เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Inconceivable | รักอนันต์พันธสัญญาdolpat4real
NerOrm : [ Chapter III ] Inconceivable
  • Title: Inconceivable | รักอนันต์พันธสัญญา

    Author:  anitana_ & sean.

    Pairing: King Nereus x (Prince) Orm Marius | #NerOrm

    Fandom: Aquaman (2018)


    ติชม คอมเมนท์และเป็นกำลังใจได้ที่ #พันธสัญญารัก







     





    .. เสด็จพ่อ..” ออร์มหน้าซีดทันตาเห็น เมื่อพระบิดาของตนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง จนออร์มเองก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าพระบิดากำลังรู้สึกเช่นไรในตอนนี้

     

     

              “เจ้าทำเรื่องน่าอับอายเหลือเกินลูกข้า..” กษัตริย์ออร์แวกซ์กล่าวสายตาเต็มไปด้วยความผิดหวังในตัวของลูกชาย - ออร์มก้มหน้า น้อมรับหากแต่ขยับตัวเข้าแนบชิดกับแผ่นหลังของเนเรียสมากขึ้นอย่างต้องการที่พักพิงในยามนี้

     

     

              “ลูก.. ลูกรักเนเรียส..” ออร์มตอบกลับไป เงยหน้าขึ้น มองพระบิดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแน่วแน่ แม้ข้างในหัวใจจะหวาดหวั่นเสียเหลือเกิน

     

    แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะรัก..

     

     

              “แต่ความรักของเจ้ามันทำให้ข้าต้องอับอาย! ทำให้แอตแลนติสต้องอับอับอาย.. ที่มีรัชทายาทยอมนอนทอดกายอ้าขาให้กับองค์กษัตริย์อีกอาณาจักรหนึ่งแบบนี้!” ถ้อยคำทุกคำบาดลึกลงกลางใจของเจ้าชายหนุ่ม..

     

     

     

              เนเรียสขยับใช้ตัวบังออร์มไว้ข้างหลัง ชั่ววูบหนึ่งเขามองเห็นหยดน้ำตาสีใสที่ค่อยๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาคู่นั้นเขาบีบมือของออร์มเอาไว้ “ข้าจะอยู่กับเจ้า..” พูดอีกหนด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงและหนักแน่น

     

              “กษัตริย์ออร์แวกซ์ฟังข้าก่อน..”

     

              “ข้าสัญญาและสาบานด้วยเกียรติของข้า .. ข้าจะรับผิดชอบต่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอง” เนเรียสกระชับฝ่ามือของตนที่กุมฝ่ามือของรัชทายาทเอาไว้แน่น แสดงถึงเจตจำนงที่บริสุทธิ์

     

              ต่อให้ต้องก้มหัวให้กษัตริย์ออร์แวกซ์.. เนเรียสก็ไม่ปฏิเสธที่จะทำ

    และเขากำลังทำมันอยู่ในตอนนี้..

     

              “ข้ารักลูกของท่านด้วยความจริงใจ..” ริมฝีปากเม้มแน่น นัยน์ตาสีฟ้าเงยขึ้นสบกับบุคคลตรงหน้า

     

     

     

              ออร์แวกซ์เหยียดยิ้ม.. รักงั้นหรือ? ไม่มีทางเชื่อได้หรอก.. คนอย่างเนเรียสคงอยากจะทำให้ออร์มหัวอ่อน เพราะหวังในอำนาจที่จะมีเหนือแอตแลนติสในอนาคตเป็นแน่

     

              “เก็บคำว่ารักของท่านเอาไว้เถอะเนเรียส.. ลูกข้ามันโง่ คงจะดูไม่ออกถึงเจตนาของท่าน.. แต่ข้าดูออกว่าท่านน่ะหวังสิ่งใดอยู่” ออร์แวกซ์กล่าว – ออร์มยิ่งสะอึกกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ.. ได้แต่เก็บคำเงียบ ยิ่งบีบกระชับมือของเนเรียสเอาไว้แน่น

     

     

              “เอาตัวลูกไม่รักดีของข้ากลับแอตแลนติส..” ออร์แวกซ์หันไปสั่งทหารที่อยู่ในชุดเกราะพร้อมรบเต็มอัตรา

     

    ..ขืนท่านเข้ามาอีกก้าวเดียวข้าไม่ปรานีเป็นแน่”

     

    สุดท้ายออร์มยอมปล่อยมือเนเรียส - ใบหน้างามแข็งกร้าว สองเท้าก้าวเข้ามาตรงหน้า .. เนเรียสจะเจ็บตัวเพราะเขาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

     

             

     

     

              ชั่ววูบหนึ่งเนเรียสรู้สึกโกรธแค้นในหัวใจกับคำพูดของกษัตริย์ออร์แวกซ์เหลือเกิน.. ไม่เคยมีผู้ใครกล้าพูดกับเขาเช่นนี้มาก่อน แต่ครั้งนี้เขาต้องยอม.. ยอมทิ้งอารมณ์เหล่านั้นเอาไว้เบื้องหลัง - สัมผัสที่เชื่อมระหว่างกันกำลังถูกสายลมพัดพราก แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ามือของเนเรียสก็ยังคงโหยหา “..ออร์ม”

     

              “ไม่.. กษัตริย์ออร์แวกซ์ ได้โปรด..”

     

    เข่าทั้งสองข้างทรุดลงกับพื้น หยดน้ำตารินไหล ไขว่คว้าไว้ได้เพียงแค่อากาศ - คนรักของเขาถูกกลืนหายไปพร้อมกับกองกำลังทหารที่ห้อมล้อม

     

              “ได้โปรด.. ข้าขอร้อง...”

     

     

              ออร์มหันไปมองเนเรียส.. มองเห็นคนรักที่ทรุดตัวอยู่กับพื้น น้ำตาของเขาไหล.. และสายน้ำไม่พัดพาให้มันผ่านไปด้วยซ้ำ - ภาพของเนเรียสยังคงชัดอยู่ในหัวใจ ทำไม.. ทำไมเขาถึงทำตามหัวใจตนเองไม่ได้เลย..

     

              “เนเรียส..” เสียงหวานเอื้อนเอ่ย ริมฝีปากกระซิบคำแผ่วเบา.. “ข้ารักท่าน.. หมดด้วยทั้งหัวใจของข้า” ก่อนทหารจะคุมตัวขององค์รัชทายาทหนุ่มให้ผ่านพ้นไปจากรังรักของพวกเขา

     

     

              ใบหน้างามยิ่งแสดงออกถึงความแข็งกร้าว.. เขาจะต่อต้านก็ย่อมได้ ทหารพวกนี้ไม่คณามือเขาอยู่แล้ว แต่นั่นคือท่านพ่อ และหากเขาต่อต้านจนเนเรียสต้องลงมือ สงครามก็อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วยเช่นกัน..

     

              ออร์มจะรอ.. รอแค่เพียงเวลาเท่านั้น.. เขาจะไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้เป็นอันขาด..

     

     

     

              “อย่าเอาเขาไป.. ได้โปรด... ออร์ม..” เนเรียสกรีดร้องจนแทบขาดใจ มองดูแผ่นหลังที่เล็กกว่านั้นเลือนหายไปพร้อมกำแพงน้ำตาที่เอ่อล้น - เมื่อวินาทีที่แล้วเขายังได้กอดแผ่นหลังนั้นอยู่แท้ๆ

     

              เนเรียสไม่เคยได้เผื่อใจเลยว่าครั้งแรกของเขานั้น จะกลับกลายเป็นครั้งสุดท้ายในตอนนี้

     

     

              ..ความอ่อนแอของเนเรียสได้ถูกเปิดเผยต่อหน้าออร์แวกซ์แล้ว และเจ้าชายออร์มคือทั้งหมดของความอ่อนแอเหล่านั้น..

     

     

              หากตัดคำว่ากษัตริย์ออกไป.. เนเรียสก็คงเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความรักเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป.. และตอนนี้ ความรักของเขากำลังถูกพรากออกไปไกลแสนไกลราวกับตัวตนที่ไร้หัวใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              ออร์มถูกใส่กำไลกดพลังเอาไว้..

     

    น้ำตาของเขาถูกน้ำทะเลพัดผ่านยามเมื่อได้ลงมาอยู่ ณ ยานใต้น้ำของกองทัพแอตแลนติส หากแต่ใบหน้าสง่างามยังคงเรียบเฉย แม้ในใจจะปวดร้าวมากเหลือเกินก็ตามที..

     

     

              “อย่าให้ข้าเห็นว่าเจ้าร่ำไห้ให้กับมัน..” ออร์แวกซ์เอ่ย มองลูกชายเพียงคนเดียวของตนด้วยสายตาว่างเปล่า ออร์มไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าพระบิดาจะรักหรือไม่รัก.. กษัตริย์ออร์แวกซ์ไม่เคยทำให้เขาเห็นถึงความรักเลยด้วยซ้ำ

     

     

              “ลูกรู้ดีว่าควรทำเช่นไร น้ำตาของลูกจะไม่มีวันหลั่งให้ใครได้เห็น.. ยกเว้นแต่เขา - ยกเว้นเพียงแต่องค์กษัตริย์เนเรียส แห่งอาณาจักรเซเบลเท่านั้น..” เชิดหน้าขึ้นท้าทาย.. ออร์มไม่ใช่หุ่นเชิดของพระบิดา

     

     

              “ข้าเองก็สงสัย.. หากข้าตาย เจ้าจะร่ำไห้ได้ครึ่งกับที่ร่ำไห้ให้มันหรือไม่” กษัตริย์ออร์แวกซ์เอ่ยเสียงเย็นเยียบ พระพักตร์ของพระองค์ดูผิดหวังในตัวออร์มเสียยิ่งกว่าอะไรดี “แต่ข้าก็ได้รู้คำตอบแล้วในตอนนี้..”

     

              “เจ้ามันก็แค่ลูกโง่ที่ไม่รักดี.. นอนทอดกายให้กับกษัตริย์ต่างเมือง ไม่เคยคิดสำเหนียกว่าตนเองเป็นใคร” คำพูดเล็ดลอดใต้ไรฟัน สันกรามขบแน่นด้วยโทสะ – กษัตริย์ออร์แวกซ์ลงจากบัลลังก์ และตรงไปยังองค์รัชทายาทที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า

     

              มือหนาบีบใบหน้าของออร์มเอาไว้แน่น หากแต่สายตาคู่นั้นยังคงท้าทายอำนาจของผู้ที่ตนเรียกว่า ‘พระราชบิดา’

     

     

              “งั้นก็ปล่อยข้าสิ.. เนรเทศข้า ส่งข้าไปสังเวยให้กับอสูรร่องสมุทรอย่างที่ท่านเคยทำกับท่านแม่--”

     

    คำสุดท้ายของประโยคยังไม่ทันจะได้สิ้นสุดดีเสียด้วยซ้ำ หลังมือขององค์กษัตริย์ก็ฟาดเข้ากับใบหน้าสวยจนสะบัดไปตามแรงเหวี่ยง

     

     

              “กล้าดีอย่างไร..” โทสะบันดาลเดือดจนเลือดขึ้นหน้า ฝ่ามือที่สั่นระริกกำแน่นเข้าหากัน

     

     

              “ตบข้าอีกสิ.. เอาจนกว่าข้าจะตาย จนกว่าท่านจะพอใจ--” ออร์มหันกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับรอยเลือดที่ซึมออกมาจากรอยแตกของโหนกแก้ม

     

     

              เมื่อได้ยินเช่นนั้นฝ่ามือใหญ่นั้นฟาดลงอีกครั้งในทิศทางที่ตรงกันข้าม - กษัตริย์ออร์แวกซ์ไม่เคยโดนผู้ใดท้าทายอำนาจมากถึงขนาดนี้มาก่อน และนี่.. ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา กำลังต่อต้านเขาอย่างนั้นหรือ..

     

              “คิดว่าข้าจะเนรเทศเจ้าให้แจ้นไปซุกหัวนอนใต้ชายคาอาณาจักรเซเบลอย่างนั้นหรือ..” กษัตริย์ออร์แวกซ์เหยียดยิ้ม “ตื่นได้แล้วลูกข้า.. นี่ไม่ใช่ฝันหวานของเจ้า”

     

     

     

              ออร์มเงยหน้าขึ้นมอง กรามขบกันแน่นอย่างอดกลั้น.. ความเจ็บปวดบนใบหน้าไม่ได้ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เกิดในหัวใจของเขาเลยด้วยซ้ำ - ท่านพ่อผู้ไม่เคยให้ความรัก ความเมตตากับผู้ใด แม้กระทั่งตัวของออร์มเองในตอนนี้..

     

              มันเจ็บ.. ก็ตรงที่รู้ว่าออร์มนั้นไม่ต่างอะไรเลยกับการเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของพระราชบิดา ไม่สามารถทำตามจิตใจของตนเองได้ ไม่ได้เลยสักอย่างเดียว..

     

     

              “ข้าก็รู้ว่าท่านคงไม่ทำเช่นนั้นกับข้า.. หมดข้าไปบังลังก์นี้ก็คงจะว่างเปล่า.. ท่านสร้างข้าขึ้นมาเพื่อการนั้นนี่นะ” ออร์มเหยียดยิ้ม สีหน้าไม่แสดงความหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย

     

              “ถ้าให้ข้าเดา.. ท่านคงจับข้าใส่ตะกร้าล้างน้ำเสียใหม่หมดจด คงไม่มีใครได้รู้ว่ารัชทายาทแห่งบังลังก์อันยิ่งใหญ่เคยนอนทอดกายให้กษัตริย์แห่งเซเบลมาก่อน..”

     

     

    ออร์แวกซ์ยิ่งกำมือแน่น โทสะกำลังพุ่งพล่านเต็มดวงหทัยของพระองค์ นึกเกลียดนักที่เขาสร้างออร์มมาเองกับมือ ปลูกฝังออร์มเองทุกอย่าง จนสุดท้ายลูกชายก็รู้ทันเขาทุกครั้ง..

     

     

              “ถูกต้องแล้วลูกข้า.. ถ้าเป็นเยี่ยงนั้น.. เจ้าก็อย่าหวังว่านับจากนี้เจ้าจะได้เห็นผืนฟ้า ผืนน้ำ ผืนมหาสมุทรอีกต่อไป จนกว่าข้า.. จะตายจากเจ้า..”

     

     

              “ข้าจะเฝ้ารอวันนั้น.. เสด็จพ่อ” ออร์มเงยใบหน้าขึ้นมองกษัตริย์ผู้เป็นพ่อ สายตาคู่นั้นไม่ยี่หระต่อความกลัวที่จะต้องถูกคุมขัง “..ข้ากล้าสาบานด้วยชีวิตของข้า”

     

     

              นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.. ออร์มจะใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปแต่ละวันเพื่อเฝ้ารอคอยวันที่ได้เป็นอิสระอีกครั้ง เพราะเกมนี้เดิมพันด้วยชีวิต .. และผู้ชนะมีแค่หนึ่งเดียว แม้เมื่อวันนั้นมาถึง มันจะต้องมีใครสักคนที่เป็นฝ่ายจากไป ออร์มก็จะตั้งปฏิญาณตนที่จะรอ

     

              .. เฝ้ารอวันนั้น ที่เขาจะได้กลับไปหาเนเรียสอีกครั้ง ณ เส้นของขอบฟ้า ..

     

     

              ออร์แวกซ์แค่นหัวเราะ.. พร้อมกับหันไปสั่งทหาร ในเมื่อลูกชายเลือกที่จะเป็นปรปักษ์ต่อต้านเขา เพราะผู้ชายต่างเมือง.. เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเมตตาปรานี..

     

              “เอาตัวไป.. ไม่ต้องหาห้องที่เห็นวิวนะ เอาห้องขัง.. ที่ลึกที่สุดในวังหลวงแห่งนี้”

     

     

              ไม่มีความเจ็บปวดใดๆในดวงตาคู่นั้นของพระบิดาที่ต้องสั่งขังลูกชายของตน - ออร์มเองก็มองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาเรียบเฉย.. สั่งขังตัวของเขาได้ แต่พระราชบิดาไม่มีวันจองจำหัวใจของออร์มได้

     

              ราชองครักษ์ขององค์กษัตริย์พาตัวรัชทายาทไป.. ห้องขังลึกที่สุดในวังหลวง.. ไม่เห็นสิ่งใดนอกจากพื้นมหาสมุทรสุดดำมืด..

     

     

     

              ออร์มรู้สึกปวดร้าวบนหัวใจเสียเหลือเกินก็ตอนนี้ - กำแพงน้ำตาพังลงมาทันทีที่ถูกนำตัวออกจากท้องพระโรงอันแสนกว้างใหญ่

     

              ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะพาให้ตัวเองเคลื่อนที่ไปข้างหน้า แต่เขาก็ต้องฝืนใจทำ .. อยากจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา แต่ก็ได้แค่ภาวนาให้สายน้ำรีบพัดพาให้เลือนหายไปเสียที สะกดเสียงสะอื้นของตัวเองไว้ในอก ริมฝีปากสวยนั้นถูกเม้มแน่นจนห้อเลือด

     

              ออร์มไม่ใช่คนแข็งแกร่ง, มากสุดก็แค่ภายนอก และพละกำลังที่ถูกฝึกฝนมา แต่ข้างในหัวใจของเขานั้นแสนอ้างว้างและอ่อนแอ จะมี.. ก็เพียงแต่เนเรียสเท่านั้นที่คอยเติมเต็มช่องว่างในหัวใจของเขาได้

     

              ท่ามกลางความมืดมิดใต้ท้องสมุทร มีเพียงแค่เสียงกรีดร้องของคนรักที่ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของออร์ม - ไม่รู้ว่าป่านนี้องค์กษัตริย์เนเรียสจะเป็นอย่างไรบ้าง ห่วงแสนห่วงเหลือเกิน

     

    คงจะดี.. หากเขาทั้งคู่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดา..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              เนเรียสกลับมายังพระราชวังของตน ไม่อาจรู้ได้เลยว่าป่านนี้ออร์มจะเป็นเช่นไรบ้าง และที่เขารู้สึกแย่ที่สุด คือตัวเขาเองที่ไม่อาจช่วยอะไรอีกฝ่ายได้เลย..

     

              “ออร์ม.. ข้าขอโทษ..” เนเรียสได้แต่กระซิบผ่านสายน้ำไปอย่างแผ่วเบา องค์กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างเช่นเขา มิเคยได้รู้สึกท้อแท้ในหัวใจเช่นนี้มาก่อนเลยจริงๆ.. แต่เขาจะไม่ยอมแพ้.. ยังไงเขาก็จะหาทางไปพบกับออร์มให้ได้..

     

     

     

              เนเรียสเรียกทหารคนสนิทเข้ามาพบตน..

     

     

              “จัดขบวนให้ข้าวันรุ่งขึ้น.. ทรัพย์สมบัติที่เรามี จัดเตรียมให้พร้อม.. พรุ่งนี้ข้าจะไปแอตแลนติส..”

     

     

    ไปรับดวงใจของข้ามาให้ได้..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

              กองทัพมังกรทะเลหลายร้อยตัวเคลื่อนขบวนมายังด่านหน้าเมืองของแอตแลนติส - กษัตริย์แห่งเซเบลผู้นำทัพหน้า กำลังเบี่ยงตัวลงจากอานหลังของมังกรทะเล หยัดยืนอยู่หน้าประตูแห่งพระราชวังรอการตอบรับคำขออนุญาตทูลเข้าเฝ้าจากกษัตริย์ออร์แวกซ์แห่งแอตแลนติส

     

     

     

              “..บอกกษัตริย์ออร์แวกซ์ไปว่าข้าจะรออยู่ตรงนี้ จนกว่าพระองค์จะให้ข้าเข้าเฝ้า..” เนเรียสยืนยันคำเดิม ใบหน้านิ่งเฉย แม้ข้างในจะกลัวแสนกลัวเหลือเกิน - แต่ที่เขากลัวมากกว่านั้น คือการที่จะไม่ได้พบหน้าของออร์มอีก

     

              อย่างน้อย.. แค่ให้เนเรียสได้รู้ว่าออร์มยังอยู่สบายดีก็คงจะสบายใจขึ้นในระดับหนึ่ง - ริมฝีปากเม้มแน่น ภายในหัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความกังวล

     

     

     

     

     

              ทางด้านขององค์กษัตริย์ออร์แวกซ์ – ทหารองครักษ์พอได้รับข่าวก็รีบกราบทูลให้องค์กษัตริย์แห่งแอตแลนติสนั้นได้ทราบ, กษัตริย์ออร์แวกซ์ที่นั่งอยู่บนบังลังก์ถึงกับตบเข่าไปฉาดใหญ่เลยล่ะ ในเมื่อกล้าแบกหน้ามาถึงที่นี่.. กษัตริย์แห่งเซเบลผู้นี้ก็คงต้องได้รับบทเรียนกลับไปเสียแล้ว

     

     

              “ให้เขาเข้ามา” สุรเสียงทุ้มใหญ่เอ่ยสั่ง นายทหารจึงรีบไปส่งข่าวต่อในทันที เวลาผ่านไปไม่นาน.. กษัตริย์เนเรียสก็เข้ามายังท้องพระโรงใหญ่ พร้อมกับองครักษ์ส่วนพระองค์อีกจำนวนหนึ่ง - มององค์กษัตริย์แอตแลนติสที่นั่งบนบังลังก์.. ไร้เงารัชทายาทข้างกายเหมือนเช่นกาลก่อน

     

     

              “มาถึงนี่ท่านต้องการอะไรงั้นหรือ เนเรียส..” กษัตริย์ออร์แวกซ์กล่าว

     

     

              “ข้ามาเพื่อรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น..” กษัตริย์เนเรียสย่อตัวลงนั่ง คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ยืนหยัดยอมก้มศีรษะให้กับองค์ราชันย์ต่างเมือง “ข้าวของเงินทองข้าพร้อมจะยกให้ท่านเพื่อแลกกับ...”

     

              “เงียบปากเสีย.. เนเรียส” ออร์แวกซ์เหยียดยิ้มบนใบหน้า “เจ้าไม่รู้ตัวหรอกว่ากำลังพูดอะไรออกมา..”

     

              “ให้ตายอย่างไร ข้าก็ไม่มีทางยกลูกของข้าให้ท่านหรอก เนเรียส..” เอนกายแนบชิดกับบังลังก์สีทอง รอยยิ้มเหยียดยังคงอยู่

     

     

              เนเรียสเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรอยยิ้มนั้นเข้าก็เผลอขบกรามแน่น.. มันเหยียดหยามเขาอยู่ในที .. ศักดิ์ศรีกษัตริย์ .. ที่คุกเข่าต่อหน้ากษัตริย์อีกพระองค์.. เนเรียสยอมแลก.. เพื่อออร์ม...

     

     

              “ข้าล่ะสงสัยเสียเหลือเกินว่าลูกใจง่ายของข้ามันจะทำหน้าอย่างไร ถ้าเห็นว่าท่านมาคุกเข่าต่อหน้าข้าเพื่อเขาเช่นนี้” ออร์แวกซ์หัวเราะ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน เคลื่อนตัวไปตรงหน้ากษัตริย์เนเรียสที่คุกเข่า..

     

              “อย่าหวังว่าความรักของท่านกับลูกข้ามันจะสมหวังเลยเนเรียส.. ถ้าข้ายังอยู่ ก็อย่าหวังว่าท่านจะได้เห็นหน้าออร์มอีก”

     

     

              “ท่านจะเก็บเขาไว้ทำไม ในเมื่อท่านเองก็ไม่ได้รักใคร่เขาถึงขนาดนั้น..” กษัตริย์เนเรียสเงยหน้าขึ้นสบตา เผลอขบฟันแน่นอยู่ตามที “หากท่านไม่รัก.. ข้าก็ยินดีที่จะรักเขาด้วยทั้งหมดของหัวใจข้า”

     

              เนเรียสรู้ดีว่ากษัตริย์แห่งแอตแลนติสตรงหน้านี้ก็คงไม่ได้มองเห็นออร์มเป็นลูกเสียเท่าไหร่ จะเป็น.. ก็เป็นแค่ในนามเพียงเท่านั้น – องค์กษัตริย์เนเรียสนี่สิ.. ที่มอบความรักให้กับออร์มเสียมากล้น

     

              “ข้าขอล่ะ กษัตริย์ออร์แวกซ์..” ฝ่ามือที่วางอยู่เหนือเข่ากำแน่นเข้าหากัน “อย่าบังคับให้เขาได้ทรมานหัวใจอยู่แบบนี้เลย เห็นแก่ลูกเถอะ..”

     

     

              “ข้าต้องเห็นแก่เกียรติแห่งบ้านของเมืองข้าสิถึงจะถูก..” ออร์แวกซ์เอ่ยตอบ ไม่มีความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น.. แม้มันจะมีเพียงเสี้ยวเล็กๆที่เกิดขึ้นในจิตใจ แต่มันก็ถูกแทนที่ด้วยโทสะและความคาดหวังในตัวออร์มไปหมดแล้ว..

     

              เขาอยากให้ลูกเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ ปกครองแอตแลนติสให้เกรียงไกรเฉกเช่นที่ผ่านมา การที่จะให้ออร์มไปเป็นภรรยาของเนเรียสจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้.. ว่าที่กษัตริย์อย่างลูกของเขาต้องไร้มลทิน และเรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้ทั้งนั้น

     

              “ท่านกลับไปเสียเถอะเนเรียส เห็นแก่สัมพันธ์อันดีของบ้านเมืองเรา เซเบลจะอยู่เคียงข้างแอตแลนติสเสมอ.. หากไม่ใช่ในเรื่องนี้ ข้ามิอาจยอมรับได้”

     

     

              “แล้วลูกชายของท่านล่ะ..” ที่ถามแบบนั้น เนเรียสเองก็สื่อความหมายในคำถามอยู่แล้ว - เขาต้องการคำตอบในระยะยาวและที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ “..ออร์มเป็นอย่างไรบ้าง”

     

              แววตาของเนเรียสนั้นหมองหม่น ความทุกข์ใจสื่อผ่านแววตาคู่นั้นอย่างมิได้ปิดบัง กษัตริย์เนเรียสคาดหวังให้กษัตริย์ออร์แวกซ์ได้เห็นหัวใจของเขาที่ถวิลหาเจ้าชายแห่งแอตแลนติส

     

              “..อย่างน้อยก็ให้ข้าได้รู้.. ว่าเขายังคงอยู่สุขสบายดี..” หยาดน้ำตาเอ่อล้น ถามหาคนรักด้วยความห่วงใย - เนเรียสคงเปลี่ยนใจออร์แวกซ์ไม่ได้ แม้ข้าวของเงินทองที่เตรียมมาก็คงไม่มีความหมายใด

     

     

              “เขาสุขสบายดี ในฐานะของลูกชายข้า” ออร์แวกซ์กล่าว แม้จะให้ลูกชายต้องโทษคุมขัง แต่เขาก็ไม่ใจร้ายพอที่จะทำกับออร์มเฉกเช่นนักโทษทั่วไป ออร์มยังคงได้ห้องหับที่ครบสมบูรณ์ อุปกรณ์ครบครัน อาหารสมบูรณ์พูนสุขสามมื้อ..

     

              แต่สำหรับออร์มแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะมีความหมายอะไรหากปราศจากอิสระ

     

     

              “รู้เช่นนี้.. ท่านก็คงไม่มีสิ่งใดให้ต้องห่วงหาหรือกังวลอีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นก็เชิญท่านกลับไปพร้อมข้าวของของท่านเสียเถิด ตัดใจจากลูกข้า.. อย่างท่านคงหานางมาบำเรอได้เพียงแค่ยกนิ้วสั่ง ปล่อยลูกข้าไปซะ.. ถือเสียว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของเรา”

     

     

              “ท่านพูดแบบนั้น.. มันก็คงหมายความว่าข้าไม่สามารถเปลี่ยนใจของท่านได้เลยแม้แต่นิดเดียวเลยสินะ..” กษัตริย์เนเรียสพยักหน้า ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืนหยัดเต็มความสูง “แต่อย่างหนึ่งที่ข้าอยากให้ท่านได้รู้ไว้ แม้ท่านจะไม่อยากรับรู้ซ้ำเป็นรอบสอง..”

     

              “ข้า.. กษัตริย์เนเรียสผู้นี้ - ได้มอบความรักให้กับองค์รัชทายาทของท่านอย่างสุดหัวใจ และไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ข้าก็จะไม่ยอมแพ้จนกว่าชีวิตของข้าจะหาไม่..”

     

              “ข้า.. ไม่เคยมองลูกชายของท่านเป็นเครื่องมือแห่งชัยชนะ หากแต่ข้านั้น.. มีเพียงความรักที่พร้อมจะมอบให้เขาตราบจนชั่วนิจนิรันดร์”

     

    ฝ่ามือกว้างแนบลงกลางอกกล่าวคำสัตย์ด้วยใจจริง

     

    “กษัตริย์ออร์แวกซ์.. ถึงแม้ท่านจะกีดกันข้าให้ห่างจากออร์ม จะเหนือสุดของเส้นขอบฟ้า หรือใต้สุดของแกนโลก แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ท่านไม่อาจพรากเราสองคนได้ คือหัวใจของข้าที่มอบให้แด่เขา และหัวใจของเขาที่มอบให้แด่ข้า..”

     

              “เพราะแบบนั้น.. ข้าจึงเชื่อมั่นในความรักของเรา ที่ท่านจะไม่มีวันได้เข้าใจในสิ่งนั้น”

     

              ค้อมศีรษะเพียงเล็กน้อย กษัตริย์เนเรียสถอยกลับไปพร้อมข้าราชบริวารจำนวนหนึ่งที่ตามมาเข้าเฝ้า – ไม่แม้แต่จะหยุดยืนรอฟังคำกล่าวร้ายที่ตะโกนไล่ตามหลัง

     

     

              ออร์แวกซ์ได้แต่ขบกรามแน่น ถึงแม้ตนจะชนะในการไม่ให้เนเรียสเจอกับออร์ม แต่ก็ไม่สามารถทำให้ทั้งสองนั้นตัดใจไปจากกันได้เลย

     

     

     

     

     

              ราชครูวัลโก้รู้และเห็นทุกสิ่ง ชายชราเจ็บปวดแทนองค์รัชทายาทยิ่งนัก.. เขาเฝ้าสอนและเลี้ยงดูออร์มมาไม่ต่างอะไรกับลูกหลานของตน การได้เห็นออร์มต้องถูกทรมานทางจิตใจเช่นนี้ มันก็พาลให้เขาเจ็บปวดไปด้วย..

     

              พอองค์กษัตริย์เนเรียสออกจากท้องพระโรง.. ราชครูจึงไปดักรอ ณ บริเวณที่เป็นโรงจอดพระราชพาหนะทันทีและโชคดีที่การเฝ้ายามของบริเวณนั้นช่างหละหลวม วัลโก้เลยแอบเข้าไปได้

     

     

              “ฝ่าบาท! ฝ่าบาทพะย่ะค่ะ” วัลโก้ร้องเรียก เนเรียสหันมาเห็นชายชราที่ตนจำได้ว่าเป็นผู้ดูแลองค์รัชทายาท - มือใหญ่ยกมือขึ้นสั่งทหารของตนเชิงบอกว่าไม่ต้องเข้ามา

     

     

              “มีอะไรงั้นหรือวัลโก้”

     

     

              “ถ้าฝ่าบาทอยากพบองค์ชาย.. ข้าสามารถพาพระองค์เสด็จไปได้พะย่ะค่ะ”

     

     

              เนเรียสตวัดฝ่ามือทวนกระแสน้ำเข้าไปหาชายชราที่ยืนอยู่ตรงนั้น - มือกร้านวางลงบนบ่าของวัลโก้ ด้วยส่วนสูงที่ต่างกันจึงทำให้เนเรียสต้องก้มกระซิบลงต่ำ

     

              “เจ้าจะพาข้าไปหาออร์มอย่างนั้นหรือ..” เนเรียสรู้สึกได้ถึงหัวใจที่พองโตของตนเอง น้ำเสียงดูประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อ, หากเป็นคนธรรมดา กษัตริย์อย่างเนเรียสคงไม่มีวันปักใจเชื่อ แต่นี่คือวัลโก้ ผู้ที่พร่ำสอนและดูแลออร์มตั้งแต่เล็กจนโต - กษัตริย์เนเรียสได้เห็นเขาอยู่บ้างก็เมื่อตอนที่วัลโก้ได้ติดตามออร์มมายังอาณาจักรเซเบลอยู่หลายครั้ง

     

              “เขาอยู่ที่ไหน.. ข้าอยากพบเขาจนแทบขาดใจ” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามใจมิได้ เมื่อในหัวเต็มไปด้วยภาพของคนรักที่เฝ้ารอเขาอยู่

     

     

              วัลโก้พยักหน้า – รับรู้ดีถึงความรู้สึกที่องค์ชายออร์มมีให้แด่องค์กษัตริย์เนเรียส และความรู้สึกขององค์กษัตริย์เนเรียสที่มีต่อองค์ชายออร์มเช่นกัน.. เขาได้มีโอกาสไปเข้าเฝ้าออร์มเมื่อวานนี้ สภาพขององค์ชายดูไม่จืดเลย..

     

              อะไรที่ช่วยได้ วัลโก้ก็อยากจะช่วย.. เพื่อให้เจ้าชายน้อยของเขาได้มีความสุขอีกครั้ง แม้หากโดนจับโทษหรืออาจต้องพระราชอาญาก็ตามที..

     

     

              “คุกหลวง.. มีไม่กี่คนที่เข้าออกได้ และหนึ่งในนั้นคือข้า หากแต่ท่านอาจจะต้องยอมลดเกียรติของท่าน.. ใส่ชุดของทหารยามพร้อมกับปิดบังใบหน้าของท่านเอาไว้ และข้ามีสิ่งนี้...” ยื่นแผ่นชิปกลมลงบนฝ่ามือใหญ่ขององค์กษัตริย์แห่งเซเบล

     

              “ติดที่หลังใบหูของท่านและกดมันเอาไว้ มันจะเปลี่ยนใบหน้าและเครื่องแต่งกายของท่านให้เป็นทหารเฝ้ายามธรรมดา..”

     

     

              เนเรียสหันมองกองทัพทหารที่ติดตามตนมาเขาโบกมือสองครั้ง ซึ่งหมายความว่าให้ออกไปรอที่ประตูทางเข้าหน้าเมืองเสีย เขายังมีธุระต้องทำต่อ - หมุนแผ่นชิปในมือของตัวเองไปมา

     

              “ข้ายินดีที่จะทำ.. เพียงแค่ได้พบเขาสักครึ่งนาทีข้าก็ดีใจแล้ว..” ยกยิ้มพร้อมกับยกแผ่นชิปขึ้นติดหลังใบหู

     

              ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า กษัตริย์เนเรียสในตอนนี้ได้อยู่ในชุดของทหารแห่งพระราชวังแอตแลนติสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่สุรเสียงยังคงเป็นเสียงนุ่มทุ้มขององค์กษัตริย์แห่งเซเบลเช่นเคย

     

              “แต่ข้าไม่รู้แผนที่ของคุกหลวง..”

     

     

              วัลโก้ส่งแผนที่โฮโลแกรมให้กับองค์กษัตริย์ เขาเสี่ยงตัวเองไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว.. จึงช่วยเนเรียสได้เพียงเท่านี้

     

              “ข้าจัดเปลี่ยนเวรยามให้ท่านแล้ว.. อีกสิบห้านาทีจะมีการเปลี่ยนผลัด ท่านควรรีบไปเสียตอนนี้” วัลโก้เอ่ยบอก เพราะเวลาต่างก็ไม่เคยคอยท่าใครทั้งนั้น

     

              “หน้าห้องขังจะมีกล้องอยู่.. ข้าจะเจาะเข้าสู่ระบบตัดต่อภาพ และจะแจ้งท่านผ่านชิปนั่นที่มีไมค์ฝังอยู่.. ไปได้แล้วฝ่าบาท!

     

              วัลโก้เอ่ยเร่ง ก่อนเนเรียสจะตวัดน้ำเคลื่อนตัวไปตามแผนที่นั้นในทันที

     

     

              “ข้าขอบใจเจ้ามาก วัลโก้..” เนเรียสไม่มีเวลามากพอที่จะหันกลับไปจับมือวัลโก้เสียด้วยซ้ำ.. มากสุดคงแค่ได้หันหน้าไปพร้อมด้วยรอยยิ้ม

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in