“
นี่คือคำถามที่ผมพบเจอบ่อยที่สุดในช่วงครึ่งหลังของเดือนกุมพาพันธ์2018 หลังจากที่เอาเวลาชีวิตหลายเดือนที่ผ่านมาไปโฟกัสกับกิจกรรมอย่างอื่นเป็นเวลานาน การได้ยินคำถามนี้จากใครหลายๆคน ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองโดนข้อศอกกระทุ้งที่ท้องซ้ำไปซ้ำมา เหมือนเป็นสัญญานที่ทำให้รูที่ทำให้เรารู้สึกตัวและต้องเบนโฟกัสมาใส่ใจกับการเดินทางร่อนเร่ในครั้งนี้เสียที การเดินทางท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมและไลฟ์สไตล์ที่โปรดปรานที่สุดของผมในชีวิตนี้อีกอย่างหนึ่ง การได้หลีกหนีออกจาความคุ้นเคยในชีวิตประจำวันเพื่อไปเฝ้าดูกิจวัตรจำเจและชีวิตประจำวันของคนอื่นในอีกมุมของโลก การหลบหนีจากความจริงของตัวเอง ก่อนจะหลบเข้าไปในความจริงของคนอื่นเป็นการชั่วคราวคือความตื่นเต้นของชีวิตที่มนุษย์ที่เราพอจะซื้อหาได้และยังให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับความหมายของคำว่า
อย่างไรก็ตาม แผนการร่อนเร่ในอินเดียของผมคราวนี้ไม่ได้มีเจตนาว่ามันจะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและโลดโผนอะไรมากมาย นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการแสวงหาในการเดินทางครั้งนี้ ที่เอาจริงๆแล้วเราไม่ได้คิดจะออกไปแสวงหาอะไรเลย ไม่มีสิ่งที่อยากดูเป็นพิเศษ ไม่มีการพกคำถามใดๆใส่กระเป๋าออกจากบ้านเพื่อหาคำตอบ เราเพียงอยากออกไปพบเห็นชีวิตในมุมนึงที่ห่างไกลจากบ้านก็เพียงเท่านั้น
ซึ่งพอเราไม่ได้มีการตั้งจุดประสงค์ของการรอนแรมอย่างชัดเจนมันทำให้เราตอบคำถามที่ว่า “ใกล้จะไปอินเดียแล้ว ตื่นเต้นไหม” ยากอยู่เหมือนกันด้วยความตั้งใจส่วนตัวที่อยากจะไปทำตัวลอยๆอยู่ต่างบ้านต่างเมืองทำให้เราไม่ใส่ใจกับการเตรียมตัวและหาข้อมูลอะไรนัก สิ่งที่รู้มีเพียงวันเดินทาง จุดหมายปลายทางจุดแรกและวันเดินทางกลับและจุดหมายสุดท้ายก่อนเดินบินกลับประเทศในไทยในอีกสองอาทิตย์ให้หลังซึ่งระหว่างจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด กินระยะทาง 1,513 กิโลเมตรโดยประมาณผมมีเวลา 2สัปดาห์ในการเดินทางท่องเที่ยวและไปให้ถึงสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ
ที่หลายๆคนถามว่า ตื่นเต้นไหม
พอคนเริ่มถามไถ่เยอะๆ จากความรู้สึกที่ว่า
“
“
“
คุณหมอย้ำแล้วย้ำอีกก่อนที่ผมจะเดินออกจากคลินิก จบจากเลคเชอร์เรื่องการอุปโภค/บริโภคในอินเดีย101 ยังมีอีกสารพัดแห่งความกังวลจากผู้ชมทางบ้าน ซึ่งก็คือ คนในครอบครัว แฟนและเพื่อนฝูง การที่เราตอบคำถามอะไรเกี่ยวกับการเดินทางครึ่งนี้ไม่ค่อยได้เพราะเราไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นทำให้ที่บ้านถึงกับกุมขมับ สมาชิกในครอบครับท่านหนึ่งกล่าวว่า
เพื่อนฝูงดูจะเป็นกลุ่มคนที่มีความกังวลสวัสติภาพของตัวผมน้อยที่สุด พวกเขามักจะโฟกัสไปที่สถานที่ที่ผมจะไปและกิจกรรมที่คิดว่าผมจะไปทำซึ่งผมก็ไม่สามารถหาคำตอบมาตอบคนกลุ่มนี้ได้เช่นกัน ช่วงปีที่ผ่านมาจนก่อนออกเดินทาง ชีวิตผมนั้นประกอบและต้องดำเนินตามแผนการต่างๆเต็มไปหมด ทั้งที่เป็นแผนการที่ตัวเราเองเป็นวางไว้ให้กับตัวเราเอง รวมถึงบทบาทของเราเป็นแผนการชีวิตของคนอื่นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ช่วงที่ผ่านมาเรากลายเป็นคนที่ใช้ชีวิตวิ่งไล่ตามกำหนดการณ์และต้องคอยคำนึงถึงผลลัพท์ที่กำลังตามมาตามลำดับเวลา นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาเดียวของปีที่ผมจะได้มีโอกาสหยุดพักจาก “แผนการชีวิต” และความเร่งรีบในกำหนดการณ์เล่านั้น ไปใช้ชีวิต ไปหายใจ ใช้เวลามองพระอาทิตย์และตก บนดินแดนที่ขนานนามว่า ชมพูทวีปเป็นครั้งแรก
ความคิด/ความอยากเดินทางไปสัมผัสประเทศอินเดียผุดขึ้นมาในหัวครั้งแรกในช่วงที่ใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัยมันคือความฝันที่จินตการไปถึงการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ซึ่งมีความโรแมนติกเกินจริงไปมาก ความใฝ่ฝันที่จะได้ออกผจญภัยและท่องไปกับอารยธรรมอันเก่าแก่และการเดินป่าท่ามกลางทิวทัศน์ภูเขาหิมะเป็นฉากหลังอยู่ไกลๆ ในการเดินทางไกลหลังเรียนจบไปยังประเทศอินเดียและเนปาลทริป ที่ผมเคยคิดเป็นจริงเป็นจังถึงขึ้นที่ว่าผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมาในระหว่างสัมภาษณ์งานครั้งแรกว่าเป้าหมายของการมาสมัครงานคือทำงานการเก็บเงินให้มากพอสำหรับการผจญภัยครั้งนี้แม้ว่าสุดท้ายหลังจากเรียนจบมาร่วม 4 ปี ความฝันที่ค้างคานี้ก็ยังคงห่างไกล ผมไม่เคยเก็บเงินได้ พอตั้งใจจะเก็บก็มักจะมีสิ่งสำคัญอื่นๆที่เราต้องจ่ายเสมอ นี่อาจจะเป็นราคาที่ต้องจ่ายสำหรับคนที่มี่ความฝันมากมายแต่กลับมีเพียงหนึ่งชีวิต แต่ไม่ว่าจะยังไง ไอเดียของการเดินทางไปยังอินเดียยังคงอยู่ในห้วงคำนึงเสมอจนช่วงปลายปีที่ผ่านมาผมจึงตัดสินใจทำงานบางอย่าง
ผมยัดความตั้งใจที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศอินเดียเข้ามาในแผนการชีวิตอย่างดื้อๆด้วยการจองตั๋วเครื่องบินไปก่อนโดยที่ยังไม่ได้เก็บเงินสำหรับการท่องเที่ยวแม้แต่บาทเดียวแล้วมาคิดทีหลังว่าจะทำยังไงต่อดี เพื่อการันตีกับตัวเองว่า เออ กูต้องไปแน่ๆแล้วล่ะคราวนี้ การเริ่มตั้งหมุดหมายแห่งการเดินทางทำให้เราต้องพยายามจัดสรรเวลาให้กับชีวิตส่วนนี้และสามารถจับยัดมันใส่กำหนดการณ์ชีวิตจนสำเร็จในที่สุด ส่วนค่ากินอยู่ก็เอาเงินเดือนๆล่าสุดไปใช้เป็นงบการกินอยู่เลยแล้วกัน
พอเอาเข้าจริง พอถึงวันเดินทางและลากสังขารตัวเองมาอยู่บนแท๊คซี่เพื่อมุ่งหน้าไปสนามบินจนเรียบร้อยแล้ว ความตื่นเต้นมันก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มันอาจจะไม่ได้เป็นทริปใหญ่อย่างที่ฝันไว้ในตอนแรก เราไม่สามารถมีเวลา 1-2 เดือนจากการลาออกจากงานประจำเพื่อไปทำตรงนี้อีกแล้ว จาก 2จึงเหลือเพียง 1 ประเทศ แต่มันก็เพียงพอที่จะเรียกความตื่นเต้นจากการได้กลิ่นของการเดินทางไกลที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่นี้ต่อไปเป็นเวลา15วัน จะเป็นยังไงวะ จะรอดไหม อาหารจะกินได้ไหม ลงเครื่องตอนตี2แล้วจะเดินทางไปที่พักยังไงต่อจากแผนการสู่เหตุการณ์เฉพาะหน้าการเดินทางไปสู่ที่ๆไม่คุ้นเคยทำให้เราต้องจดจ่อกับปัจจุบันและชักนำเราเข้าไปสู่การกลับมาทำความรู้จักตัวเองและผู้อื่นอีกครั้ง
March 2nd 2018 : Sunset : Viphavadi Rangsit Rd. Bangkok,Thailand photo by Krit Promjairux © 2018 All Rights Reserved
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in