ปกติผมจะโพสต์อะไรๆ เกี่ยวกับปรัชญา & โรคซึมเศร้า แต่อันนี้ขอแทรกมาสักบทความละกันครับ เพราะยังไงก็เกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้าอยู่ดี
พอดีได้อ่านข่าวจาก Koreaboo แล้วพบว่าตัวเอง "แตะใจ" กับจดหมายลาตายของคิม จงฮยอน (Kim Jonghyun) อดีตสมาชิกวงบอยแบนด์เกาหลีชื่อ "ชายนี่" (SHINee) มากๆ ถึงแม้ผมจะไม่ได้สนใจอะไรวงนี้เท่าไหร่ แต่เพื่อนผมคนนึงเป็นติ่งวงนี้ มันเสียใจมากๆ เศร้ามากๆ และสำหรับผมเองนั้น พอข่าวการฆ่าตัวตายของจงฮยอนโผล่มา ก็ทำให้ผมหวนนึกถึงการฆ่าตัวตายของเชสเตอร์วง Linkin Park เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาด้วย ซึ่งเชสเตอร์และวงนี้เป็นนักร้องและวงดนตรีโปรดในยุควัยรุ่นของผม (สิบกว่าปีมาละ -*-)
ผมเลยขอแปลจดหมายลาตายของคุณจงฮยอน พร้อมขอแสดงความเสียใจต่อการตายของเขามา ณ ที่นี้ด้วยครับ (ถ้าคิดว่าผมแปลผิด ก็ขออภัยนะครับ แปลๆ ไปตามที่เข้าใจ ท่านที่สนใจจะอ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษที่ผมแปลมาอีกต่อหนึ่ง ผมก็ได้ให้ลิงค์ไว้แล้วนะครับ เลื่อนลงไปดูได้เลย)
อนึ่ง ตอนผมดูคลิปข่าวที่มีการเคลื่อนขบวนศพของคุณจงฮยอน เห็นมีรูปไม้กางเขนด้วย ก็แสดงว่าคุณเป็นชาวคริสต์ ผมไม่รู้ว่าคุณนับถือนิกายอะไร แต่ตอนฟังเสียงเพลงเหล่านักขับร้อง (Choir) เขาร้องเพลงส่งศพคุณ น้ำตาผมมันไหลออกมาเอง เพราะผมคิดว่าตัวเองเข้าใจและสงสารคนที่ตัดสินใจแบบคุณดีเหลือเกิน (เออ ผมคิดไปเองแหละ) ก็เลยสวดวันทามารีอาให้ แล้วก็วอนขอพระหรรษทานจากพระแม่มารีย์โปรดให้วิญญาณของคุณได้ไปอยู่ในอ้อมกอดของพระเจ้า หมดสิ้นปัญหาและเรื่องราวที่ทำให้คุณ "เหนื่อย" อย่างที่คุณบอกไว้ในจดหมายลาตายแล้ว
ขอให้คุณมีความสุขบนนั้นและไม่เจ็บปวดทรมานอีกแล้วนะครับ.
***********************************************
*เนื้อหาในจดหมาย แปลจากฉบับภาษาอังกฤษของเว็บไซต์ Koreaboo
(โปรดดู https://www.koreaboo.com/news/shinee-jonghyun-suicide-letter-surfaces-explaining-why-he-chose-to-end-his-life/)
ผมแตกสลายจากภายใน
โรคซึมเศร้าที่มันกัดกินผมอย่างช้าๆ ได้กลืนกินผมหมดสิ้นทั้งตัวแล้ว
และผมก็เอาชนะมันไม่ได้
ผมเกลียดตัวเอง ผมรวบรวมเอาความทรงจำที่ขาดๆ วิ่นๆ มารวมกันแล้วตะโกนใส่ความทรงจำพวกนั้นเพื่อให้มันรวมกันได้ แต่กลับไม่เกิดอะไรขึ้นเลย
ถ้าช่วยไม่ได้ที่ผมจะยังมีลมหายใจต่อไปได้อย่างเหมาะสม คงดีกว่าที่จะหยุดหายใจไปซะเลย
ผมถามตัวเองว่าใครควรรับผิดชอบต่อผมในเรื่องนี้วะ
ก็ผมคนเดียวไงที่ต้องรับผิดชอบ
เพียงผมคนเดียวเท่านั้น
มันง่ายมากที่จะพูดถึงการจบชีวิต
แต่ยากมากที่จะลงมือทำจริงๆ
ที่ผมยังมีชีวิตมาอยู่จนถึงตอนนี้ก็เพราะมันยากแบบนี้ไงล่ะ
ผมเคยบอกตัวเองว่าผมอยากจะวิ่งหนีไป
ใช่ ผมอยากวิ่งหนีไป
หนีไปจากตัวเอง
หนีไปจากพวกคุณ
ผมเคยสงสัยว่าที่นั่นมีใครบ้าง ก็มีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น มีแต่ผมอีกแล้ว ยังเป็นผมอีกแล้วเหมือนเดิม
ผมเคยสงสัยว่าทำไมผมเริ่มสูญเสียความทรงจำไปเรื่อยๆ นั่นก็เพราะบุคลิกของผมไง เข้าใจล่ะ งั้นสุดท้ายก็เป็นความผิดผมเองแหละ ผมอยากให้ใครๆ สังเกตเห็น แต่ไม่มีใครสังเกตเลยสักคน ไม่เคยมีใครพบเจอตัวผมที่แท้จริงเลย เพราะงั้นพวกเขาเลยไม่เคยรู้ว่าตัวผมที่แท้จริงนั้นมีตัวตนอยู่
ผมเคยสงสัยว่าทำไมผู้คนถึงมีชีวิตอยู่กันนะ พวกเขาก็แค่มีชีวิตอยู่ ก็แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ
ถ้าคุณถามผมว่าทำไมผมตายไป ผมก็จะตอบคุณว่าผมเหนื่อยแล้ว
ผมทรมานและไตร่ตรองมาดีแล้ว ผมไม่รู้จะเปลี่ยนบาดแผลอันเหนื่อยล้านี้ให้กลายเป็นความสุขสำราญได้ยังไง
บาดแผลก็คือบาดแผลนั่นแหละ
ผู้คนชอบดุผมว่าอย่าทำแบบนี้เลย
ทำไมวะ? ทำไมผมจะทำแม้กระทั่งจบเรื่องทุกอย่างด้วยวิธีที่ผมอยากทำไม่ได้เลยหรอวะ?
ผู้คนชอบบอกให้ผมคิดให้ออกสิว่าทำไมผมถึงได้เจ็บปวดทรมาน
เออ ผมรู้ดีเลยล่ะ ผมเจ็บปวดทรมานก็เพราะตัวผมเองไง เป็นความผิดผมทั้งหมดและทั้งหมดก็เป็นเพราะผมบกพร่องเอง
หมอครับ อันนี้ป่ะคือคำตอบที่หมออยากได้ยิน?
เปล่าเลยครับ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น
เวลาหมอโทษผมด้วยเสียงสุภาพๆ ว่าสาเหตุคือบุคลิกของผมเอง ผมคิดไปว่า 'สัส เป็นหมอแม่งก็พูดง่ายสิวะ'
ก็แปลกดีนะที่มันทรมานจัง คนที่เขาแย่กว่าผมยังใช้ชีวิตอยู่ได้กันทั้งนั้น ส่วนคนที่เขาอ่อนแอกว่าผมก็ยังอดทนกันต่อไปได้กันทั้งนั้น
สงสัยจะไม่ถูกต้องซะละ ผมว่าไม่มีใครแย่กว่าหรืออ่อนแอกว่าผมทั้งนั้นแหละ
แต่ผมก็ต้องมีชีวิตต่อไปอยู่ดี
ผมเฝ้าถามตัวเองเสมอๆ ว่าทำไมผมถึงตัดสินใจมีชีวิตอยู่เป็นร้อยๆ ครั้งแล้วโดยที่ไม่ใช่การมีชีวิตอยู่เพื่อประโยชน์ของตัวผมเองเลย แต่ผมมีชีวิตอยู่เพื่อพวกคุณทั้งนั้น
อย่ามาพูดอะไรดีกว่า ถ้าคุณไม่เข้าใจอะไรเลยอ่ะ
คิดให้ออกสิว่าทำไมผมถึงได้เจ็บปวดทรมานงั้นเหรอ? ก็บอกไปแล้วไงวะ มันผิดมากใช่มั้ยที่ผมทรมานเพราะเหตุผลแค่นั้น ต้องมีเหตุผลที่ดราม่าๆ กว่านี้อีกหรอวะ? ต้องมีเหตุผลที่เจาะจงกว่านี้อีกหรอวะ?
ผมบอกพวกคุณไปแล้วนะ ทำไมพวกคุณไม่เคยฟังกันเลยวะ? ถ้าคุณเอาชนะอะไรได้ มันจะไม่ฝากรอยแผลเป็นไว้ในชีวิตคุณหรอก
การต่อสู้ปะทะกับโลกนี้ไม่เคยมีความหมายสำหรับผมเลย
การมีชีวิตแบบคนดังมีชื่อเสียงไม่เคยมีความหมายกับผมเลย
นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมผมถึงได้เจ็บปวดทรมานเหลือเกิน เพราะผมเป็นคนดังมีชื่อเสียงไง ทำไมผมถึงได้เลือกจะเป็นแบบนี้แต่แรกกันนะ ตลกชะมัด
น่าอัศจรรย์ใจดีนะที่ผมยังทนอยู่มาได้นานขนาดนี้
จะให้พูดอะไรได้ล่ะ แค่บอกว่าผมทำได้ดีมากๆ แล้วเหรอ บอกว่านี่ผมก็ทำดีพอแล้วเหรอ บอกว่าผมทำงานหนักมากพอแล้วเหรอ ถ้าคุณยิ้มไม่ออกก็อย่ามาโทษวิถีชีวิตผมเลยว่ะ พวกคุณทำได้ดีแล้ว ทำงานหนักพอแล้วล่ะ ลาก่อน.
— จงฮยอนแห่งวง SHINee
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in