ภาพยนตร์เรื่อง MeanGirls ก๊วนสาวซ่าส์ วีนซะไม่มี ผลงานการกำกับโดย มาร์ก วอเตอร์ส
และบทภาพยนตร์โดยทีน่า เฟย์ ที่เพิ่งกลับมาสู่หน้าจอสตรีมมิ่งของ
ต้องพบกับการปรับตัวเข้าสู่สังคมใหม่อย่างยากลำบาก แต่ที่ยากและซับซ้อนยิ่งกว่าคือการเข้าไปสู่
Girl World
ไม่เพียงแค่การปรับตัวเข้าสู่สังคมใหม่ที่เคดี้ต้องเผชิญ ภารกิจแฝงตัวและแสร้งเป็น ‘พลาสติก
ซามูเอล’ หนุ่มฮอตที่เคดี้แอบรักเข้ามาเกี่ยวผสมปนเปกับการเลื่อนขั้นสถานะของเคดี้จากเด็กสาว
ผู้อ่อนต่อโลกมาสู่ควีนบีคนใหม่ในแก๊งพลาสติกยิ่งทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงวุ่นวายเกินกว่าที่เคดี้จะรับไหว
การแฉสมุด Burn Book ของสาวแก๊งพลาสติก สมุดที่รวมคำพูดร้ายกาจต่อเด็กสาวทุกคนในโรงเรียนอันนำมาสู่เหตุการณ์การปะทะกันอย่างรุนแรงของเหล่าสาวๆ นอร์ธชอร์ (และแน่นอนฝันร้ายของครูใหญ่
ดูวัลล์
แล้วอะไรอยู่ใน
คนที่เคยดู Mean Girls มาแล้วคงพอจะนึกออกถึงรายละเอียดที่มีตั้งแต่เรื่องขำขันเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องเพศฉาวโฉ่ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยดูก็ให้ลองจินตนาการถึงช่วงชีวิตในวัยมัธยมศึกษาที่เคยมีโอกาสได้สัมผัสไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาในอดีตหรือจะเป็นปัจจุบัน ลองไล่เรียงคำพูดว่าร้ายนินทาไปจนถึงก่นด่า
ที่เด็กสาววัยรุ่นจะพูดใส่กันทั้งต่อหน้าหรือลับหลัง นั่นแหละคือสิ่งที่บันทึกอยู่ใน Burn Book
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญหรือเพราะความแข็งแกร่งของปิตาธิปไตยที่ครอบงำตั้งแต่ซีกโลกตะวันตกยันโลกตะวันออกที่ทำให้ภาพความเกลียดชังของเด็กผู้หญิงวัยรุ่นในบริบทของสังคมไทยไม่แตกต่างจากที่ปรากฏในภาพยนตร์นัก คำพูดว่าร้ายสร้างความเจ็บปวดที่เด็กสาวใช้ทำร้ายกันในระดับรุนแรงที่สุดก็ไม่พ้นคำด่าที่เกี่ยวโยงกับเรื่องทางเพศ และเมื่อมองให้ดีก็จะพบว่าพฤติกรรมที่เข้าข่าย
การถูกวิจารณ์นั้นล้วนเป็นลักษณะอันไม่เหมาะสมตามบทบาททางเพศของผู้หญิงทั้งสิ้น ตั้งแต่พฤติกรรมการแต่งกายโป๊เปลือย การพูดคุยเล่นหูเล่นตากับเพื่อนเพศชายไปจนถึงการเข้าไปอยู่ในสถานที่อโคจร
อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะสงสัยแล้วระบบชายเป็นใหญ่มันเกี่ยวอะไรกับการที่ผู้หญิงด่ากันเอง
ผู้กระทำกับเพศหญิงด้วยกันเองซึ่งอาจเป็นไปอย่างรู้ตัวหรือไม่ก็ได้และมันก็เกิดขึ้นเพราะเราทุกคน
ต่างเติบโตมาในสังคมที่แวดล้อมและถูกจัดวางกฎเกณฑ์ทุกอย่างด้วยอำนาจของปิตาธิปไตยจนกลายเป็นความปกติที่เคยชิน
ผลของความเกลียดชังเหล่านี้อาจจะมองดูเล็กน้อยเบาบาง อย่างพฤติกรรมการด่าทอว่าร้ายกันในกลุ่มเด็กหญิงวัยรุ่น ความอคติในกลุ่มผู้หญิงต่อหญิงเรียบร้อยว่าเป็นพวกแอ๊บอ่อยผู้ชายไปจนถึง
คำกล่าวอ้างของผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่ระบุว่าตนเองเลือกคบแต่เพื่อนผู้ชายเพราะจริงใจไม่ขี้นินทาแบบผู้หญิงส่วนใหญ่ แต่ความเกลียดชังประเภทนี้สามารถเพิ่มระดับความรุนแรงและความอันตรายไปจนถึงขั้นการกล่าวโทษเหยื่อจากความรุนแรงทางเพศเพียงเพราะลักษณะของเหยื่อนั้นไม่ตรงกับการเป็น ’ผู้หญิงที่ดีในมาตรฐานของปิตาธิปไตย’ ที่มักสะท้อนออกมาในคำพูดทำนองว่า
ไม่เพียงแต่การเรียนรู้และการก้าวผ่านช่วงวัยของเคดี้ที่ทำให้เราได้ฉุกคิดถึงทัศนคติและการใช้ชีวิตของตัวเอง ความสนุกและบทพูดที่แสนจะ ‘fetch’ ของตัวละครแต่ละตัวในเรื่องก็ยังสร้างเสียงหัวเราะ
และคงความไอคอนิกมาจนถึงทุกวันนี้ กฎของสาวพลาสติก “ทุกวันพุธเราใส่สีชมพู
แสบสันต์ของเจนิส
มากไปกว่าความสนุกและคุณสมบัติชั้นดีในการสร้างเป็นมีมบนโลกอินเทอร์เน็ต การได้ดูภาพยนตร์วัยรุ่นคอมเมดีเรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ตนเองผ่านพ้นวัยมัธยมมาแล้วหลายปีกลับทำให้ได้ตกตะกอนอะไรหลายอย่าง ความเจ็บปวดระคนกับความสับสนวุ่นวายของเหล่าเด็กสาวมัธยมในเรื่องโดยเฉพาะเมื่อ
เด็กหญิงในช่วงมัธยมต้นเพราะมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายกับคำว่า ‘
ต่อไปบนความไม่เข้าใจที่ซ่อนอยู่ว่าทำไมตนเองต้องตกเป็นเหยื่อจากเด็กผู้หญิงใจร้ายเหล่านั้น
กว่าจะได้ตระหนักรู้ว่าต้นตอแห่งความเกลียดชังที่ทำให้เหล่าเด็กสาวพุ่งเป้าและสาดเทคำพูดร้ายกาจใส่กันนั่นก็เพราะปิตาธิปไตยที่ฝังรากลึกอยู่ก็เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ยังไงก็ตามความเข้าใจที่มากขึ้นในเรื่องเหล่านี้มันก็ทำให้ฉันก้าวผ่านความโกรธเกรี้ยวที่เคยมีพร้อมกับความเข้าใจที่ว่าเด็กผู้หญิงทั้งหลายก็ล้วนเป็นเหยื่อที่เติบโตมาในระบบบิดเบี้ยวของปิตาธิปไตยไม่ต่างกัน
ฉันเชื่อว่าข้างนอกนั่นยังมีเด็กผู้หญิงและผู้หญิงอีกมากมายในสังคมที่ต้องเจ็บปวดจากคำพูดหรือทัศนคติที่แฝงไปด้วยความเกลียดชังทั้งจากผู้หญิงด้วยกันเองและจากสังคมที่พร้อมตัดสินเรา
สิ่งที่น่าโมโหไม่ใช่คนแต่เป็นระบบ เราทั้งหลายต่างเติบโตมาในสังคมที่จัดวางกฎเกณฑ์และแบบแผน
มาอีกเพศที่เหนือกว่าและมันก็ทำสำเร็จในการมอบหน้าที่ให้ผู้หญิงกลายเป็นฝ่ายสำรวจตรวจสอบ
ความถูกต้องในที่ทางแห่งเพศกับผู้หญิงด้วยกันเอง
สาว ๆ จ๋า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องตื่น ฉกฉวยคำก่นด่าตีตราความเป็นหญิงทั้งหลายมาสร้างนิยามใหม่ให้แก่พวกเรา ฉันจะแรด ฉันจะร่าน ฉันจะสำส่อน ฉันจะเรียบร้อย ฉันอยากจะเป็นเมียหรือฉันอยากจะเป็นแม่ ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉัน ทั้งหมดนั่นเป็นสิทธิของเธอและฉันอย่างสมบูรณ์
อย่าตัดสินกันเองและอย่ายอมให้ใครมาแปะป้ายตัดสินเราด้วยการตีคุณค่าที่
ไว้ในมาตรวัดอันดีงามที่แสนเอนเอียงของสังคมปิตาธิปไตยแห่งนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in