ความพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลหมดรูป 4-0 ไม่ใช่ความพ่ายแพ้ที่คุณสามารถบอกว่า เป็นแค่การพ่ายแพ้เกมหนึ่งจาก 38 นัดบนการแข่งขันฟุตบอลลีก 

ตรงกันข้ามการพ่ายแพ้นัดนี้เป็นการถลกทุกปัญหาของอาร์เซน่อลทุกขด ทุกไส้ ออกมาให้เห็นต่อหน้าสาธารณชนจนไม่เหลือหลอ 

อย่าว่างั้นงี้ ผมไม่ได้เก่งหลังเกม แต่ผมรู้สึกทะแม่งๆ ตั้งแต่เห็นไลน์อัปอาร์เซน่อลแล้วว่า ทำไมถึงเลือกใช้กองหลัง 3 คนในเกมสำคัญกับลิเวอร์พูล ไม่ใช่ว่าอาร์เซน่อลไม่ควรเล่นหลัง 3 คนนะครับ แต่พื้นฐานการเล่นกองหลัง 3 คน มันมีเงื่อนไขสำคัญก็คือ กองหลังทั้ง 3 คนที่มีอยู่นั้นจะต้องเก่งมากๆ แล้วต้องเข้าใจวิธีการเล่นแบบกองหลัง 3 คน เป็นอย่างดี 

โทษนะครับ ในบรรดาหลัง 3 คนที่ว่ามานี้มีกอสซิแอลนี่ที่เป็นกองหลังเซ็นเตอร์แบ็กอาชีพ มอนเรอัลเติบโตมาจากการเป็นฟูลแบ็ก ส่วนร็อบ โฮลดิ้ง กระดูกบอลยังอ่อนเกินกว่าจะจับมายืนเล่นกองหลังสามคน จับเอาฟูลแบ็กขวาอย่างเบเญรินไปยืนทางซ้าย ไหนจะเอากองหน้าค่าตัวแพงอย่างอเล็กซองด์ ลากาแซตต์ไปนั่งสำรอง 

โน! ผมไม่เข้าใจ

พอลงสนามจริงก็ตามคาดครับ เบเญรินเล่นไม่ได้เลยในตำแหน่งวิงแบ็กทางด้านซ้ายเจอโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ พาทัวร์รอบโลก, ร็อบ โฮลดิ้งเอาไม่อยู่กับการเจอผู้เล่นเร็วรอบจัดแบบซาดิโอ มาเน่ มันก็เลยออกมาเละอย่างที่เห็น

เราลองวิเคราะห์ทีละจุดนะครับ การที่เวนเกอร์ติดตั้งแผนการเล่น 3-4-3 เป็นเรื่องผิดพลาดตรงไหนบ้าง เริ่มจากแผนการเล่นที่เวนเกอร์ติดตั้งให้กับลูกทีมเป็น 4-3-3 แบบบุกนะครับ ข้อดีคือเวลาโต้กลับอาร์เซน่อลจะมีผู้เล่นในแดนลิเวอร์พูล 5-7 คน แต่การจับผู้เล่นถนัดขวาไปเล่นในทางซ้ายอย่างเบเญรินกลับไม่เวิร์ค สู้กับมาเน่ที่ถนัดขวาแต่เล่นทางซ้าย หรือซาลาห์ถนัดเท้าซ้ายแต่เล่นทางขวาไม่ได้ พวกนี้ความเร็วสูง พอเห็นช่องว่างก็โดนเจาะเน้นๆ จนพรุน อีกอย่างหนึ่งคือเกมนัดนั้นฟูลแบ็กทั้งสองข้างอย่างเบเญริน และอเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ค่อนข้างลอยขึ้นสูง ผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กเกมรับด้านข้างไม่สามารถซ้อนได้ทัน จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ลิเวอร์พูลสวนกลับแต่ละทีทำไมอาร์เซน่อลจึงโดนเอา โดนเอา เช่นเดียวกับกอสซิแอลนี่ที่ดูจะไม่ถนัดกับการเล่นกองหลังสามคนสักเท่าไหร่ด้วย ซึ่งเห็นได้จากการประกบตัวผู้เล่นที่ดูแปลกๆ หลายต่อหลายครั้ง

ลองย้อนกลับไปดูลูกแรกที่เสียเบเญรินลงมาเล่นเกมรับไม่ทันเปิดช่องให้โดนโยนจากด้านข้างง่ายๆ หรือในจังหวะที่เสียประตูที่ 4 ก็เห็นได้ชัดว่า พื้นที่ริมเส้นของอาร์เซน่อลไม่มีใครเข้าประกอบผู้เล่นของลิเวอร์พูล แถมในจังหวะนั้นกอสซิแอลนี่ยังพลาดในการประกบตัวแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์อีก 

พูดง่ายๆ คือ เวนเกอร์ไม่ควรใช้กองหลังสามตั้งแต่แรก หรือถ้าจะใช้กองหลังสามจริงๆ ยังไงก็ต้องไม่ใช่โฮลดิ้ง เพราะเอาเข้าจริงตั้งแต่คอมมิวนิตี้ ชิลด์กับเชลซีแล้วที่เวนเกอร์เลือกใช้กองหลังสามคน และสามคนนั้นมีโฮลดิ้ง ซึ่งเล่นได้ขัดตาเหลือเกิน ทั้งนี้นักเตะที่เวนเกอร์บอกเหลือเกินว่า โคตรฟิตอย่างโคลาซินัซหายไปไหน?

เรียกว่าการตัดสินใจพลาดเพียงนิดเดียวของอาร์เซน่อลแลกมาด้วยความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป

ว่าไปแล้วเกมนี้ยังมีอีกคนต้องพูดถึงนั่นคือ เอ็มเร่ ชาน ไปๆ มาๆ ดาวเตะทีมชาติเยอรมนีกลายเป็นนักเตะที่เล่นดีขึ้นอย่างถนัดตาในซีซันนี้ การผ่านบอลสวยๆ งามๆ การคุมเกมที่เหนือกว่ากรานิต ชาก้า และเมซุต โอซิล เป็นสิ่งที่สร้างความแตกต่างในแดนกลางระหว่างลิเวอร์พูลกับอาร์เซน่อล มีตัวเลขบอกว่า ชานผ่านบอลสำเร็จถึง 88 ครั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 3 ครั้ง ชนะลูกกลางอากาศอีก 3 หน และแท็คเกิลสำเร็จ 2 ครั้ง

เมื่อถามว่า เวนเกอร์หมดไฟรึยังกับอาร์เซน่อล ผมคิดว่า ไฟยังไม่หมด แต่ถ้าใกล้มอดก็ใช่แน่ เวนเกอร์ชั่วโมงนี้ไม่ใช่เวนเกอร์ที่สามารถสั่งซ้ายหัน ขวาหันให้นักเตะสู้เพื่อเขา หรือสู้เพื่อทีม ได้อีกต่อไป

ในสนามก็ไม่มีนักเตะคนไหนพร้อมจะถลกแขนสู้แล้วฟาดฟันกับลิเวอร์พูล ขนาดนักเตะระดับโลกอย่างอเล็กซิส ซานเชส ยังหมดอาลัยตายยาก ผมว่านัยของอเล็กซิส ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาอยากย้ายทีมแล้วไม่ได้ย้ายหรอกครับ แต่สภาพทีมอาร์เซน่อลที่อเล็กซิสเห็นมันไม่ใช่ทีมระดับลุ้นแชมป์อีกแล้ว ว่ากันง่ายๆ เหมือนย้ายมาผิดทีม

แกรี่ เนวิลล์ ที่ผันตัวไปเป็นกูรู ก็วิจารณ์เรื่องนี้ไว้เช่นกัน เพียงแต่อดีตแบ็กขวาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พุ่งเป้าไปที่อเล็กซิส ซานเชส มากกว่า เพราะโทษฐานที่เป็นนักเตะเบอร์ 1 ของทีม แต่กลับแสดงความท้อถอยออกมาให้เห็นทั้งจากท่วงทา แววตา และฟอร์มการเล่นในสนาม

ไหนจะเรื่องนอกสนามที่ 'อิทธิพลของเวนเกอร์' ไม่มีผลต่อนักเตะอีกแล้ว ไม่เช่นนั้นนักเตะอย่างเมซุส โอซิล, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน (ระหว่างที่เขียนบทความนี้ BBC รายงานว่าเจ้าตัวย้ายเรียบร้อยแล้ว) และอเล็กซิส ซานเชส คงต่อสัญญากับทีมออกไปนานแล้วล่ะครับ 

สิ่งที่น่ากังวลใจหลังจากนี้ก็คือการเล่นไล่โค้ช มันมีโอกาสเกิดขึ้นนะครับ ขนาดกุนซือที่ใหญ่คับสโมสรอย่างโชเซ่ มูรินโญ่ หรือกุนซือที่เนรมิตรทีมไร้ศักดินาขึ้นมาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกให้กับเลสเตอร์อย่างเคลาดิโอ รานิเอรี่ ยังโดนมาแล้ว เวนเกอร์จะเป็นคิวต่อไปก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ต่อให้เวนเกอร์อยู่กับสโมสรมาร่วมยี่สิบปีก็ตาม อย่าลืมว่า ปลดโค้ชคนเดียวกับปลดนักเตะทั้งทีม การปลดโค้ชมันง่ายกว่ากันเยอะ

ฉะนั้นแล้วถ้าเวนเกอร์ยังเคลียร์ปัญหาที่มีอยู่ในทีมไม่ได้ ก็ไม่มีอะไรมาก นักเตะที่เคยลงสนามให้เวนเกอร์จะเริ่มเตะไล่โค้ช เสียงเชียร์ที่เคยเป็นชื่อเวนเกอร์จะเปลี่ยนไปเป็นเสียงโห่ ป้าย WengerOut ที่หายไปก็จะกลับมา 

หรือที่จริงแล้วเวนเกอร์ควรวางมือตั้งแต่ปีที่แล้ว?