เช้าหลังจากผ่านคืนวันแห่งมรสุม
ดวงตะวันทอแสงเจิดจ้าพอ จะส่องความอบอุ่นมาถึงหัวใจที่เปียกชื้นไปด้วยคราบน้ำตา
แต่แสงตะวันไม่ได้ช่วยให้ความปวดระบมของดวงตาที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักจางหายไปไหน
อีกทั้ง แสงตะวันยังกระตุ้นให้รู้สึกถึงความปวดหนึบของศรีษะ
.
.
.
ฤดูร้อนยังคงเป็นฤดูร้อน
ฤดูฝนยังคงเป็นฤดูฝน
ที่นี่มีแค่ 2 ฤดู ไม่ร้อน ก็ ฝน
.
.
ตัวฉันในวันนั้นแบกรับน้ำหนักของความอดทนมามากพอแล้ว หากไม่เป็นดังที่หวัง
ฉันคิด “ขอหลับไป ไม่ตื่นอีกได้ไหม แสงตะวันของวันพรุ่งนี้ทำให้ฉันกลัวเสมอ”
ในคืนนั้น มันมืดมิดจนฉันมองไม่เห็นแม้แต่จิตใจของตัวเอง
ในคืนนั้น มันอ่อนล้าจนฉันรู้สึกว่าแค่การหายใจอย่างแผ่วเบานั้น มันก็มากเกินพอที่คนอย่างฉันจะรับไหวแล้ว
ในคืนนั้น เหมือนดั่งตัวชี้วัดว่า ตัวฉันเข้มแข็งได้แค่ไหน เอาชนะปีศาจร้ายได้หรือไม่
ในคืนนั้น ฉันไม่มีคำตอบใดๆให้ตัวเองเลย
ในคืนนั้น ไม่ว่ายาตัวไหน ก็ไม่อาจช่วยให้ฉันข่มตาหลับลงได้
ณ ช่วงเวลาแห่งความมืดนั้น มันค่อยๆ กลืนกินทั้งร่างกาย และจิตใจของฉัน ราวกับร่างกายและจิตใจไม่เคยได้พบเห็นแสงสว่างใดๆ ทุกอย่างมันดูมากเกินไป และดูน้อยเกินไป
.
.
.
โชคดีที่คืนแห่งมรสุมผ่านไป และดวงตะวันยังคงฉุดรั้งให้ฉันตื่นจากความมืดมิด และกระชากเอาจิตใจที่เกือบดับหายไปในความมืดกลับมา
ไม่เช่นนั้น ฉันอาจไม่ได้พบว่าฉันอดทนได้มากพอ
ไม่เช่นนั้น ฉันอาจไม่พบความสำเร็จ
ไม่เช่นนั้น ฉันอาจไม่พบว่าการหายใจ มันไม่ใช่เรื่องหนักหนา
ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้น และไม่เช่นนั้น .....
To be continued
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in