ฉันชอบอ่าน บ่อยครั้งเข้าจึงเกิดคำถาม ว่าเรื่องเล่าของฉันล่ะ จะออกมาเป็นอย่างไร
ฉันชอบอ่าน บ่อยครั้งเข้าจึงลองลงมือเขียน
จากการลองครั้งแรกจนถึงตอนนี้ถ้านับเป็นเวลาถือว่าไม่ได้นานนัก ปีที่สี่ก้าวสู่ปีที่ห้า หลายวันที่ล่วงเลยมาแน่นอนว่าฉันไม่ได้เขียนทุกวัน ไม่ได้เขียนทุกเดือน ฉันเขียนเมื่ออดไม่ได้ที่จะไม่เขียน อาจเหมือนข้อแก้ตัว ใช่ ฉันอดใจไม่ได้ที่จะไม่เขียน และงานเขียนจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าฉันไม่แม้แต่จะลงมือเขียน เพราะฉะนั้นฉันจึงสรุปกับตัวเองได้ว่า ลงมือทำซะ! แค่นั้น ไม่มีอะไรมากเกินกว่านี้
มีงานเขียนหนึ่งที่ฉันจำช่วงเวลานั้นได้ดี มันเป็นงานที่ฉันรู้สึกว่าอารมณ์ระหว่างเขียนของตัวเองเคลื่อนไหวรุนแรงเป็นพิเศษ เริ่มเขียนราวเที่ยงคืน เขียนเสร็จตีสอง ตอนลงเสร็จก็ตบตีกับตัวเองว่าลบดีไหม มันดีหรือเปล่า เป็นอีกเรื่องที่ได้ฟีดแบ็กแบบจับต้องได้ ฉันได้สัมผัสว่างานเขียนของตัวเองเป็นยังไง คนอ่านรู้สึกยังไง ในตอนนั้นมันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก พี่ที่ฉันนับถือให้คำติชม ฉันน้อบรับทุกสิ่ง แค่ได้รู้ว่าตัวเองมีพัฒนาการก็หัวใจพองโต คงเหมือนการเรียนรู้ล่ะมั้ง เรารู้ว่ามันไปได้อีก มันยังได้อีก ฉันจึงยิ้มออกมา ไปต่อนะ ไปอีก
หลาย ๆ ครั้งการเขียนทำให้ฉันตั้งคำถามว่าฉันเขียนไปทำไม เมื่อเขียนแล้วไม่มีฟีดแบ็กตอบกลับมา ฉันเขียนเป็นยังไง ควรแก้ไขตรงไหน ไม่มีทางรู้เลย เมื่อกลับมาที่คำถาม ฉันเขียนไปทำไม นั่นน่ะสิ ฉันเขียนเพราะฉันอยากเขียน ฉันเขียนตอบสนองตัวเอง หาใช่คนอื่นไม่ (แต่นักเขียนกินคอมเมนต์เป็นอาหาร) ช่างมันสิ จะเป็นนักเขียนหรือไม่ ฉันแค่อยากเขียน ไม่มีคอมเมนต์เหรอ ไม่เป็นไร งานเขียนของฉันอาจไม่มีกลุ่มเป้าหมาย และบางทีนี่อาจจะยังไม่ถึงเวลาของฉัน ก็หวังว่าเวลาของฉันจะมาถึงในสักวัน
ขอให้งานเขียนของฉันโตวันโตคืน
ขอให้ฉันตอบสนองความอยากเขียนของตัวเองอยู่เสมอ
ขอให้ตัวฉันเองไม่หลงลืมความรู้สึกกระหายในบางสิ่ง
พรุ่งนี้ที่สดใสรอเราอยู่
27/06/2020
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in