วโมงเราก็ยอมแพ้กับการนอนแม้จะยังนอนไม่เต็มอิ่มก็ตาม เราจึงตัดสินใจดูหนังไปเรื่อยๆสลับกับฟังเพลงและกินอาหารจนถึงที่หมาย
เมื่อถึงเวลาประกาศแลนดิ้งเราก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งกลัวจะไม่ผ่านตม. ตอนนั้นเรากลายเป็นพวกขี้ระแวงไปเลยเพราะอ่านกระทู้มาเยอะและส่วนมากบอกว่าอย่าพูดคุยกับคนไทยแปลกหน้าเพราะหากเขาไม่ผ่านตม.เราจะพลอยซวยไปด้วย แต่เหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจเพราะระหว่างเดินจากเครื่องไปตม.ดันมีผู้หญิงอายุประมาณเราเดินมาทักเราเข้า ในใจนี่ถึงกับสบถเลยทีเดียวแม้จะไม่อยากพูดคุยกับมากนักแต่เราก็ต้องตอบกลับไปตามมารยาทบ้างโดยที่พยายามไม่พูดคุยกับอีกฝ่ายมากนัก
เมื่อถึงจุดตรวจคนเข้าเมืองนักท่องเที่ยวจะต้องนำพาสปอตเข้าเครื่องเพื่อรับใบข้อมูลเบื้องต้นของตนเอง(เราเดาเอาว่างั้น)และต้องนำไปยื่นกับเจ้าหน้าที่อีกที แต่ระหว่างที่กำลังกดเครื่องอยู่นั้นผู้หญิงที่มาทักเราก็ยื่นหน้ามาถามเราอีกว่าต้องกดอันไหนจนเจ้าหน้าที่เข้ามาทักพร้อมให้ความช่วยเหลือ ซึ่ง ณ จุดนั้นเรากรี๊ดออกมาในใจแล้ว(อย่ามายุ่งกับกรู๊) ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองไม่เจอเหตุการณ์ซวยๆเข้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in