เเดดร้อนระอุเเละมลพิษหลายอย่าง ผู้คนเดินขวักไขว่ในโรงเรียน เสียงจ้อกเเจ้กจอเเจของคนในพื้นที่นี้ช่างน่ารำคาญใจเสียจริง
ช่วงเวลา 16.30 นาฬิกา เวลานี้เป็นเวลาเเห่งสวรรค์ของนักเรียนที่ชื่นชอบการกลับบ้าน ไปร้านอินเทอร์เน็ต ห้างสรรพสินค้ารวมไปถึงการเดินตลาดนัด เเต่ช่วงเวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ใครต่างๆบอกเหมือนอยู่ในนรก เพราะเเสงเเดดที่จ้าเหลือเกิน เดินกันจนเหงื่อตกเป็นทางกว่าจะเดินทางไปถึงจุดหมายก็สูญเสียพลังงานมากเหมือนกัน
"ฮัลโหลเธอ มาหาหน่อย" เด็กน้อยอายุย่างเข้า17ปีในวันนั้นพูดขึ้นมาตอนที่เธอยกโทรศัพท์โทรมาอ้อนให้ฉันไปหา
ฉันยิ้มบางๆให้กับคนในสาย นักเรียนคนอื่นคงมองว่าฉันประหลาด บ้างก็ซุบซิบว่าฉันคงมีความรักถึงได้เดินไปยิ้มไปถึงเเม้เเดดจะไม่เป็นใจก็ตาม
เธอบอกให้ฉันไปรับที่โรงเรียนเธอ เราทั้งคู่เรียนคนละโรงเรียน ฉันโตกว่าเธอนิดหน่อยสัก2หรือ3ปีเเต่เธอไม่ยอมเรียกพี่เพราะเธอบอกว่าคนเป็นเเฟนกันแล้วเขาไม่เรียกพี่กันหรอก
หลังจากไปรับเธอกลับบ้าน ฉันมักจะถือกระเป๋าให้เธอเป็นประจำเพราะเธอมักจะบ่นให้ฟังเสมอว่าเธอชอบปวดบ่าเวลาสะพายกระเป๋า
ฉันเหลือบไปเห็นพวงกุญเเจที่ห้อยอยู่บนกระเป๋าเธอ มันเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษที่เป็นชื่อเธอ เเต่อีกอันนี่สิ อีกอันมันไม่ใช่ชื่อฉัน มันเป็นชื่อของใคร?
ในที่สุดฉันก็ถึงที่หมาย บ้านของเธอเป็นห้องเช่าเล็กๆอยู่ในระเเวกโรงเรียน ฉันมาที่นี่บ่อยจนคิดว่าถ้าให้หลับตาเดินคงไม่ชนอะไร เธอบอกกับฉันครั้งเเรกที่ฉันมาหาเธอว่าเธออยู่กับพี่สาวเเต่พี่สาวเธอไปอยู่กับเเฟน เธอจึงเป็นเจ้าของห้องนี้ไปโดยปริยาย
เธอยื่นน้ำเปล่ายี่ห้อหนึ่งให้ฉัน
"เหนื่อยไหมคะ"
ฉันยิ้มให้เธอเป็นรอบที่สองของวัน ฉันส่ายหัวช้าๆที่เเปลว่าไม่เหนื่อย
"เราคิดนะว่าเธอเป็นพวกไร้อารมณ์ เราเห็นเธอไม่ค่อยยิ้มให้ใครเลย เเต่ก็นั่นเเหละพอเรารู้ว่าเราเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอยิ้มได้เราเเฮปปี้มากเลยนะ" เธอพูด
อ่า......เธอทำให้ฉันเขินอีกเเล้ว
ฉันมักจะมาอยู่ที่ห้องของเธอทุกวันหลังเลิกเรียน คุยกันเล่นกันตามประสาคู่รักทั่วไป เเต่มันก็ไม่ได้สวยงามมากนักหรอก ก็ตั้งเเต่วันที่ฉันรู้ว่าเจ้าของพวงกุญเเจนั้นเป็นของใคร
เธอไม่รู้ว่าฉันไปรู้ความลับอะไรของเธอเข้า เธอมีทั้งฉัน เเฟนเก่าของเธอที่เป็นเจ้าของพวงกุญเเจที่ห้อยอยู่ข้างๆชื่อเธอบนกระเป๋าใบโปรด
จนวันที่ฉันตัดสินใัจมาอย่างดีแล้วในว่ันนี้ ฉันมาหาเธอในวันที่ฟ้าหม่น
"พี่รู้เเล้วนะ เรื่องที่เธอมีคนอื่น"
"เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ อย่าไปเลยนะ เรารักเธ.."
เธอพูดประโยคเหล่านั้นออกมาเเละร้องไห้ใจเเทบขาด
ในความคิดฉันตอนนั้นมันอยากจะเข้าไปกอดปลอบเธอใจจะขาดเเต่สิ่งที่ฉันรู้มามันทำให้ฉันเลือกที่จะเดินออกจากห้องเธอไป
ฉันปิดประตูห้องเธอเสียงดังพอๆกับเสียงฟ้าร้อง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงพร้อมๆกับสายฝนที่พร้อมใจกันตกลงมาจากฟ้า เมฆฝนคงรู้ว่าฉันเสียใจเลยปล่อยให้น้ำฝนมาเศร้าเป็นเพื่อนฉัน น้ำตากับน้ำฝนมันเข้ากันก็วันนี้เเหละ ฉันเดินออกมาจากห้องเธอนานเเล้วเเละไม่มีทีท่าว่าน้ำตาจะหยุดไหล ฝนก็เช่นกัน
ฉันกลับมาคิดทบทวนประโยคสุดท้ายที่เธอกล่าวมา เธอรู้ว่าจุดอ่อนฉันคือคำพูดของเธอ รอยยิ้มเเละคำพูดต่างๆนานาที่เธอที่เคยทำมันเป็นหอกทิ่มเเทงใจฉันอยู่ ฉันกลัวว่าประโยคสุดท้ายที่เธอพูดมาจะทำให้ฉันเลือกที่จะเดินเข้าไปกอดปลอบเธอเเล้วบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนเคย ฉันกลัวว่าฉันกลับไปมันจะวนอยู่เเบบเดิม ฉันทนเจ็บทนเสียใจในวันที่ฉันตัดสินใจออกมาจากชีวิตเธอดีกว่าต้องมาทนฟังคำบอกรักหวานหูที่ไม่ใช่เเค่ฉันที่ได้ฟัง....
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in