ชัยชนะเหนืออาร์เซน่อลที่แอนฟิลด์เมื่อสองสัปดาห์ก่อน 4-0 กลายเป็นเรื่องภาพลวงตา เพราะความพ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ซิตี้ ออฟ แมนเชสเตอร์ เป็นการตอกย้ำปัญหาเดิมๆ ของลิเวอร์พูลให้เห็นต่อธารกำนัล
ปัญหาเกมรับของลิเวอร์พูลถูกหยิบยกขึ้นมาอีกครั้ง!
สิ่งที่เห็นได้ชัดจากเกมนี้คือแนวรุกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่างดาหน้าที่จะบุกไปทางฟูลแบ็กขวาซึ่งเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์อย่างจงใจ ไม่ว่าจะเป็นการบุกตามหน้าที่ของเบนฌาแม็ง เมนดี้ หรือตัวฟรีของแมนฯซิตี้อย่างเควิน เดอ บรอยน์ ที่มักจะแวะเวียนเข้าไปเจาะทางฝั่งอาร์โนลด์เสมอๆ ไปจนถึงกาเบรียล เฮซุส ที่เป็นกองหน้าทางฝั่งซ้ายก็มักจู่โจมพื้นที่ดังกล่าวด้วย
ในรายของเบนฌาแม็ง เมนดี้ อาจต้องพูดถึงสักหน่อย เพราะดาวเตะคนใหม่ที่ย้ายมาจากโมนาโกเล่นได้ดีในตำแหน่งวิงแบ็กทางด้านซ้าย เติมเกมรุกได้งามตา เกมรับก็รับผิดชอบหน้าที่ได้ดี ซึ่งฟอร์มการเล่นดังกล่าวถือว่า สร้างความปั่นป่วนให้กับอาร์โนลด์จนกลายเป็นบ่อในเกมรับของลิเวอร์พูล ถ้ายังรักษาฟอร์มการเล่นที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง เมนดี้อาจกลายเป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดในโลกคนถัดไปต่อจากมาร์เซลโล่ก็ได้
ส่วนอีกคนที่ต้องพูดถึง นั่นคือ เควิน เดอ บรอยน์ ฟอร์มการเล่นของดาวเตะวัย 26 ชาวเบลเยี่ยม เจิดจรัสมาก ด้วยทักษะที่มีอย่างมากล้น การเคลื่อนไหวพร้อมกับฟุตบอลถือว่าสุดยอด มีการครอบครองบอลที่ดี อีกทั้งยังสามารถหาพื้นที่เข้าโจมตีผู้เล่นเกมรับของลิเวอร์พูลได้ตลอดเวลา
ทั้งนี้ฟอร์มการเล่นของเควิน เดอ บรอย์ ที่โดดเด่นนั้น ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณการมีอยู่ของเฟร์นานดินโญ่ที่ช่วยปัดกวาดแนวรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วปล่อยให้พื้นที่แนวรับเป็นหน้าที่ของกองกลางชาวบราซิลเลียน ส่วนเกมรุกปล่อยให้เดอ บรอยน์และซิลบามีอิสระในเกมรุก นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเดอ บรอยน์ ถึงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้
ขยับมาดูปัญหาของลิเวอร์พูลบ้าง เกมนัดนั้นเจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกใช้โจเอล มาติปและรักนาร์ คลาวานเป็นคู่เซ็นเตอร์ ผมคิดว่าฟอร์มการเล่นของมาติปยังถือว่าโอเค แต่ที่ไม่โอเคเลยคือฟอร์มการเล่นของคลาวาน เห็นได้ชัดว่า คลาวานมีส่วนรับผิดชอบในทุกประตูที่ลิเวอร์พูลเสีย เช่น การเปิดพื้นที่ให้โดนเควิน เดอ บรอยน์จ่ายบอลตัดกองหลังจนนำมาสู่ประตูขึ้นนำของเซร์คิโอ อเกวโร่ และประตูนี้ทำให้อเกวโร่ กุน กลายเป็นดาวซัลโวนอกสัญชาติยุโรปที่พังประตูเยอะสุดในพรีเมียร์ลีก 124 ประตูทันที รวมถึงลูกโหม่งของกาเบรียล เฮซุสที่ครอสบอลจากริมเส้นทางด้านขวา ซึ่งเป็นพื้นที่ความรับผิดชอบของอาร์โนลด์ ลอยละล่องมาตรงกลางกรอบเขตโทษให้กองหน้าดาวรุ่งบราซิลเลี่ยนโขกเต็มๆ ถ้าดูจากภาพช้าจะเห็นชัดเลยครับว่า ไม่มีกองหลังลิเวอร์พูลคนใดประกบเฮซุสเลย
นอกเหนือจากนี้เซ็นเตอร์แบ็กชาวเอสโตเนีย ยังมีส่วนกับการที่ลิเวอร์พูลต้องเสียประตูที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ในเวลาต่อมา ซึ่งฟอร์มการเล่นของรักนาร์ คลาวาน น่าจะส่งผลให้เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมนี คงตัดสินใจไม่ยากที่จะมอบตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กตัวจริงให้กับเดยัน ลอฟเรนกับโจเอล มาติป
สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาเดิมๆ ของลิเวอร์พูลที่แฟนบอลเข้าใจกันดี ถ้าหากสองสัปดาห์ก่อนลิเวอร์พูลใช้ความเร็วเข้าโจมตีอาร์เซน่อล เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ใช้สิ่งเดียวกันเข้าทำลายเกมรับของลิเวอร์พูล
ในเกมดังกล่าวยังมีสิ่งที่ต้องพูดถึงอีกสักหน่อย นั่นคือ จังหวะปัญหาของซาดิโอ มาเน่ ที่โดนใบแดงในจังหวะที่เข้าปะทะกับเอเดอร์สัน ประตูดาวรุ่งของเจ้าถิ่น
แน่นอนว่า ผู้ชมทางบ้านอย่างเราๆ ก็ได้เปรียบสักหน่อยที่ได้เห็นจากภาพช้าในหลายมุม หลายจังหวะ ส่วนผู้ตัดสินจอน มอสส์ ก็ใช้เวลาตัดสินใจพักใหญ่ๆ ก่อนที่จะแจกใบแดงให้กับมาเน่
จังหวะนั้นมาเน่ยกเท้าสูงอันนี้เห็นกันเต็มๆ แต่ถ้าพิจารณาอีกสักหน่อยก็พอทำความเข้าใจได้ว่า มาเน่เองก็ตั้งใจจะเล่นบอล มิได้มีเจตนาทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมอาชีพ ถึงกระนั้นถ้าว่ากันตามเนื้อผ้าจังหวะนั้นการจะให้เป็นใบแดงก็ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด เพราะด้วยเป็นจังหวะอันตราย การที่ให้ใบแดงนั้นถือว่าสมเหตุสมผล ส่วนการอุทธรณ์นั้นคงต้องรอติดตามกันว่า สมาคมฟุตบอลอังกฤษจะพิจารณาเรื่องนี้เช่นไร
อย่างไรก็ดี ในมุมมองของผมการสูญเสียมาเน่ไปคงไม่อาจกล่าวอ้างได้ว่า เป็นเหตุผลให้ลิเวอร์พูลต้องพ่ายแพ้ด้วยผลประตูดังที่เห็น จริงอยู่การที่ลิเวอร์พูลสูญเสียมาเน่ทำให้ทีมต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน จำนวนตัวผู้เล่นน้อยกว่าเป็นสิ่งที่เสียเปรียบอันนี้เข้าใจได้ แต่ต้องไม่ลืมเช่นกันว่า มาเน่เป็นผู้เล่นในแนวรุก มิใช่การสูญเสียผู้เล่นในแนวรับที่ส่งผลกระทบต่อทีมมากกว่า อีกทั้งสถานการณ์ก่อนที่มาเน่จะโดนไล่ออก ถ้าสังเกตให้ดีๆ จะเห็นได้ว่า แนวรับของลิเวอร์พูลเริ่มแสดงความเปราะบางให้เห็นอย่างต่อเนื่อง
ความพ่ายแพ้ของลิเวอร์พูลเกมนี้ ถือว่าเสียหายค่อนข้างมาก เพราะผลต่างประตูได้เสียที่เคยบวก 5 กลับกลายเป็นเท่าทุนเสียอย่างนั้น ประเด็นที่อยากจะพูดตรงนี้คือ ด้วยความที่เป็นฟุตบอลระดับลีก จำเป็นต้องมีความเกี่ยวข้องกับผลต่างประตูได้เสีย การที่ลิเวอร์พูลมีผลต่างประตูได้เสียเท่ากับศูนย์ ถือว่าเสียเปรียบทีมอื่นทันที หากในท้ายฤดูกาลจำต้องมีการวัดผลลูกได้เสีย
สิ่งที่ลิเวอร์พูลต้องลุ้นในช่วงไม่กี่วันหลังจากนี้ คือ สมาคมฟุตบอลอังกฤษจะตัดสินใจลงโทษแบนมาเน่หรือไม่ ถ้าติดสินลงโทษมาเน่จะหมดสิทธิ์รับใช้ต้นสังกัด 3 เกม โดย 3 เกมที่ว่าจะมีเกมที่เปิดบ้านรับเบิร์นลีย์, เยือนเลสเตอร์ ซิตี้ และออกไปเยือนนิวคาสเซิล
มองรวมๆ 3 เกมที่ว่า ไม่ได้เป็นเกมที่หนักหนามากนัก แต่ก็ต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่า การขับเคลื่อนทั้งหมดของลิเวอร์พูลขึ้นอยู่กับมาเน่เพียงคนเดียว ฉะนั้นถ้าหากมาเน่โดนแบนจริง ไม่ว่ายังไงลิเวอร์พูลมีอ่วมครับ ต่อให้ฟิลิปเป้ คูตินโญ่จะพร้อมลงสนามก็ตาม ชั่งตามน้ำหนักและข้อมูลที่เป็นจริงแล้ว คนที่เป็นกำลังสำคัญของลิเวอร์พูลไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลนี้หรือฤดูกาลที่แล้ว คือ มาเน่ หาใช่คูตินโญ่นะครับ
งานนี้บอกเลยว่า แฟนหงส์คงต้องภาวนาไม่ให้มาเน่โดนแบน ไม่งั้นยุ่งแน่ๆ ครับ
จักรยานอากาศ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in