ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์นั้นเกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนไข โดยเงื่อนไขที่สำคัญคือ ท่าทีและความรู้สึกที่เราแสดงต่ออีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งกระบวนการเกิดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลนั้นเป็นไปตามขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : การเริ่มความสัมพันธ์ โดยประกอบด้วยปัจจัยต่างๆที่มีอิทธิพลต่อการเริ่ม ได้แก่
1) การมีลักษณะทางกายที่ดึงดูดใจ
2) ความถี่ของการได้พบเจอกัน
3) ความคล้ายคลึงกันในลักษณะต่างๆ
ขั้นตอนที่ 2 : การสร้างความสัมพันธ์ โดยทั่วไปนั้นจะเกิดใน 2 ลักษณะ คือ
1) เกิดขึ้นทีละน้อยตามเวลาที่ได้ติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กัน
2) เกิดเพราะมีเหตุการณ์วิกฤตเกิดขึ้น แต่แล้วเมื่อเกิดความสัมพันธ์ขึ้นมาแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มปริมาณของความสัมพันธ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ขั้นตอนที่ 3 : การกระชับความสัมพันธ์
ในขั้นตอนนี้ต่างฝ่ายต่างพยายามหาวิธีเพื่อที่จะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างกัน เรียนรู้นิสัยของซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกันก็พัฒนานิสัยบางอย่างเพื่อตอบสนองและปรับตัวเข้าหากัน
แนวคิดทั้งหมดทำให้มองเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์แปรเปลี่ยนไปได้เป็นระยะ หากเป็นไปตามขั้นตอนความสัมพันธ์จะก้าวคืบหน้าไปจนกระชับแน่น ในทางตรงข้ามหากขั้นตอนหมุนย้อนหลังความสัมพันธ์จะเสื่อมคลายลงและอาจมาถึงขั้นตอนที่ 4 คือ การจบความสัมพันธ์
ขั้นตอนที่ 4 : การจบความสัมพันธ์
ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งของความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล คือ มีการเริ่มต้นและมีการสิ้นสุดและ การสิ้นสุดความสัมพันธ์มักตามมาด้วยความรู้สึกทางลบหรือความขัดแย้ง ในการจบความสัมพันธ์มีขั้นตอนที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ดังนี้ (Duck, 1982)
1) ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกว่ามีปัญหาเกิดขึ้นในความสัมพันธ์
2) อีกฝ่ายหนึ่งจะเริ่มต้นสื่อให้อีกฝ่ายทราบถึงความรู้สึกนั้น
3) คู่สัมพันธ์เผชิญหน้ากับปัญหาอันอาจนำไปสู่การปรับความเข้าใจกันหรือความขัดแย้ง
4) หากไม่สามารถปรับความเข้าใจกันได้จะมีการหันไปหาฝ่ายที่สาม ซึ่งตรงจุดนี้จะมีการเข้าข้างหรือแยกฝ่าย
5) ทั้งสองฝ่ายรู้ว่าความสัมพันธ์สิ้นสุดลงจึงอาจตัดสินใจยุติความสัมพันธ์หรือปรับ รูปแบบความสัมพันธ์ใหม่
สืบเนื่องจากขั้นตอนของการเกิดความสัมพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่า ลักษณะของความเป็นเมืองนั้นมีสวนในการที่จะนำพาการพบเจอมีปฏิสัมพันธ์กันของผู้คน การมีพื้นที่สาธารณะ ทางเท้า และการขนส่งสาธารณะที่ดีนั้นมีผลต่อการเกิดความสัมพันธ์ของมนุษย์ในทุกขั้นตอน และเมื่อนำมาพิจารณากับลักษณะผังเมืองกรุงเทพฯ ที่มีส่วนของพื้นที่สาธารณะที่น้อย ทางเท้าที่ไม่มีคุณภาพ และระบบขนส่งสาธารณะที่เอื้อประโยชน์แก่ห้างสรรพสินค้า
เหตุเพราะมีผู้แสดงความคิดเห็นในมุมมองนี้ว่า การเดินห้างสรรพสินค้าไม่ได้ช่วยในการพัฒนาการสร้างความสัมพันธ์แต่อย่างใด เพราะทุกอย่างถูกห้อมล้อมไปด้วยแบรนด์เนมและร้านค้าชื่อดังต่างๆ ไม่ได้บ่งบอกรสนิยมหรือความสนใจใดๆของอีกฝ่าย เมื่อเปรียบเทียบกันกับการที่เราไปเดินหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ หรือสวนสาธารณะ ที่เปิดโอกาสให้เกิดการสร้างความสัมพันธ์มากกว่า ยกตัวอย่างเช่น การที่เราไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย แปลว่าเราสนใจงานประเภทหนึ่ง และการได้เจออีกคนที่ชอบเหมือน ๆ กับเรา สนอกสนใจและชอบสิ่งที่คล้ายกับเรา นี่จึงคือส่วนหนึ่งของสถานที่ที่จะทำให้พบเจอคู่รักและเอื้อให้เราตกหลุมรักกันได้ แต่เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเพราะการมีพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ พื้นที่สาธารณะที่น้อย เราจึงไปห้างสรรพสินค้า จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การเดินห้างสรรพสินค้าเป็นหนึ่งในตัวเลือกในการที่จะสร้างความสัมพันธ์ขึ้นมา โดยอ้างอิงจากในบทความของ แอนโทนี่ ฟอซซี่ (Anthony Fossi) ในเว็บไซต์ของ WHA กับหัวข้อที่ว่า What Makes a City Romantic? อะไรทำให้เมืองนั้นโรแมนติก ประกอบด้วยเงื่อนไขต่างๆในการพิจารณา ในบทความได้ยกตัวอย่างเมืองที่มีเงื่อนไขตรงตามในบทความที่ระบุ เช่น เมืองเวนิสประเทศอิตาลี เมืองปารีสประเทศฝรั่งเศส
เงื่อนไของค์ประกอบของการเป็นเมืองที่โรแมนติก เหมาะในการตกหลุมรักหรือสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นนองค์ประกอบอย่างหนึ่งที่สำคัญคือการเดิน ซึ่งถามว่ากรุงเทพนั้นสามารถเดินได้หรือไม่ คำตอบคือไม่ ซึ่งนั่นหมายความว่าเราก็ต้องอาศัยการใช้รถ แต่คำถามต่อมาก็คือ เราทุกคนสามารถเข้าถึงรถได้หรือไม่
โดยแท้ที่จริงเมื่อมองเงื่อนไขอื่น ๆ ซึ่งในลักษณะของเมืองกรุงเทพนี้นั้นมีเงื่อนไขที่เข้าข่ายในการเป็นเมืองโรแมนติกได้ตามในบทความ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของเมือง ชุมชน แลนมาร์กต่าง ๆ ที่น่าจดจำ และสถานที่ท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ตามที่ได้กล่าวมาดังข้างต้น ถือว่ากรุงเทพถึงยังขาดเงื่อนไขต่าง ๆ ในการที่จะเป็นเมืองโรแมนติก ทั้งปัจจัยด้านต่าง ๆ การมีพื้นที่สาธารณะที่น้อย ปัญหาทางเท้าที่ไม่เหมากับการสัญจรเดินทาง อีกทั้งระบบขนส่งสาธารณะที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ทุกคน รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ นั้นทำให้การปฏิสัมพันธ์เกิดขึ้นได้ยาก
อ้างอิง
- พิชฌน์ จันทร์พริ้ม. “พื้นที่สาธารณะน้อยลง คนโสดก็ยิ่งเยอะขึ้น ดูความสัมพันธ์ที่แปรผันไปกับเมือง.” Urban Creature, 13 กุมภาพันธ์ 2564. https://urbancreature.co/city-relationship-in-city-and-pucblic-space/.
- NovaBizz. “ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล Interpersonal.” สืบค้นเมื่อ 19 ธันวาคม 2565. https://www.novabizz.com/NovaAce/Relationship/Interpersonal.html.
- Vanat, Putnark. “เมื่อเมืองสัมพันธ์กับความรัก: เพราะการมีเมืองที่ดีส่งผลให้คนเราตกหลุมรักกันง่ายขึ้น.” The Matter, 12 กุมภาพันธ์ 2564. https://thematter.co/social/we_need_city_that_let_us_fall_in_love/135583.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in