ไม่รู้ว่าจะนิยามหนังสือเล่มนี้ยังไงดี มันเป็นหนังสือที่มีกลิ่นอายแปลกๆประหลาดๆ เจือผสมไปด้วยเรื่องราวเชิงประวัติศาสตร์ การสืบสวนสอบสวน และเหล่ากลุ่มคนแปลกประหลาดที่ออกมาสร้างสีสันให้หนังสือเล่มนี้อย่างไม่หยุดหย่อน
ไม่รู้ทำไม แต่รู้สึกชอบปกแบบไม่มีเหตุผลแฮะ
เรื่องย่อ
Audubon's Prayer หรือคำอธิษฐานของโอดูบอน เป็นเรื่องราวของหนุ่มไอทีที่ลาออกจากงานเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ และก็ไม่รู้ว่าคิดยังไงถึงได้ไปปล้นร้านสะดวกซื้อ หนีตายจากตำรวจ แล้วก็จับพลัดจับพลูได้มาอยู่บนเกาะที่ปิดตัวอย่างโดดเดี่ยวมาเป็นร้อยปี แล้วก็พบกับชาวบ้านนิสัยประหลาดๆบนเกาะแห่งนั้น ทั้งจิตรกรที่พูดแต่เรื่องโกหก เด็กหญิงที่นอนแนบหูกับพื้นเพื่อฟังเสียงหัวใจตัวเอง นักฆ่าหนุ่มรูปงามที่ชอบดอกไม้ หรือแม้กระทั่งหุ่นไล่กาที่พูดได้ ซึ่งถือว่าเป็นตัวละครสำคัญและปมหลักสำคัญของเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้
รีวิว+ความรู้สึกหลังอ่าน
เป็นหนังสือที่เปิดตัวมาช่วงแรกจะมีความสับสนงุนงงอยู่เล็กน้อย เพราะอยู่ๆพระเอกหรืออิโตก็โผล่มาอยู่บนเกาะชื่อโอกิชิมะ ซึ่งเป็นเกาะที่ปิดตายและไม่มีตัวตนอยู่บนแผนที่ของญี่ปุ่น แต่เรื่องราวก็ค่อยๆเปิดเผยออกมาว่าพระเอกไปทำอะไรมาถึงได้หนีหัวซุกหัวซุนมาอยู่ที่นี่ได้ แต่ก็ยอมรับว่าช่วงครึ่งแรกที่อ่านมีความรู้สึกเนือยๆอยู่บ้าง แต่พอถึงกลางๆเรื่องแล้วก็จะเริ่มติดลมแล้วอ่านยาวเลย
สิ่งที่น่าสนใจสำหรับเราก็คือ ชาวบ้านบนเกาะแต่ละคนแปลกมาก แต่ที่แปลกที่สุดก็คือหุ่นไล่กาชื่อยูโงะที่พูดได้ เป็นมิตรกับนก แถมยังทำนายอนาคตได้อีกต่างหาก แต่เรื่องราวก็เริ่มต้นขึ้นจากการที่มีคนไปฆาตกรรมหุ่นไล่กา ทำให้คนบนเกาะวุ่นวายและเริ่มตามหาตัวคนร้ายกันนี่แหละ
พล็อตเรื่องของหนังสือเล่มนี้มีความซับซ้อน มีกลิ่นอายของแนวลึกลับสืบสวนสอบสวนและแฟนตาซี สอดแทรกด้วยเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นและเรื่องราวที่น่าสะเทือนใจของนกพิราบพาสเซนเจอร์ และในหนังสือยังพูดถึงประเด็นอื่นๆซึ่งมีความน่าสนใจพอๆกัน แถมบางเรื่องยังหักมุมอย่างคาดไม่ถึงจนต้องร้องอ้าว! แต่ถึงอย่างนั้น พอได้ลองพิจารณาดูดีๆก็พบว่าเรื่องราวที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้เชื่อมโยงกันอย่างสมเหตุสมผลมาตลอด พออ่านจนจบถึงรู้สึกว่าคนเขียนได้สร้างสรรค์เรื่องราวต่างๆขึ้นมาอย่างลงตัว ไม่เยิ่นเย้อ อ่านแปปเดียวก็จบแล้วจริงๆ
ในหนังสือเรื่องนี้มีประเด็นหลายๆอย่างสอดแทรกเอาไว้ และก็เจือปนไปด้วยแนวคิดแบบทฤษฎีสมคบคิดที่น่าสนใจ และยังแสดงให้เห็นว่าทุกเรื่องราวบนโลกใบนี้ต่างก็เชื่อมโยงกันอยู่ ซึ่งหนังสือเล่มนี้สมมติเหตุการณ์เหล่านั้นโดยมีหุ่นไล่กาเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวบนเกาะ มีการพูดถึงความโหดร้ายของมนุษย์ที่ทำลายสิ่งสวยงามในธรรมชาติ ตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ และตั้งคำถามกับสิ่งที่เรามองเห็นว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา เหมือนกับการที่ทุกคนบนเกาะมองเห็นหุ่นไล่กาพูดได้นั่นแหละ!
ภาพของนกพิราบพาสเซนเจอร์หรือนักพิราบนักเดินทาง
นกที่สูญพันธุ์ไปแล้วและเป็นตัวแปรสำคัญของเรื่องนี้
ตัวละครที่ปรากฏในเรื่องนี้
เป็นหัวข้อที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยจริงๆ และเราก็พยายามจะหลีกเลี่ยงการสปอยล์ให้ได้มากที่สุด
อิโต เป็นตัวละครเอกที่ให้ความรู้สึกว่าเป็นคนธรรมดาที่สุดในเรื่องนี้แล้ว อีกทั้งยังเป็นตัวละครที่ทำตัวเป็นยอดนักสืบไขคดีบนเกาะนี้ให้กระจ่าง ถึงแม้จะมีความรู้สึกตงิดๆเหมือนกันว่าหมอนี่ฉลาดขนาดนี้ได้ยังไง แต่ก็คงต้องขอบคุณหุ่นไล่กายูโงะที่ทิ้งเบาะแสเอาไว้ตลอดทางนั่นแหละนะ
ฮิบิโนะ คู่หูคู่ฮาของพระเอก ทำงานเป็นช่างทาสีบนเกาะ เป็นคนที่มีความสามารถแต่ว่านิสัยค่อนข้างเพี้ยน เป็นตัวละครที่ทั้งอ่อนโยนและแข็งกระด้าง ทั้งน่าหมั่นไส้และก็น่าสงสารในเวลาเดียวกัน
โซโนะยามะ จิตรกรที่ฟั่นเฟือนเพราะว่าสูญเสียภรรยาจากเหตุการณ์ฆาตกรรม กลายเป็นคนที่พูดโกหกตลอดเวลาและพูดจาไม่รู้เรื่อง แต่ว่าเรื่องราวเกี่ยวกับตัวละครนี้กลับหักมุมในแบบที่คาดไม่ถึงสุดๆ
ซากุระ นักฆ่าหนุ่มที่ชื่นชอบดอกไม้และกวี ทำหน้าที่พิพากษาคนชั่วโดยที่คนบนเกาะไม่เข้ามายุ่ง เป็นตัวละครที่มีแนวคิดที่แปลกประหลาดมากที่สุดในเรื่องนี้แล้วล่ะมั้ง แต่ว่าเป็นตัวละครที่เท่มาก โผล่มาแต่ละทีโครตแย่งซีน
ชิโระยามะ ตำรวจผู้ที่เคยเป็นเพื่อนสมัยเด็กของพระเอก ตัวละครที่โรคจิตในระดับที่ต้องร้องอี๋แล้วหนีให้ห่าง แต่ว่าเข้ากับสถานการณ์ของประเทศไทยในตอนนี้สุดๆ ใครว่าตำรวจต้องเป็นคนดีกันล่ะ! หนังสือเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าจะเป็นยังไงหากตำรวจเป็นฝ่ายรังแกประชาชนอย่างโหดเหี้ยมซะเอง เสียดสีสังคมดีแท้
ทานากะ ชายขาพิการผู้รักนกยิ่งชีพ เป็นตัวละครที่ทำให้เราเข้าใจถึงที่มาของชื่อเรื่องหนังสือเล่มนี้ ทั้งยังเป็นตัวแปรสำคัญของเหตุการณ์ในเรื่องอีกด้วย
ยูโงะ หุ่นไล่กาที่มีอายุเป็นร้อยปี ตัวละครสำคัญที่ทำให้เรื่องนี้ดูแฟนตาซีขึ้นมา แต่ว่าก็เป็นตัวละครที่ลึกลับและมีเสน่ห์อยู่ไม่น้อย พออ่านจนจบและได้รู้เบื้องลึกเบื้องหลังเกี่ยวกับหุ่นไล่กาตัวนี้ก็อดที่จะรู้สึกทึ่งปนสงสารกับชะตากรรมที่เจ้าตัวประสบพบเจอมาตลอดไม่ได้เลย
ยังไม่รวมตัวละครแปลกๆอีกมากมายที่ปรากฎตัวในหนังสือเล่มนี้ หากใครสนใจก็ลองซื้อมาอ่านดูได้
สรุป
หนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยความมีเหตุผลและไม่มี มันทำให้เราฉุกคิดถึงอะไรหลายๆอย่างได้ในตอนที่อ่าน ทั้งที่ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นหนังสือที่อ่านสบายๆ แต่ว่าในหนังสือเล่มนี้มันแฝงปรัชญาและก็เสียดสีสังคมอยู่ไม่ใช่น้อยเลย ไหนจะมีการพูดถึงเรื่องราวของทฤษฎีสมคบคิดสุดประหลาด ซึ่งทิ้งคำถามไว้ให้คนอ่านแต่ไม่มีคำตอบตามสไตล์ของนักเขียนญี่ปุ่นส่วนมาก แต่ก็ยอมรับว่าเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของเรื่องได้เลย
(หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องแรกของคนเขียน ซึ่งพออ่านงานเขียนเล่มแรกของเขาที่ได้ตีพิมพ์แล้วก็รู้สึกว่าอยากจะอ่านเล่มต่อไปจริงๆนะ)
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร
- คนที่ชอบอ่านเรื่องที่มีตัวละครประหลาดๆและน่าสนใจ ชอบเรื่องราวที่ซับซ้อนและเจือกลิ่นอายของคดีสืบสวน
- คนที่ชอบอ่านเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น
- คนที่ชอบงานเขียนแนวญี่ปุ่นที่จบแบบปลายเปิด
คะแนน 9/10 โดยส่วนตัวเราชอบหนังสือเล่มนี้มาก เรามองว่ามันเป็นหนังสือที่อ่านง่าย เนื้อหากระชับและใช้เวลาไม่นานในการอ่าน แต่ก็หักคะแนนกับบางจุดที่เรารู้สึกว่ามันควรจะมีคำตอบที่ชัดเจนแต่กลับไม่มี
***ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ต้องเชื่อรีวิวเราเสมอไป รสนิยมการอ่านหนังสือของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เลือกอ่านเรื่องที่ตรงจริตกับเราจะดีที่สุด
รายละเอียดหนังสือ
ชื่อหนังสือ Audubon's prayer
ผู้เขียน Kotaro Isaka
ผู้แปล กนกวรรณ เกตุชัยมาศ
สำนักพิมพ์ กำมะหยี่
จำนวนหน้า 328
ราคา 310
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in