Title: Inconceivable | รักอนันต์พันธสัญญา
Pairing: King Nereus x (Prince) Orm Marius | #NerOrm
Fandom: Aquaman (2018)
ติชม คอมเมนท์และเป็นกำลังใจได้ที่ #พันธสัญญารัก
เจ้าชายออร์มมาพร้อมกับองค์รักษ์สองคนที่เฝ้าอยู่หน้าสภาแห่งเจ็ดอาณาจักรนั่น แต่เขาไม่ได้บอก.. ว่าเขานั้นจะไปนานแค่ไหน และไม่ได้บอก.. ว่าจะออกมาจากอาณาจักรเซเบลและขึ้นมาเหนือน้ำเช่นนี้ด้วย
ออร์มแค่ต้องการเวลาส่วนตัว.. เพียงลำพังกับเนเรียส พวกเขามักนัดเจอกันเดือนละครั้ง.. แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่ออร์มจะปลดปล่อยหัวใจได้มากเท่าครั้งนี้
“เจ้าคงต้องใช้เวลาปรับตัวอีกสักหน่อย เพราะโลกเหนือน้ำนั้นอากาศเบาบางยิ่งกว่าใต้น้ำเป็นเท่าตัว..” มิวายยกมือสวยที่กุมอยู่ขึ้นมาจูบเบาๆ พร้อมกับยกยิ้ม
“เดินขึ้นชายฝั่งไปอีกไม่นาน ก็ถึงบ้านพักที่ข้าเคยมาสร้างทิ้งไว้แล้วล่ะ..”กษัตริย์แห่งเซเบลจูงมือเจ้าชายหนุ่มและเดินไปพร้อมๆกัน
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง .. ดวงไฟสีเหลืองนวลส่องสว่างใต้หลังคาเรือน ทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้รับรู้ว่าพวกมนุษย์บกคงไม่มาป้วนเปี้ยนแถวชายหาดในช่วงเวลาแบบนี้แล้ว
เนเรียสเหลือบมองออร์มอยู่เป็นระยะ คอยสังเกตว่าอีกฝ่ายจะสามารถปรับตัวได้ไหม แหงล่ะ.. นี่คงเป็นครั้งแรกของออร์มเลยกระมังที่ได้ขึ้นมาอยู่บนบกไกลถึงขนาดนี้ อีกทั้งทหารองครักษ์ก็มิได้ติดตามมาเสียด้วย
“นั่นล่ะ..บ้านของเรา..” ปลายนิ้วชี้ไปยังเรือนหลังเล็กที่แยกตัวออกมาจากหมู่บ้านติดชายฝั่ง - ออร์มสามารถมองเห็นสะพานไม้เล็กๆที่ต่อเติมออกมาริมฝั่งน้ำได้จากตรงนี้
“แม้ข้าจะขึ้นมาที่นี่ไม่บ่อยนัก..”
“..แต่ทุกครั้งที่ข้ามองขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ข้าก็คาดหวังกับพระจันทร์เสมอ ว่าอยากให้มีเจ้าอยู่เคียงข้างเช่นตอนนี้”
“ตอนนี้ท่านก็ไม่ต้องคาดหวังแล้วนะ.. กษัตริย์ของข้า..” ออร์มยิ้ม นัยตาสีฟ้าสุกใสทอประกาย มือสวยของเจ้าชายยกขึ้นแตะแก้มกร้านของเนเรียส.. ลูบไปมาเบาๆด้วยความรักใคร่
“ข้าอยากมาที่นี่กับท่าน..” ยิ้มออกมาพร้อมกับขยับเข้าไปกอดเนเรียส วางใบหน้าลงบนไหล่กว้างแกร่ง
“ที่แห่งนี้เหมือนเป็นที่ของเรา.. เช่นเดียวกับสวนหลวงของท่าน” ออร์มมีความสุขเหลือเกินในยามนี้ มีความสุขจนไม่อยากละไปไหน ไม่อยากให้มีแม้แต่ใครมาขวางกั้นเรื่องของพวกเขา
หากแต่ออร์มคงจะคิดน้อยจนเกินไป.. กษัตริย์ออร์แวกซ์ทรงมีหูมีตาอยู่ทุกที่ และในเรื่องความสัมพันธ์ขององค์รัชทายาทกับกษัตริย์ต่างอาณาจักรนั้นเองก็เช่นกัน..
“มองจันทร์จากปลายท่าน้ำนั่นข้าว่าคงสวยน่าดู..”
“เจ้าได้เห็นแน่นอนคนดีของข้า..” กษัตริย์เนเรียสกดจูบลงบนกระหม่อมที่เล็กกว่าของเจ้าชายออร์ม อ้อมแขนอันอบอุ่นโอบรอบตัวของชายหนุ่มเอาไว้หลวมๆ
“ไปกันเถอะ..” แปรเปลี่ยนเป็นกุมฝ่ามือเช่นเคย - คลื่นเล็กกระทบชายฝั่ง เช่นเดียวกับน้ำใสที่คอยชำระล้างเม็ดทรายที่เปื้อนเท้าของทั้งคู่
เรือนรับรองหลังเล็กที่ว่างเปล่าบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นของคนทั้งสอง - เนเรียสวางฝ่ามือแนบลงบนระบบรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตู
โลกเหนือน้ำอากาศอุ่นกว่ามากก็จริง แต่ความกดของอากาศกลับเบาบางเสียเหลือเกิน
“เจ้าอยากเปลี่ยนชุดก่อนไหม..” พอได้เข้ามาในตัวเรือน เนเรียสก็หันกลับมากุมมือทั้งสองข้างของออร์มเอาไว้เช่นเคย “..จะได้สะดวกสบายกว่านี้”
ออร์มพยักหน้ารับ แต่เขากลับเดินสำรวจภายในตัวบ้านด้วยความใคร่รู้ เขาไม่เคยเห็นบ้านของชาวบกมาก่อน ซึ่งเรือนรับรองหลังนี้ของเนเรียสมันคงใกล้เคียงที่สุดแล้ว.. แม้ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
หันกลับมาหาองค์กษัตริย์ที่มองตนอยู่ทางด้านหลัง - แก้มแดงขึ้นสีอยู่เล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่าตนนั้นกำลังเผลอแสดงอาการกิริยาแบบเด็กๆออกไป
“เอาสิ ข้าอยากเปลี่ยนชุด.. ขึ้นมาบนนี้แล้วชุดเกราะนี่หนักเหลือเกิน” ออร์มยิ้ม เข้ามาหาเนเรียสเช่นเดิม เพราะไม่รู้ว่าชุดที่จะเปลี่ยนนั่นอยู่ตรงไหน เขารอให้เนเรียสเป็นฝ่ายพาไป.. พลางคิด.. เนเรียสจะชอบเขาในชุดชาวบกหรือเปล่านะ
มองดูเจ้าชายหนุ่มที่ดูท่าทางแล้วคงจะตื่นเต้นกับสิ่งอำนวยความสะดวกของชาวบกอยู่มากพอสมควร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทันสมัยเหมือนกับที่แอตแลนติส แต่มันก็ทำให้เขาทั้งคู่สามารถอยู่ได้อย่างสะดวกสบายไม่น้อยเลย
เนเรียสไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่อมยิ้มมอง - ฝ่ามือหนาสัมผัสกับฝ่ามือนุ่มอีกครั้ง ช่องว่างระหว่างนิ้วถูกแทนที่ด้วยนิ้วมือของกันและกัน
คนที่ตัวสูงกว่าก้มหัวเล็กน้อยพอให้พ้นธรณีประตูที่ขนาดตามมาตรฐานของชาวบก นำพาเจ้าชายหนุ่มไปยังห้องนอนขนาดกลาง - ตรงข้ามกับเตียงนอนสีขาวยังมีตู้เสื้อผ้าใหญ่ที่ตั้งอยู่
“ที่นี่มีแค่ชุดของข้า.. แต่เจ้าคงสวมได้อยู่แล้วล่ะ เพียงแค่อาจจะหลวมอยู่นิดหน่อย”
แต่ที่ออร์มหน้าแดงน่ะ เป็นเพราะเตียงหลังสีขาวกลางห้องนั่นต่างหาก.. ก่อนจะหันมาทางองค์กษัตริย์ที่กุมกระชับมือเขาไว้ ไม่ใช่แค่เนเรียสที่กุมมือของออร์ม แต่มือของออร์มนั้นก็กุมประสานกับมือของเนเรียสไว้เช่นกัน
“ข้าใส่ได้อยู่แล้วล่ะ” คนตัวเล็กกว่ายิ้ม.. ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งตั้งอยู่อีกมุม แล้วจึงเปิดมันออกดู
“ท่านเลือกให้ข้าได้หรือไม่ ข้าอยากใส่ชุดของท่าน.. แล้วก็อยากให้ท่าน.. ใส่ให้ข้าด้วยเช่นกัน” ออร์มยิ้ม.. ไม่ใช่รอยยิ้มอบอุ่น-น่ารักเช่นเดิม.. หากแต่ยั่วยวน.. และทิ้งสายตาลงมาเล็กน้อย
เนเรียสเงียบ ทั้งเงียบและดูเหมือนว่าจะนิ่งค้างกับคำพูดของคนตรงหน้าไปเสียพักใหญ่เลย .. คนตัวโตกะพริบตาอยู่หลายทีถึงจะตั้งสติให้กับตัวเองได้ พึงรำลึกว่าอย่าเพิ่งมือไวไปมากกว่าการเปลี่ยนชุดให้กับอีกฝ่าย
“ได้สิ.. หากเจ้าต้องการ” เนเรียสเดินตรงเข้าไปหาออร์มด้วยหัวใจที่เต้นจนแทบไม่เป็นจังหวะ - ภายในหัวจินตนาการไปถึงเรือนร่างงดงามใต้เกราะเหล็กนั้น หากแต่เขายังคงสามารถกดสายตาของตัวเองให้นิ่งเฉยเอาไว้ได้ และพยายามที่จะไม่แสดงอาการประหม่านั้นออกมา
มือหนาบรรจงถอดเกราะเหล็กที่เจ้าชายหนุ่มสวมออกทีละชิ้น เริ่มไปตั้งแต่มือ ลำแขน เกราะกลางลำตัว - ก้มลงคุกเข่าต่อหน้าออร์ม ปลดล็อกเกราะแกร่งที่สวมอยู่บนขาสวย
ด้วยความสัตย์จริง หากเป็นไปได้เนเรียสคงอยากกระชากเจ้าชุดเกราะเทอะทะนี่ให้หลุดออกภายในทีเดียวเสียด้วยซ้ำ...
คนตัวโตกว่าลุกขึ้นยืนเมื่อปลดเปลื้องชุดเกราะที่อีกฝ่ายสวมไว้ออกเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงแค่ชุดลำลองข้างในที่ยังคงเปียกชุ่มจากน้ำทะเล
เสื้อลำลองสีขาว - กระดุมสามเม็ดบนผ่ากลางอกเผยให้เห็นแผ่นอกแกร่ง แต่กระนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลยในเมื่อเสื้อที่เปียกปอนนั้นลู่แนบไปตามลำตัวของชายหนุ่ม
ถ้าออร์มมองดูอยู่ คงสังเกตเห็นแล้วล่ะว่าเนเรียสเองก็แอบกลืนน้ำลายไปแล้วหลายอึก
“ข้าจะเปลี่ยนแล้วนะ..
“เปลี่ยนสิ..” ใบหน้างามขยับเข้ามาใกล้ - แม้จะยกยิ้มยั่วไปเช่นนั้น แต่ข้างในหัวใจของเขากลับเต้นแรงเสียเหลือเกินในยามนี้ ดั่งกลองระรัว ณ ลานประลองก็มิปาน
เขากำลังเปิดเผยเรือนร่างของตนต่อชายผู้เป็นที่รัก.. เรือนร่างที่ออร์มเฝ้าถนอมมาแสนนาน แม้จะผ่านศึกมาหนักหนา แต่ร่างกายขององค์รัชทายาทแทบจะไร้รอยขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น
“เนเรียส..” ออร์มเรียก.. เสียงทิ้งลง อีกทั้งยังยั่วยวน.. ในแบบที่อยากทำให้องค์กษัตริย์ผู้เคร่งขรึมรู้สึกประหม่าและวาบหวามเพราะเขา - ในขณะที่ตัวของออร์มเองก็พยายามควบคุมทั้งอาการและลมหายใจที่หนักหน่วงให้นิ่งเฉย เพราะเพียงแค่มือหนาลากผ่านเรือนร่างของตนไป เขาก็เผลอเม้มขบริมฝีปากของตัวเองเอาไว้เสียแล้ว
“เสื้อผ้าแลกลิ่นกายของท่านยามที่มาอยู่บนตัวของข้า.. มันจะช่วยให้ข้าอบอุ่นเฉกเช่นท่านกอดข้าอยู่ตลอดเวลาหรือเปล่า..” ออร์มยิ้มมือเรียวสวยแตะลงบ่ากว้าง.. พร้อมออกแรงบีบเบาๆไปด้วย
“คงไม่อบอุ่นเท่ายามที่กายของข้าได้สัมผัสลงบนเรือนร่างของเจ้า..” กษัตริย์เนเรียสจับปลายเสื้อลำลองของคนตรงหน้าเอาไว้ ดึงขึ้นทวนทางสวม ปล่อยและวางเสื้อสีขาวบางไว้บนพื้น - เนเรียสมองเรือนร่างของออร์มอย่างตั้งใจ ผิวเนียนละเอียด ไม่มีแม้แต่ร่องรอยขีดข่วนใด คนตัวโตไล้ฝ่ามือลงบนผิวขาวอย่างรักใคร่และอ่อนโยน
ออร์มถึงกับหายใจติดขัดยามที่เนเรียสไล้หลังมือไปตามร่างกายของเขา มือของเนเรียสไม่ได้ร้อน มันเย็นเฉกเช่นอุณหภูมิร่างกายของชาวใต้มหาสมุทร แต่ออร์มกลับรู้สึกวูบวาบไปทั่วกาย.. เพียงได้รับสัมผัสอันวาบหวิวเช่นนี้
ยกยิ้มเมื่อริมฝีปากของตนใกล้ลงสัมผัสบนลาดไหล่ สูดลมหายใจพร้อมกับกลิ่นกายของเจ้าชายหนุ่ม กลิ่นอายจางๆของทะเลยังคงติดอยู่
“คงจะดี หากข้าสามารถเก็บกลิ่นกายของเจ้าไว้บนเสื้อผ้าของข้าด้วยเช่นกัน.. ยามที่ข้านึกถึงเจ้า ข้าอาจได้หยิบขึ้นมาสวมใส่”
“หากทำได้.. ข้าก็จะใส่ชุดของท่านไว้ใต้เกราะของข้า..” เกราะนั้นบ่งบอกฐานันดรเจ้าชายแห่งแอตแลนติส - แต่หากสิ่งที่อยู่ภายใน.. เสื้อผ้าขององค์กษัตริย์แห่งเซเบลผู้นี้ต่างหากเล่า เนื้อแท้ที่ห่อหุ้มและแนบติดกับร่างกายของออร์มเอาไว้ ราวกับมีเนเรียสโอบกอดแนบชิดเขาอยู่ตลอดเวลา
“ข้าหนาวแล้ว.. ใช้อาภรณ์ของท่านกอดข้าไว้หน่อยได้หรือไม่.. เนเรียส”
เนเรียสพยักหน้าตอบรับ ไม่ได้เอ่ยอันใดต่อ - เขาถอดชุดเกราะออก และวางทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่ใยดี ต่างกันกับเมื่อตอนที่ได้กระทำให้กับคนตรงหน้า
บัดนี้ เนเรียสยืนประจันหน้าอยู่ตรงข้ามออร์ม.. เสมอกันด้วยเรือนร่างท่อนบนที่เปลือยเปล่า - เขารู้สึกประหม่า และยังคงรู้สึกประหม่ามากเสียยิ่งกว่าเดิม เมื่อนัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นเงยขึ้นสบกัน
กษัตริย์เนเรียสขยับเข้าไปใกล้เจ้าชายออร์มมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม มากเสียจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดลงบนแผ่นหน้าอกของเขา
เพียงแค่ลมหายใจที่คั่นกลางระหว่างสองริมฝีปาก เนเรียสกลับหยุดนิ่ง เฝ้าถามด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา “หากจูบของข้าเป็นบาป เจ้าจะยินดีรับมันไว้หรือไม่..”
มือสวยวางลงบนอกแกร่งเปลือยเปล่านั่น.. จ้องมอง และลูบไล้ ก่อนจะช้อนดวงสีน้ำทะเลของตนขึ้นมองคนตัวโตตรงหน้า..
“หากจูบของท่านเป็นบาป.. ข้าก็ยินดีรับมันไว้ทั้งหมดด้วยกายแลใจของข้า ข้าไม่ขอชำระบาปนั่น.. แต่จะรับมันไว้ทั้งหมดเอง” ออร์มเชิดใบหน้าขึ้นเพียงเล็กน้อย ลมหายใจที่รดใบหน้ายิ่งพาลทำให้หัวใจนั้นไหวหวั่น ก่อนดวงตาคู่งามจะเลื่อนลงมามองริมฝีปากใต้เคราสีอ่อน มือจากอกกว้างเลื่อนมาแตะพระพักตร์ขององค์กษัตริย์เอาไว้
“หน้าที่ของข้าคือภักดีต่อแอตแลนติส.. แต่ดวงใจข้านั้น.. เลือกที่จะภักดีต่อท่านแต่เพียงผู้เดียว กษัตริย์ของข้า..”
เมื่อสิ้นคำสุดท้ายจากริมฝีปากเล็กตรงหน้า สายตาโอนอ่อนสอดประสาน เนเรียสเลื่อนริมฝีปากบรรจงเข้าแนบชิด มือกร้านรั้งองค์เอวเอาไว้แนบกาย ก่อนจะขยับเลื่อนซ้อนฝ่ามือไว้ใต้บั้นท้ายงามงอน - เพียงออกแรงยกขึ้นแค่คราเดียว เจ้าชายออร์มก็ตกอยู่ภายใต้อ้อมแขนขององค์กษัตริย์เนเรียสเรียบร้อยแล้ว
หากแต่ริมฝีปากยังคงทำหน้าที่เช่นเคย รสจูบไม่อาจเลือนห่าง เนเรียสเงยใบหน้าขึ้นเพื่อรับริมฝีปากจากคนในอ้อมกอด สองเท้ายังคงก้าวสลับไปยังเตียงนอนที่อยู่เบื้องหลัง - ประคองแผ่นหลังกว้างของเจ้าชายหนุ่มอย่างเบามือ โน้มเอียงโถมร่างลงบนพื้นเตียงสีขาว
มือข้างหนึ่งที่รั้งเอวไว้เริ่มทำหน้าที่ด้วยการสัมผัสลงบนจุดอ่อนไหวของร่างกาย
“อ๊ะ!...” หลุดเสียงครางแผ่ว ฟังแล้วมันช่างดูน่าอายเช่นนัก แต่ก็หยุดเสียงนั้นไม่ได้เลย ในยามที่ยอดอกของตนถูกริมฝีปากร้อนของเนเรียสกำลังครอบครองอยู่เช่นนั้น
องค์ชายหนุ่มหูตาพร่ามัวกับรสสัมผัสที่แปลกใหม่ - เขาเป็นชาย.. ใช่ว่าจะไม่เคยมีอารมณ์ทางเพศ แต่การเกิดอารมณ์โดยมีผู้อื่นมาปรนเปรอให้แบบนี้มันดีเสียยิ่งกว่าดี.. เรียวขาชันขึ้น จิกปลายเท้าลงกับผืนเตียง มือสวยปัดป่ายลงบนแผ่นหลังกว้างขององค์กษัตริย์ที่โน้มตัวอยู่เหนือเรือนร่างของตน ปากสวยเปล่งเสียงหวานออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า..
“น- เน..เรียส..” เสียงออร์มขาดหาย ใบหน้าแดงซ่านเสียยิ่งกว่า ยามคนที่ใบหน้าอยู่ในระดับยอดอก หากแต่ช้อนสายตาขึ้นมามองหน้าเขา.. รู้สึกดีเหลือเกิน
องค์กษัตริย์ดึงตัวเองขึ้นพร้อมกับรั้งต้นคอสวยเข้าหาเพื่อรับจูบของตน เพียงแต่คราวนี้มิใช่จูบแสนธรรมดาอย่างคราวก่อนที่ใช้เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน – ริมฝีปากร้อนบดเบียดลงบนริมฝีปากชวนจูบของออร์ม .. ไม่รั้งรอ ไม่ขออนุญาต แม้จะรู้ว่าเจ้าชายคงจะตกใจมิใช่น้อย
ดูดดึงริมฝีปากล่างของคนหนุ่มด้วยฟันคม ประกบริมฝีปากลงอีกครั้งเมื่อเขาเผยอปากเพื่อหอบเอาอากาศหายใจ เรียวลิ้นรุกล้ำพื้นที่ฝั่งตรงข้าม หยอกล้อกับรสหวานที่ตนนั้นติดใจนักหนา
ในขณะเดียวกันมือข้างที่ว่างกลับเลื่อนลงต่ำ
“เนเรียส.. สัมผัสข้ามากกว่านี้สิ..” ออร์มร้องเรียก หลังจากที่เนเรียสถอนริมฝีปากออกไป - เขาต้องการ.. ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากแต่ต้องการที่จะให้เนเรียสเป็นผู้มอบมันให้กับเขา.. เรียวขาสวยยิ่งแยกออกกว้าง.. ราวกับจะเปิดทางให้ฝ่ายตรงข้ามรุกล้ำเข้ามามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แขนเรียวสวยโอบรอบลำคอแกร่งของคนด้านบน พร้อมกับดันลำตัวขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อที่จะเบียดลำตัวเข้าหาส่วนนั้นของอีกฝ่ายได้อย่างแนบชิดกว่าเดิม..
องค์รัชทายาทหนุ่มกำลังจะได้เรียนรู้ถึงสัมผัสแห่งความรักที่ตนเฝ้าฝัน เขารู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง.. และเขาเองก็เต็มใจที่จะให้มันเป็นไป ขอแค่เป็นเนเรียสเพียงเท่านั้น..
บางที.. อาจจะเกิดสิ่งที่เรียกว่าของขวัญล้ำค่า หลังจากพวกเขาเป็นของกันและกันแล้ว
มือหยาบใหญ่กอบกุมรอบส่วนที่แข็งขืน สัมผัสที่ชื้นแฉะกำลังบอกให้เนเรียสรู้ว่าออร์มพร้อมแล้วสำหรับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
นิ้วชี้หมุนวนเหนือยอดปลาย ตามด้วยนิ้วโป้งที่กดบีบเพื่อเค้นน้ำสีขุ่น เนเรียสยกมือของตัวเองขึ้นพร้อมกับบรรจงใช้ปลายลิ้นไล้เลียตามนิ้วมือของตัวเอง - ลิ้มรสหวานขององค์รัชทายาทตรงหน้า ก่อนจะยื่นปลายนิ้วชุ่มแตะลงบนริมฝีปากของออร์ม
ออร์มร้อนวาบไปทั้งกายเมื่อเนเรียสสัมผัสเรือนร่างของเขามากกว่าที่คิดเอาไว้ ริมฝีปากสวยจูบพลางดูดกลืนปลายนิ้วขององค์กษัตริย์ที่ส่งเข้ามาในปากตน
เนเรียสยกยิ้มอย่างพอใจ
เน้นย้ำลงบนกล้ามเนื้อสวยที่เรียงตัวกันอยู่บนหน้าท้อง ปลายลิ้นไล้เลียอยู่ตรงนั้นลากผ่านลงมาเรื่อยๆพร้อมกับสองมือที่รูดดึงขอบชั้นในออกจนถึงปลายเท้า
เจ้าชายน้อยของออร์มได้ตื่นขึ้นแล้ว - เนเรียสใช้ปลายจมูกไล้ไปตามความยาวของท่อนเนื้ออุ่น ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับออร์ม หยัดตัวขึ้นเหยียดหลังตรงเพื่อชื่นชมผลงานของตัวเอง
ไม่ไหว..
“อ.. อื้อ..” ออร์มครางออกมาอย่างห้ามไม่ไหว เพราะเมื่อรู้ตัวในตอนนี้.. เนเรียสก็กำลังครอบครองตัวตนอันแสนอ่อนไหวขององค์รัชทายาทแล้ว..
เหมือนจะละลายไปกับพื้นเตียงเพียงเพราะริมฝีปากร้อนตรงหน้านี้..
..ตาสวยยิ่งเบิกกว้าง เมื่อเห็นองค์กษัตริย์จะเล่นกับของสงวนของเขาเช่นนั้น
“เนเรียส.. ม.. ไม่.. อย่านะ ท่านไม่ควร..” แต่ไม่ทันเสียแล้ว ใบหน้าเริ่ดขึ้นสูง ขาสวยยิ่งกางออก ดวงตาสีฟ้านั้นมองเห็นเพียงแต่ฝ้าเพดานสีขาว..
เนเรียสจะลดเกียรติของกษัตริย์มาทำเช่นนี้ให้เขาไม่ได้นะ..
มือแกร่งขยับดึงข้อเท้าสวยของคนตรงหน้าเข้าแนบชิดกับกลางลำตัวของตนเอง - เนเรียสหรี่ตาและขมวดคิ้ว ปลายนิ้วชี้แตะลงบนริมฝีปากของออร์มเบาๆพร้อมกับส่ายศีรษะไปมาช้าๆ
หากแต่ ณ ตอนนี้ไม่มีกษัตริย์แห่งเซเบลและองค์รัชทายาทแห่งแอนแลนติส มีเพียงแค่ชายชาตรีธรรมดาสองคนที่พร้อมจะเป็นของกันและกันอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า
เนเรียสโน้มตัวก้มลงจุมพิตบนปลายยอดของส่วนที่อ่อนไหวตรงหน้า
“เนเรียส.. อื้อ..” ออร์มเริ่มบิดกายเร่ากับสัมผัสวาบหวามและโพรงปากอุ่นร้อนของคนตัวโต มือเรียวสวยทุบไปบนไหล่กว้างเบาๆพร้อมกับลงมือบีบอย่างต้องการที่จะระบายอารมณ์ของตน..
ไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้ ดีจนเผลอแอ่นสะโพกของตนเข้าหาโพรงปากร้อนนั่น.. แต่ให้เนเรียสเป็นฝ่ายช่วยปรนเปรอให้เขาฝ่ายเดียวแบบนี้มัน.. ไม่ดีเลย
“ข..ข้า..” ออร์มแทบจะพูดไม่เป็นภาษาแล้วในตอนนี้ ดวงตาสีสวยมองคนที่ย่อตัวอยู่ด้านล่าง “
เนเรียสถกอาภรณ์ที่ปกปิดร่ายกายเบื้องล่างของตนออก เผยให้เห็นท่อนเนื้อส่วนที่ชูชัน - เขาปล่อยมันไว้อย่างนั้น เพราะการที่จะทำให้ออร์มประทับใจในครั้งแรกเริ่ม ทุกอย่างต้องสำคัญที่สุด ส่วนตัวของเขานั้นเก็บไว้เป็นอันดับรอง
หมอนหนุนใบใหญ่อีกใบที่วางอยู่พื้นที่ว่างบนเตียงอีกฝั่ง มือใหญ่คว้ามันเอามารองไว้ใต้แผ่นหลังขององค์ชายหนุ่ม - รั้งข้อพับขาสองข้างไว้กับฝ่ามือแกร่งของตัวเอง เนเรียสค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อให้สะดวกต่อเขาทั้งคู่ เรียวลิ้นลงสัมผัสบนช่องทางรักของอีกฝ่ายพอให้ชุ่ม ก่อนจะเงยขึ้น.. ค่อยๆสอดแทรกและดันปลายนิ้วเข้าไป
เนเรียสรู้สึกเหมือนลมหายใจของตนเองถูกกลืนกินไปเสียหมดเมื่อได้สัมผัสกับช่องทางที่คับแน่นแบบนั้น ออร์มโต้ตอบเขาด้วยการตอดรัดนิ้วยาวที่ส่งเข้าไปข้างในก่อน และยิ่งเพิ่มแรงโต้ตอบมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อนิ้วที่สองและสามเพิ่มตามเข้าไป
ออร์มซบหน้าลงกับหมอนใบโต ไม่รู้เลยว่าปฏิกิริยาร่างกายของตนเองเป็นอย่างไร แต่เหมือนกับว่ามันเป็นไปโดยอัตโนมัติที่เขาจะออกแรงบีบรัดสิ่งที่สอดแทรกเข้ามาภายในเช่นนั้น
“อ๊ะ.. เนเรียส..” ออร์มยิ่งครางหนัก เมื่อปลายนิ้วยาวแข็งแรงมันกระทุ้งเข้ามา - สะดุ้งเฮือก ปลายเท้าจิกเกร็งโดยทันทีที่รู้สึกถึงความวาบหวามซึ่งกำลังก่อตัวหนักกว่าเดิม เป็นมวนก้อนใหญ่ในช่องท้อง
ถึงจะมีความเจ็บปวด แต่มันก็รู้สึกดีเหลือเกิน..
“รัก.. รักข้านะ.. ทำให้ข้าเป็นของท่านเถอะ..” เสียงนุ่มอ้อนวอน เขาแทบทนไม่ไหว อยากจะละทิ้งสถานะองค์ชายแล้วปล่อยตัวปล่อยใจกับสิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ให้ไม่ต่างไปจากสาวงามเริงเมือง
“ข้าจะทำให้เจ้าเป็นของข้า..” ปลายนิ้วถูดถอดออกแล้ว เนเรียสรูดดึงส่วนที่แข็งขืนของตนบ้าง เพื่อปลุกให้มันได้ตื่นตัว - โน้มตัวใกล้ใบหู กระซิบถ้อยคำเบาบาง “..และข้าก็จะเป็นของเจ้าเช่นกัน ออร์ม”
เนเรียสหยัดตัวขึ้นกระชับต้นขาสวยวางพาดบนลาดไหล่ของตน - ค่อยๆกดยอดปลายเข้าสู่ประตูด่านสุดท้าย ภาพของนิ้วแข็งแรงที่เพิ่งสอดผ่านเข้าไปมันคงเทียบอะไรไม่ได้เลยกับแก่นกายที่กำลังเสือกไสเข้าไปข้างใน
เนเรียสกลั้นหายใจ คิ้วหนาขมวดแน่นเข้าหากัน ช่องทางขนาดเล็กนั้นกำลังบีบรัดเขาอยู่จนแทบหายใจไม่ออก มือหนาบีบเค้นต้นขาสวยอย่างอดไม่ได้
“ออร์ม.. ผ่อนคลาย.. ไม่ต้องเกร็ง” หากแต่เสียงที่เอ่ยออกมานั้นติดอยู่แค่ในลำคอ เหมือนเสียงที่แหบแห้ง – ริมฝีปากจุมพิตลงบนข้อเท้าสวยอย่างเอาใจ
ออร์มกัดเม้มริมฝีปากของตัวเองแน่น และเขาก็ไม่ปฏิเสธเลยว่ามันช่างแสนจะเจ็บปวดเหลือเกินในยามนี้ที่ถูกแก่นกายใหญ่โตกำลังบดเบียดเข้ามาภายในร่างกายอันแสนไร้เดียงสาของเขา
“อ.. เนเรียส..” เขาเอ่ยเรียก เกือบหลุดปากไปแล้วว่าของของเนเรียสนั้นทำเขาเจ็บ แต่หากเอ่ยออกไปเช่นนั้นคงไม่เป็นการดี.. ออร์มรู้ว่าเนเรียสจะถนอมเขาและคงหยุดการกระทำหากเป็นเช่นนั้น
เจ้าชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ พยายามคลายตัวทั้งที่ปลายเท้าซึ่งพาดอยู่บนบ่ากว้างยังคงจิกแน่น - แต่กระนั้นสีหน้าท่าทางช่างปิดไม่มิดเอาเสียเลย ในยามที่แก่นกายใหญ่โตสอดดันตัวเข้ามาเพื่อหวังจะชื่นชมภายในร่างกายเขา
แต่ออร์มยินดี.. ยินดีที่จะให้เนเรียสได้กระทำทุกอย่างกับตน
“ข้าไม่เป็นไร..เนเรียส.. ไม่เป็นไร” ออร์มยิ้ม แม้เนื้อตัวจะสั่นอยู่ก็ตามที
จากสีหน้านั้นและเนื้อตัวที่ดูสั่นระรัวเหมือนลูกนก - เนเรียสรู้ได้ทันทีว่าออร์มต้องเจ็บจากขนาดของตัวเองแน่ เพราะแบบนั้นเขาจึงค่อยๆดันเข้าไปช้าๆ เลือกที่จะไล้ปลายลิ้นลงบนยอดประทุมถันเพื่อหยอกล้อและดึงความสนใจจากเจ้าชายหนุ่ม พร้อมกันกับเบื้องล่างที่แทรกผ่านเข้าไปจนสุดลำ
“เก่งมากเด็กดี..” กระซิบเสียงแผ่ว พลางพรมจูบตามเรือนร่างอีกครั้ง - มือของเนเรียสรั้งท้ายศีรษะสวยของออร์มลงมารับกับจูบของตน ในขณะเดียวกันก็เริ่มกระทุ้งแรงจากสะโพกแกร่งที่สอบเข้ารับกับกลางลำตัวพอดิบพอดี
กษัตริย์เนเรียสโน้มตัวลงทามทับเจ้าชายออร์ม โอบแขนกว้างกอดรอบตัวของเขา พร้อมกับใบหน้าที่ซุกไซ้ลงบนซอกคอขาว เลื่อนระดับขึ้นไปถึงใบหู ขบเม้มลงบนติ่งหูเบาๆ กระซิบถ้อยคำรักซ้ำวนอยู่อย่างนั้น “ข้ารักเจ้า ออร์ม.. ข้ารักเจ้าเหลือเกิน”
ดวงตาสีฟ้าเอ่อคลอหน่วยด้วยน้ำสีใส.. เป็นเพราะความสุขใจ น้ำตาของเจ้าชายจึงได้หลั่งไหลออกมา เรียวแขนกอดรัดรอบแผ่นหลังกว้าง พยายามอย่างที่สุดที่จะขยับจังหวะสอดประสานเพื่อให้ความสุขนั้นแก่เนเรียสเช่นกัน
“ข.. ข้าก็รักท่าน..” ออร์มยิ้มตอบ สบตามองคนรักที่ขยับร่างเหนือกายตน.. ความรู้สึกนี้ออร์มรู้ตัวว่ามันอุบัติขึ้นเมื่อยามเขาอายุได้สิบห้าชันษา ที่ท่านลุงเนเรียสเป็นทั้งแบบอย่าง เป็นคนที่เขาอยากเติบโตขึ้นมาเป็นแบบนั้น และเป็นคนที่ครอบครองดวงใจของรัชทายาทแห่งแอตแลนติส..
“เหมือนฝันข้าเป็นจริง..” มือสวยข้างหนึ่งเลื่อนมาแตะพระพักตร์ขององค์กษัตริย์อย่างแผ่วเบา
“หากนี่เป็นเพียงความฝัน ข้าก็ยินดีที่จะหลับใหลไปชั่วกาล..” เนเรียสยกยิ้ม กุมมือสวยที่สัมผัสกับใบหน้าของตนขึ้นมาจุมพิตไปทีละนิ้วอย่างแผ่นเบา วางประทับลงบนแผ่นอกเยื้องซ้าย สองแขนวางค้ำลงขนาบข้างกับศีรษะของออร์ม
ก้มเข้าใกล้เสียจนแทบแนบชิด ลมหายใจรินรดบนใบหน้า ปลายจมูกเกลี่ยอยู่เหนือปลายจมูกโด่ง พร้อมด้วยรอยยิ้ม
เมื่อรู้สึกได้ถึงช่องทางที่เริ่มผ่อนคลาย เนเรียสจึงค่อยๆเพิ่มระดับความเร็วมากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังสลับกันด้วยการที่ขึ้นสุดลงสุดอย่างช้าๆ
ริมฝีปากใต้เคราสีเพลิงแซมด้วยสีขาวเหมือนดอกเลากดจูบลงบนขอบตาที่ร้อนผ่าวของออร์ม– จูบซับน้ำตาจากนัยน์ตาสีฟ้าสวยคู่นั้นอย่างอ่อนโยน
ออร์มร้องครางไม่หยุดยามที่เนเรียสกระแทกกายเข้าหาครั้งแล้วครั้งเล่า มิหนำซ้ำเจ้าชายหนุ่มยังยิ่งแยกเรียวขาขาวออกกว้างขึ้นเพื่อรับทั้งหมดของเนเรียส..
ดีเหลือเกิน
เขาแทบไม่ละใบหน้าหนีซบหมอนเหมือนคราแรกที่เนเรียสแทรกกายเข้ามา หากแต่สายตาคู่นั้นยังคงจับจ้องใบหน้าคนเหนือกายที่เขารัก ยิ้มกว้างให้ทุกครั้งที่รู้สึกดี.. ทุกครั้งที่เนเรียสกระแทกเข้ากายเข้าหาจุดที่ทำให้ออร์มรู้สึกดีที่สุด.. จนเหมือนสิ่งที่อัดอั้นอยู่ภายในมันแทบจะประทุออกมาอยู่ทุกเมื่อ..
“เนเรียส.. อ๊ะ.. ข้า.. รู้สึกแปลกๆ..” ออร์มอธิบายมันออกมาไม่ถูก เพียงแต่มันรู้สึกปั่นป่วนภายในร่างกายตนไปเสียหมด ออร์มเริ่มเกร็งตัว มือที่กอดก่ายบนหลังกว้างจิกลงยามที่เนเรียสยิ่งเร่งจังหวะใส่เขา
เนเรียสรั้งขาสวยเข้าแนบกับลาดบ่าของตน มือกร้านกำแน่นลงบนข้อเท้าเพื่อยึดเป็นหลักให้สมดุล คำพูดของคนรักตรงหน้ายิ่งทำให้เขาเพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังถี่ซ้ำเน้นลงตรงจุดอ่อนไหวที่อยู่ลึกสุด
มองดูคนสวยตรงหน้ากำลังบิดเร่าจากความทรมานที่อยู่ข้างใน เนเรียสรู้ดีว่าเป็นเพราะอะไร...
“ปล่อยมันออกมาสิออร์ม.. ปล่อยมันออกมาให้โดนตัวข้า”
ลมหายใจที่หนักหน่วง น้ำลายเหนียวฝืดถูกกลืนลงคอ ข้อเท้าเล็กโดนบีบจนเป็นรอยฝ่ามือ
ออร์มหอบหายใจ ตัวสั่นเกร็ง พอสิ่งที่อึดอัดในช่องท้องได้รับการปลดปล่อย ออร์มรู้สึก.. เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาพุ่งทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความเป็นสุขใจ
ปลายนิ้วโป้งปาดน้ำรักที่เปื้อนอยู่บนแผ่นออกของตัวเองออก แตะลงบนปลายลิ้น ก่อนจะก้มลงส่งให้กับออร์มผ่านจูบที่แนบชิด - เขาล้มตัวลงนอนข้างคนรัก โอบเขาไว้ในอ้อมกอด แก่นกายที่เชื่อมคนสองคนเป็นหนึ่งเดียว เนเรียสยังไม่ได้ถอนมันออก ซ้ำบั้นท้ายนั้นยังคงทำหน้าที่ต่ออยู่อีกสามสี่ครั้งก็เป็นอันสิ้นสุด
น้ำสีขุ่นเอ่อล้นจนรินรดต้นขาสวยยามที่เนเรียสถอดความเป็นชายของเขาออก ปลายนิ้วแข็งแรงของคนรักลูบผ่านช่องทางนั้นอย่างแผ่วเบา
เอี้ยวร่างกายด้านบนของตนไปหาเนเรียส มือสวยแตะแก้มชื้นเหงื่อของคนรัก ลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วเบาก่อนจะเป็นฝ่ายแนบจูบเข้าหาอีกครั้ง เรียวขายาวสวยนั้นนอนตะแคงข้างไขว้กัน การบิดกายเช่นนั้นทำให้เห็นหน้าท้องแข็งแรงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น - ออร์มแอบสะดุ้งตอนมือใหญ่นั้นไล้ลงมาบริเวณหน้าท้องของตน
ยิ้มกว้างให้กับคนรัก หน้าผากแนบสนิทเข้าหากัน
“ข้า.. ข้าเป็นของท่านจริงๆแล้วนะ.. เนเรียส” ออร์มยิ้มทั้งน้ำตา ไม่เคยมีความสุขครั้งไหนเท่าครั้งนี้มาก่อน ทุกสิ่งที่เฝ้าฝันนั้นเป็นจริงเมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของชายคนรัก ในพื้นที่ที่มีแค่เรา..
“ข้าเองก็เป็นของเจ้า.. เป็นของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว และจะไม่เป็นของใครอื่น” เนเรียสยิ้ม,
“ไม่ต้องร้องแล้ว.. ข้าอยู่ตรงนี้กับเจ้าแล้ว” ริมฝีปากเกือบแนบชิดกับใบหู เพียงแค่เอ่ยถ้อยคำกระซิบมันกลับดังยิ่งกว่าคำไหน
กอดรั้งหนุ่มคนรักเอาไว้แนบกาย ใช้ปลายเท้าดึงผ้าห่มที่กองร่นอยู่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมเรือนร่างเปลือยเปล่าของเขาทั้งสองเอาไว้ - เนเรียสกดจูบลงบนริมไหล่ของออร์ม ซ้ำๆอยู่อย่างนั้นด้วยความรักใคร่ มือใหญ่ลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อมัดที่เรียงตัวอยู่บนหน้าท้อง
กอดออร์มไว้อย่างนั้น ด้วยความอบอุ่นจากเรือนร่างของตนเอง - ไม่ใช่เพียงแค่ฝันของออร์มที่เป็นจริง .. ฝันของเนเรียสก็เป็นจริงเช่นกัน
ปลายจมูกสูดดมกลิ่นอายของออร์ม ต่ำลงมาจากท้ายทอยสวย ก่อนจะขยับตัวเอียงใบหน้ากดจมูกพร้อมกับเม้มริมฝีปากลงบนแก้มเนียนที่แต่งแต้มด้วยสีของเลือดฝาด
“แม้แต่ตอนนี้เจ้าก็ยังดูสวยอยู่เลย..” เนเรียสคงหมายถึงออร์มในตอนนี้ที่นอนหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ข้าที่นอนเหงื่อซ่ก ผมยุ่งเช่นนี้น่ะหรือ..” ออร์มหัวเราะ เขาว่าสภาพเขาในตอนนี้ดูไม่จืดเลย - แต่ก็ช่างมันสิ เขาไม่สนใจหรอก.. ขอแค่ได้อยู่กับเนเรียสแบบนี้ก็พอแล้ว
“ท่านเองก็.. ดูดีกว่าตอนใส่เกราะหนักอึ้งนั่นเสียอีก” ออร์มหันไปแล้วยกยิ้มออกมาอย่างซุกซน.. ที่จริงค่อนข้างจะเหนือความคาดหมายของเขาเสียด้วยซ้ำ.. ที่เนเรียสยังคงมีร่างกายแข็งแรงเฉกเช่นคนหนุ่มอยู่เช่นนี้
ทั้งสองกกกอดแนบชิด ความอุ่นร้อนจากคนด้านหลังยิ่งทำให้ออร์มเป็นสุขยิ่งนัก มือสวยลูบหลังมือที่วางอยู่บนหน้าท้องของเขาก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้..
จะมาชมจันทร์ด้วยกันแท้ๆ แต่สุดท้ายดันมาลงเอยอยู่บนเตียงในห้องนอนเสียนี่.. ออร์มเองก็ยังอยากดูจันทร์อยู่เหมือนกันนะ
“ท่านว่าจะพาข้าไปชมจันทร์นี่.. ตอนนี้ข้ายังไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลยนะ.. นอกจากท่าน”
ใบหน้าของเนเรียสยังคงซุกอยู่ที่ลำคอของออร์ม กอดแน่นไม่ยอมปล่อย แม้อีกฝ่ายจะพูดถึงจันทราที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า - เหตุผลแรกที่เขายกขึ้นมาอิงอ้างในการพาออร์มขึ้นมายังโลกเหนือน้ำ
“มองจากตรงนี้ก็ยังเห็นจันทร์..” น้ำเสียงอู้อี้เอ่ยตอบ ไม่อยากแม้แต่จะลุก ไม่อยากแม้แต่จะปล่อยมือออกจากร่างของคนรักแม้แต่วินาทีเดียว
“ชมข้ายังดีกว่าชมจันทร์เป็นไหนๆ จริงไหม” เนเรียสดึงคนรักให้หันหลังคืนกลับมาเพื่อสบสายตากับตน แขนข้างหนึ่งตั้งขึ้นเพื่อค้ำศีรษะ ส่วนมืออีกข้างลูบไล้ไปตามกรอบหน้าของออร์ม - ยามเมื่อได้สบกับดวงตาคู่นั้น เนเรียสรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในห้วงภวังค์อย่างไร้จุดจบเสียอย่างไรอย่างนั้น
เขารักที่จะจ้องมองนัยน์ตาคู่งามของออร์ม
ออร์มก้มหน้าหลบสายตาคู่นั้น – เขารักมัน.. แต่ในขณะเดียวกันก็เขินอายเหลือเกินยามที่โดนจ้องมองด้วยสายตาที่ดูเหมือนต้องการจะเผาละลายหัวใจของเขาเช่นในตอนนี้
“ไม่นึกว่าท่านจะหลงชมตัวเองเสียขนาดนี้” ออร์มกัดเข้าให้.. แต่มันก็เป็นจริงดังว่า เขาชอบมองใบหน้าและดวงตาของเนเรียสที่สุด.. เพราะมันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังมอบความรักให้เขามากมายแค่ไหน
“แต่ข้าก็เห็นด้วย..ชมท่านดีกว่าชมจันทร์เป็นไหนๆ..” ออร์มยิ้มกว้าง พร้อมทั้งซุกใบหน้าลงกับอกกว้าง
ทั้งสองกอดกันมีเพียงกันและกัน.. เสียจนลืมไปว่า..
‘ความสุขมิอาจอยู่ได้ชั่วนิรันดร์’
เสียงฝีเท้าหนักๆข้างนอกทำให้ออร์มสะดุ้ง
“ทหารแอตแลนติส!” ออร์มผุดลุกขึ้น เนเรียสเองก็เช่นกัน - รีบคว้ากางเกงขึ้นมาสวม แต่ไม่ทันไรเสียงระเบิดก็ดังกึกก้อง ร่างขององค์รัชทายาทลอยกระแทกผนัง
“อ่ะ!!
เนเรียสรีบคว้ากางเกงที่อยู่บนพื้นขึ้นมาสวม กระเสือกกระสนล้มลุกคลุกคลานเข้าไปหาคนรักของเขาที่นอนอยู่บนพื้น .. แรงระเบิดทำให้ร่างของออร์มปลิวกระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างจัง
“ออร์ม!
“ข้าขอสั่งให้พวกเจ้า..”
กษัตริย์แห่งเซเบลรู้สึกเหมือนเสียงของตัวเองหลุดหายไปทันทีที่เห็นใบหน้าหนึ่งซึ่งตนเองคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“กษัตริย์ออร์แวกซ์..!”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in